สัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัยของ นิสสัน ใน “มหกรรมยานยนต์โตเกียว 2019”

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญเราเดินทางไปร่วมสัมผัส ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของ นิสสัน สู่นวัตกรรมการขับเคลื่อน อัจฉริยะ พร้อมร่วมพิธีเปิดบูธ นิสสัน ในงานมหกรรมยานยนต์โตเกียว 2019 รอบสื่อมวลชน วันที่ 23 ตุลาคม 2562

• นิสสัน เดย์ซ์

  ช่วงเช้าวันที่ 22 ตค. 62 ได้อุ่นเครื่องด้วย การทดลองขับ นิสสัน เดย์ซ์ แบบ ไมลด์ ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 3 สูบเรียง 659 ซีซี 52 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2.0 กิโลวัตต์ 2.7 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติซีวีที ขับ เคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 21.2 กม./ลิตร (มาตรฐาน WLTC) โดยทดลองขับ บนถนนย่านโอไดบะ ใช้ความเร็วตามกฎหมาย กำหนดในเขตเมือง แม้เป็นรถจิ๋ว แต่ เดย์ซ์ โดดเด่นเป็นพิเศษเรื่องพื้นที่วางขาที่มีเหลือเฟือ แม้เรี่ยวแรงจะไม่มากมาย แต่ถือว่าเพียงพอ สำหรับการใช้งานในเมือง พื้นที่ใช้สอยมาก และปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบตาม สถานการณ์  

• รถแข่ง ฟอร์มูลา อี ทีม NISSAN E.DAMS

  ช่วงเย็นของวันนั้น คณะสื่อมวลชนเดินทาง สู่ NISSAN GLOBAL HEADQUARTERS ที่ โยโก ฮามา ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 50 กม. เพื่อ ร่วมงานเปิดตัวรถแข่ง ฟอร์มูลา อี คันใหม่ของ ทีม NISSAN E.DAMS สำหรับใช้ในการแข่งขัน รายการ เอบีบี เอฟไอเอ ฟอร์มูลา อี แชมเพียน ชิพ ฤดูกาลหน้า   เช้าวันที่ 23 ตค. 62 สื่อมวลชนทั่วโลกหลั่ง ไหลมารวมตัวกันที่ TOKYO BIG SIGHT สถานที่ จัดงาน “มหกรรมยานยนต์โตเกียว ครั้งที่ 46” โดยไฮไลท์ของบูธ นิสสัน ปีนี้ คือ การอวดโฉม ครั้งแรกในโลกของ อารียา คอนเซพท์ ครอสส์ โอเวอร์ เอสยูวี พลังไฟฟ้า ที่นำเสนอทิศทาง ใหม่ของค่าย สำหรับยุคสมัยแห่งการขับขี่ อัตโนมัติ และยังมีรถแนวคิดที่จัดแสดงบนเวที เช่นเดียวกัน นั่นคือ นิสสัน ไอเอมเค รถไฟฟ้า ประเภท KEI CAR สำหรับคนเมือง ที่เพิ่งอวดโฉม ไปตอนช่วงต้นเดือนตุลาคม 2562 โดยรถทั้ง 2 คันนี้เป็นเหมือน “กรอบวิสัยทัศน์ใหม่” ที่ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของ นิสสัน  

• นิสสัน ลีฟ รุ่นพิเศษ ขับเคลื่อน 4 ล้อ

  วันที่ 24-25 ตค. 62 พโรแกรม 2 วันนี้ เรียก เป็นทางการว่า NISSAN INTELLIGENT MOBILITY TECHNOLOGY TOUR (NIMTT) วันแรกคณะ สื่อมวลชนเดินทางไปที่ สนามทดสอบ NISSAN GRANDRIVE ที่ คานากาวะ ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 60 กม. เพื่อทดลองขับ นิสสัน ลีฟ รุ่น พิเศษที่เสริมสมรรถนะด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยติดตั้งทั้งด้านหน้าและ ด้านหลัง ให้กำลังสูงสุด 227 กิโลวัตต์ แรงบิด สูงสุด 69.3 กก.-ม. ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะถูกบรรจุ ในรถไฟฟ้ารุ่นต่อไป (อารียา คอนเซพท์ ใช้ระบบ ขับเคลื่อนเทคโนโลยีเดียวกับ ลีฟ คันที่ลองขับ)  

• นิสสัน โนท อี-เพาเวอร์ นิสโม

 

• นิสสัน ลีฟ นิสโม อาร์ซี

  ต่อมาได้ทดลองขับ โนท อี-เพาเวอร์ นิสโม ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า ใช้พลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ที่ถูกประจุกระแสไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์แบบ 3 สูบเรียง DOHC 1,198 ซีซี 83 แรงม้า ผลงานชิ้น พิเศษของ NISMO ที่มีการปรับปรุงทั้งสมรรถนะ รูปลักษณ์ภายนอก และภายใน โดยนอกจาก ทดลองขับแล้ว ยังมีโอกาสได้นั่ง นิสสัน ลีฟ นิสโม อาร์ซี รถไฟฟ้าสายพันธุ์แรง ที่พัฒนาต่อ ยอดรถแข่งจากการแข่งขันรายการ ฟอร์มูลา อี แต่เป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยมอเตอร์คู่ ให้ กำลัง 322 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 65.3 กก.-ม. ตัวรถหนักเพียง 1,220 กก. จึงสามารถทำอัตราเร่ง จาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที แต่น่าเสียดาย สนาม และยางที่ใช้ ไม่สามารถรองรับสมรรถนะ ของรถได้เต็มที่ จึงต้องใช้โหมดที่มีการตอบ สนองน้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัย  

• นิสสัน สกายไลน์ ไฮบริด

  จากนั้นเดินทางสู่ YOKOHAMA TECHNO TOWER HOTEL เพื่อทดลองขับบนถนนจริง โดย เริ่มจาก นิสสัน สกายไลน์ ไฮบริด ซีดานหรู เจเนอเรชันล่าสุด มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ PROPILOT 2.0 ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นใหม่ ล่าสุด (ติดตั้งจากโรงงานรุ่นแรกและรุ่นเดียว ในขณะนี้) เราทดลองขับบนถนนทั่วไป และ ทางด่วน โดยระบบนี้ได้ผนวกการขับขี่แบบมี ระบบนำทางบนทางด่วน เข้ากับความสามารถ ในการขับขี่บนถนนแบบเลนเดียวโดยไม่ต้องจับ พวงมาลัย ด้วยการใช้ระบบนำทางในรถเพื่อช่วย ควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของรถบนเส้นทาง ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และถนนที่ถูกบันทึกไว้   ระบบนี้ช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเร่งแซง เปลี่ยนเลน และออกจากเลนได้บนทางด่วนที่มี หลายช่องจราจร โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยขณะเคลื่อนที่ในเลนที่กำหนด ตัวอย่างเช่น เมื่อต้อง มีการเปลี่ยนเลน หรือเตรียมเร่งแซงรถคันอื่น ระบบจะประเมินช่วงเวลาที่เหมาะสมในการ เปลี่ยนเลน หรือเร่งแซงด้วยข้อมูลจากระบบ นำทาง และการตรวจจับรอบคันแบบ 360 องศา โดยประมวลผลจาก เรดาร์ 5 ตัว กล้อง 7 ตัว และโซนาร์ 12 ตัว ผู้ขับขี่จะได้รับการแนะนำ ผ่านเสียง และภาพ โดยพร้อมที่จะใช้สองมือจับ พวงมาลัย และยืนยันการเริ่มต้นสั่งการเหล่านี้ ด้วยการกดสวิทช์ เมื่อขับขี่ด้วยระบบ PROPILOT 2.0 แสงไฟภายในห้องโดยสารจะเปลี่ยนสี เพื่อ ส่งสัญญาณว่าสามารถละมือออกจากพวงมาลัย ได้ พร้อมกับสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย การ ทำงานของระบบถือว่าสมบูรณ์แบบ และแสดง ให้เห็นถึงการเข้าสู่ยุคของการขับขี่อัตโนมัติ อย่างแท้จริง

• นิสสัน เซเรนา อี-เพาเวอร์

  นอกจากนี้ ยังได้ทดลองขับ นิสสัน เซเรนา อี-เพาเวอร์ เอมพีวี 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า โดยใช้พลังงานจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ที่ถูก ประจุกระแสไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์แบบ 3 สูบ เรียง DOHC 1,198 ซีซี 84 แรงม้า (HR12DE) ขับ เคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 23.4-26.2 กม./ลิตร (มาตรฐาน JC08) โดยทดลอง ขับเฉพาะบนถนนปกติ ไม่ได้ขึ้นทางด่วนเหมือน การทดลองขับ สกายไลน์ ไฮบริด การขับขี่ใช้งาน ปกตินั้น ให้ความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่ และผู้ โดยสารแถวที่ 2 แต่ผู้โดยสารแถวที่ 3 อาจรู้สึก คับแคบไปสักหน่อย ทัศนวิสัยขณะขับขี่โปร่ง โล่ง มีความคล่องตัวสูง พละกำลัง และแรงบิด มีให้ใช้เหลือเฟือ   วันรุ่งขึ้นเราเดินทางสู่ คานากาวะ อีกครั้ง เพื่อเยี่ยมชม NISSAN DESIGN CENTER และได้มีโอกาสชมรถรุ่นต่างๆ ที่กำลังจะออกสู่ท้องตลาด ทั่วโลกในอนาคตมากมายหลายรุ่น ซึ่งทำให้เรา เห็นทิศทางการออกแบบของ นิสสัน ที่ไม่เคยมี “คนนอก” ได้เห็นมาก่อน   ขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จํากัด ที่อำนวยความสะดวกใน การเดินทางครั้งนี้   เพิ่มอรรถรสในการอ่าน เพียงสแกนคิวอาร์โคดนี้