Toyota เปิดตัว Revo GR Sport ครั้งแรกในเอเชีย

ต่อมาปี 2547 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของ Toyota ประเทศไทยที่ได้รับความไว้วางใจจาก Toyota สำนักงานใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นฐานการผลิตรถกระบะ และรถอเนกประสงค์ประเทศแรกนอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำการผลิต และจำหน่าย ทั้งภายในประเทศ รวมทั้งส่งออกจำหน่ายในทุกภูมิภาคทั่วโลก ภายใต้โครงการ IMV ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Innovative International Multi-purpose Vehicle” ตลอดระยะเวลากว่า 5 ทศวรรษของ Toyota แห่งความมุ่งมั่น ทุ่มเท ค้นคว้า วิจัยและพัฒนาอย่างหนัก เพื่อให้ได้สุดยอดรถกระบะที่ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าในทุกภูมิภาคทั่วโลก ส่งผลให้รถกระบะ “ไฮลักซ์” เป็นรถกระบะยอดนิยมของคนไทย โดยมีลูกค้าครอบครองเป็นเจ้าของแล้ว จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 2.5 ล้านคัน* (*ข้อมูลยอดขายสะสมภายใต้โครงการ IMV ตั้งแต่ปี 2547 - กรกฎาคม 2564) สำหรับ Hilux Revo (ไฮลักซ์ รีโว) ใหม่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ “GD Super Power Engine” เจเนอเรชันที่ 2 และระบบช่วงล่างใหม่ “Superflex” พร้อมด้วยดีไซจ์นใหม่ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เช่น การเพิ่ม Wide Body ในรุ่น Lo-Floor และการเพิ่มเกียร์อัตโนมัติ ในรุ่นเริ่มต้นของตัว Lo-Floor ในโอกาสนี้ผมขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยทุกท่าน ที่ให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอย่างดี วันนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำ Hilux Revo GR Sport (จีอาร์ สปอร์ท) และ Hilux Revo รุ่นปรับปรุงใหม่ เป็นครั้งแรกของเอเชีย ซึ่งพัฒนาโดยหัวหน้าวิศวกรชาวไทย ดร. จุฬชาติ จงอยู่สุข และอัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล โดย Hilux Revo GR Sport นับเป็นผลิตภัณฑ์ GR รุ่นที่ 4 ที่แนะนำสู่ลูกค้าชาวไทย ต่อจาก Corolla GR Sport (โคโรลลา จีอาร์ สปอร์ท), GR Supra (จีอาร์ ซูพาร์) และ GR Yaris (จีอาร์ ยารีส) และเป็นรถกระบะในซีรีส์ GR รุ่นแรก ที่ผลิตในประเทศไทย โดยมี DNA ของมอเตอร์สปอร์ทภายใต้แนวคิดของ Gazoo Racing ที่ว่า “จากสนามแข่ง สู่ท้องถนน” โดย Hilux Revo GR Sport นับเป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากแรงบันดาลใจในการสร้าง "ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” รถรุ่นนี้มาพร้อมการออกแบบที่เน้นอารมณ์สปอร์ททั้งภายนอก และภายใน จากชุดแต่งพิเศษรอบคันที่เสริมประสิทธิภาพการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพการเกาะถนน และความคล่องตัวที่ดียิ่งขึ้นจากการทำงานของชอคอับแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ” นอกจากนี้ ในรุ่น Hi-floor เราได้เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย อาทิ กล้องมอบรอบคัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ และในรุ่น Lo-Floor มีการติดตั้งชุดไฟ LED ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน ในรุ่น Mid เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ให้โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการแต่งรถ สุดท้ายกับการแนะนำเครื่องยนต์ใหม่ 2.8 ลิตร “GD Super Power” ในรุ่นมาตรฐาน (B-CAB) เพิ่มสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ที่เน้นการบรรทุกหนัก หรือกลุ่มรับจ้างขนของในราคาที่น่าดึงดูดใจ พร้อมด้วยระบบ T-Connect ที่มอบการเชื่อมต่อระหว่างคน และรถ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดร. จุฬชาติ จงอยู่สุข หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค กล่าวว่า หลังจากที่ได้เปิดตัว Hilux Revo และ Fortuner (ฟอร์ทูเนอร์) ใหม่ ในปีที่ผ่านมา เราได้ทำการสำรวจถึงความคิดเห็นของผู้แทนจำหน่าย พนักงานขาย และลูกค้าผู้ใช้จริงทั่วประเทศ กว่า 1,000 ตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจทั้งจุดเด่น และจุดที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ โดยได้นำผลสำรวจดังกล่าวมาใช้สำหรับการพัฒนาสู่รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2564 นี้ โดยมีการปรับปรุงให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ในทุกๆ รุ่น - Hilux Revo รุ่นมาตรฐาน (B-CAB) เพิ่มความแรงด้วยเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ให้มีสมรรถนะทรงพลังมากยิ่งขึ้น มอบกำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหาเครื่องยนต์กำลังสูง เหมาะสำหรับกลุ่มที่ต้องใช้บรรทุกของหนัก หรือใช้ในธุรกิจด้าน Logistics ที่มีความแรง ทนทาน สามารถพาไปได้ทุกที่ - Hilux Revo รุ่น Z-Edition หรือตัวเตี้ย เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า Bi-Beam LED พร้อมระบบควบคุมการเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding ในรุ่น Mid เพิ่มความสปอร์ทในทุกมุมมอง ให้ดูน่าดึงดูดสายตามากยิ่งขึ้น สอดรับกับโป่งล้อ Wide Body ได้เป็นอย่างดี - Hilux Revo รุ่นยกสูง หรือ Prerunner (พรีรันเนอร์) และขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มฟังค์ชันความปลอดภัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างเต็มพิกัด ด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย/ขวา อัญญารัตน์ สุทธิเบญจกุล หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Hilux Revo รุ่น GR Sport ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นในตระกูล Gazoo Racing ซึ่งมีที่มาจากการที่ Toyota ได้เข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ทเพื่อทดสอบสมรรถนะยานยนต์ในสนามแข่งขันทั่วโลก ผ่านทีม Toyota Gazoo Racing เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรถยนต์ที่ใช้งานธรรมดา ให้สามารถวิ่งบนถนนที่ไม่ธรรมดา และมีอุปสรรคมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งยานยนต์ที่มีสมรรถนะพิเศษ โดยเราได้นำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้จากการแข่งขัน มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนารถยนต์รุ่น GR เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์ในการขับขี่แบบมืออาชีพที่ไม่เหมือนใคร “โดยดีไซจ์นของ GR คือ การผสมผสานระหว่างฟังค์ชันการใช้งาน และรูปลักษณ์ (Functional Beauty) ภายนอกโดดเด่นด้วยดีไซจ์นสปอร์ท โดยออกแบบให้รองรับการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพิ่มประสิทธิภาพ มีการขับขี่อันยอดเยี่ยม ภายในเน้นความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์รถแข่งระดับโลก Toyota Gazoo Racing ได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยฟังค์ชันการใช้งานที่ครบครัน ช่วยส่งเสริมสมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม โดย Hilux Revo รุ่น GR Sport ได้รับการพัฒนาพิเศษ 2 รุ่น ได้แก่ - Hilux Revo GR Sport ขับเคลื่อน 4 ล้อ แนวคิดในการพัฒนารถกระบะ Hilux Revo GR Sport ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งระดับโลกที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ World Rally Championship (WRC) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายการแข่งขันรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก โดยรถรุ่นนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีความชื่นชอบรถกระบะดีไซจ์น GR Sport ที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยมเหนือใคร มาพร้อมกับชอคอับแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการขับขี่ให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น พร้อมขับลุยได้ในทุกสภาพถนน - Hilux Revo GR Sport ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในรุ่น Lo-Floor หรือตัวเตี้ย แนวคิดในการพัฒนารถกระบะ Hilux Revo GR Sport ขับเคลื่อน 2 ล้อ ในรุ่น Lo-Floor หรือตัวเตี้ย ได้รับแรงบันดาลใจจากการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ Super GT (Grand Touring) ซึ่งเป็นการแข่งรถยนต์ทางเรียบความเร็วสูงอันดับ 1 ของเอเชีย และเป็นที่นิยมแพร่หลายในระดับโลก โดยรถรุ่นนี้เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการรถกระบะที่มีดีไซจ์นโดดเด่น โดยปรับลดความสูงช่วงล่างลง 23 มม. เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ (Vehicle Stability) โดยเฉพาะในช่วงความเร็วสูง พร้อมปรับปรุงช่วงล่างให้นั่งสบายเหมือนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น สุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณกลุ่มแพทย์ พยาบาล ที่ทำงานกันอย่างหนัก ไม่ย่อท้อเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์ COVID-19 ในขณะนี้ และผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนผ่านพ้นวิกฤตนี้ สำหรับตลาดรถยนต์นั้นได้รับผลกระทบเหมือนธุรกิจอื่นๆ แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้งานแบบด้าน Logistics ที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเราสามารถครองอันดับ 1 ด้านยอดขาย สำหรับรถกระบะตอนเดียวมากว่า 20 ปี สำหรับปีนี้ เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนารถกระบะ Hilux Revo ให้สามารถตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า ตั้งแต่การบรรทุกของหนัก ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเป็นรถคู่ใจที่สร้างรายได้ของทุกคน - Toyota Hilux Revo รุ่นมาตรฐาน (B-CAB) หรือกระบะตอนเดียว เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูง ใช้งานสำหรับบรรทุกของ หรือด้านการขนส่ง (Logistic) หรือเกษตรกรใช้บรรทุกผลิตผล และได้นำเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มาใส่รุ่นมาตรฐาน พร้อมด้วยระบบช่วงล่างที่แข็งแกร่ง รองรับน้ำหนักบรรทุกได้อย่างดี และประหยัดน้ำมันสูงสุด - Toyota Hilux Revo รุ่น Z-Edition หรือกระบะตัวเตี้ยหน้าหล่อ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ต้องการความแตกต่าง และโดดเด่น สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน หรือทำธุรกิจ งานบรรทุก การค้าขายปลีก-ส่ง ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถนำไปตกแต่งเพิ่มได้ตามความต้องการจากร้านรถแต่งชั้นนำ ซึ่งในรุ่น “Z-Edition ตัวเตี้ยหน้าหล่อ” ได้มีการปรับเพิ่มไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับได้ และไฟท้ายแบบ LED ดูมีรูปลักษณ์ใหม่ที่เท่สะดุดตา ทันสมัย สวยสะดุดตามากยิ่งขึ้น - Toyota Hilux Revo รุ่นยกสูง (Prerunner) ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถือได้ว่าเป็นรถกระบะรุ่นยอดนิยม ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่อเนกประสงค์ และสะดวกสบายเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง ซึ่งในรุ่นนี้ได้เพิ่มกระจังหน้าโครเมียม และไฟหน้าแบบ LED ปรับระดับอัตโนมัติ และไฟท้ายแบบ LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย สะท้อนภาพลักษณ์สุดโดดเด่น เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ในรุ่น Mid ยังได้เพิ่มเบาะหนัง พร้อมปรับด้วยไฟฟ้าด้านผู้ขับ ให้ความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สำหรับในรุ่น High และ Rocco ที่เพิ่มฟังค์ชันความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) ให้ความมั่นใจ และยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่ขั้นสูงสุด ครั้งแรกของเอเชียกับ Hilux Revo GR Sport มิติใหม่ของรถกระบะที่ได้รับการพัฒนาตามทเรนด์ของตลาดโลกในขณะนี้ โดยแนวคิดของ GR Sport มีจุดเริ่มต้นจากการที่ Toyota เข้าร่วมการแข่งขันทดสอบสมรรถนะยานยนต์ในสนามแข่งทั่วโลก อาทิ WRC และ Super GT ผ่านทีมรถแข่งระดับโลกของ Toyota “Toyota Gazoo Racing” ซึ่งเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แก่ทั้งรถ และคนที่สร้างรถเหล่านั้น เพื่อนำความรู้ และความรู้สึกที่ได้จากการขับ รวมถึงสมรรถนะของรถยนต์อันไร้ขีดจำกัดที่ได้จากการแข่งขันมาพัฒนารถยนต์ของ Toyota ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์ และพัฒนารถยนต์รุ่นพิเศษ หรือ GR Series ที่ทุกคนสามารถครอบครองได้ โดย Hilux Revo GR Sport คือ ที่สุดแห่งยนตรกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์แห่ง Toyota Gazoo Racing ไว้ในทุกรายละเอียด Toyota ได้พัฒนา Hilux Revo GR Sport มาถึง 2 รุ่น ได้แก่ รถกระบะยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ และกระบะตัวเตี้ยขับเคลื่อน 2 ล้อ” 1. Hilux Revo GR Sport ยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (Hi-Floor (4x4)) รถกระบะยกสูงรุ่นทอพ Premium Adventure เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหารถกระบะดีไซจ์นสปอร์ท ที่มาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูง ทรงพลัง ขับสนุก ควบคุมได้ดั่งใจ สามารถขับลุยได้ทุกที่ ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเหมือนขับขี่รถยนต์นั่ง และมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลก Toyota Safety Sense ดีไซจ์นภายนอก โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับรถแข่งดับโลก Toyota Gazoo Racing ด้วยกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ ดีไซจ์นใหม่ พร้อมตัวหนังสือ TOYOTA และสัญลักษณ์ GR กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่ง และกันชนหลังสีดำเมทัลลิค ชุดตกแต่งซุ้มล้อสีเดียวกับตัวรถ ตกแต่งด้วยสีดําเมทัลลิค กระจกมองข้างสีดําเมทัลลิค ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Welcome Light เสาอากาศแบบ Shark fin สัญลักษณ์ GR และ GR Sport บริเวณด้านข้างและประตูท้าย สปอร์ทบาร์สีดำเมทัลลิค พร้อมไฟส่องสว่าง LED และพื้นปูกระบะ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซจ์นใหม่แบบ GR Sport สติคเกอร์ด้านข้าง และท้ายกระบะ ดีไซจ์นพิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport กุญแจรีโมท Smart key ดีไซจ์นพิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport ดีไซจ์นภายใน บ่งบอกตัวตนความสปอร์ทในทุกมิติ ภายในดีไซจ์นสปอร์ทโทนสีดำสลับแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke silver พร้อมสัญลักษณ์ GR ให้ความรู้สึกสปอร์ทในสไตล์รถแข่ง เบาะนั่ง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์เดินด้ายตกแต่งสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR แผงคอนโซลหน้า และช่องปรับอากาศด้านหน้าตกแต่งด้วยสี Smoke silver และสีดำเมทัลลิค แผงข้างประตูสีดำ บุหนังสังเคราะห์พร้อมแถบสี Smoke silver และสีดําเมทัลลิค พวงมาลัยดีไซจ์นสปอร์ท พร้อมหน้าปัด และระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push start พร้อมสัญลักษณ์ GR แป้นคันเร่ง และเบรค แบบสปอร์ท สมรรถนะการขับขี่ ระบบส่งกำลังในสไตล์รถสปอร์ท ตอบสนองได้ดั่งใจ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระ แบบปีกนกคู่ (Double Wishbone Suspension) และระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง พร้อมชอคอับแบบ  โมโนทูบ (Monotube Shock Absorber) ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ระบบเบรคหน้าแบบจาน มีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิเพอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR ฟังค์ชันความปลอดภัย มั่นใจได้ทุกการเดินทาง ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ (Lane Departure Alert) ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) กล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) 2. Hilux Revo GR Sport ขับเคลื่อน 2 ล้อ (Lo-Floor) รถกระบะตัวเตี้ยที่เพิ่มความ Sport Premium ตอบโจทย์ลูกค้าสายรถแต่ง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ 2.8GD Super Power ที่ให้ความเร็ว แรง และการขับขี่ที่สนุกสนานมากยิ่งขึ้น ซึ่งถูกพัฒนาสำหรับรถกระบะ Hilux Revo ในประเทศไทยเท่านั้น ดีไซจ์นภายนอกโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับรถแข่งดับโลก Toyota Gazoo Racing กระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ และสีดำเมทัลลิค ดีไซจ์นใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่ง ชุดตกแต่งสเกิร์ทรอบคัน กระจกมองข้างสีดําเมทัลลิค ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เสาอากาศแบบ Shark fin สัญลักษณ์ GR และ GR Sport บริเวณด้านข้าง และประตูท้าย ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซจ์นใหม่แบบ GR Sport สติคเกอร์ด้านข้างกระบะ ดีไซจ์นพิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport ดีไซจ์นภายใน บ่งบอกตัวตนความสปอร์ทในทุกมิติ ภายในดีไซจ์นสปอร์ทโทนสีดำสลับแดง ตกแต่งด้วยสี Smoke silver พร้อมเดินด้ายตกแต่งสีแดง และสัญลักษณ์ GR ให้ความรู้สึกแบบสปอร์ทในสไตล์รถแข่ง เบาะนั่ง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์เดินด้ายตกแต่งสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR แผงคอนโซลหน้า และช่องปรับอากาศด้านหน้าตกแต่งด้วยสี Smoke silver และสีดำเมทัลลิค แผงข้างประตู สีดำบุหนังสังเคราะห์พร้อมแถบสี Smoke silver และสีดําเมทัลลิค พวงมาลัยดีไซจ์นสปอร์ท พร้อมหน้าปัด สัญลักษณ์ GR แป้นคันเร่ง และเบรค แบบสปอร์ท สมรรถนะการขับขี่ ระบบส่งกำลังในสไตล์รถสปอร์ท ตอบสนองได้ดั่งใจ เครื่องยนต์ GD Super Power 2.8 ลิตร ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องพละกำลัง และความประหยัดสูงสุด ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ระบบเบรคหน้าแบบจาน มีครีบระบายความร้อน พร้อมคาลิเพอร์สีแดง และสัญลักษณ์ GR การออกแบบปรับลดความสูงช่วงล่างลง 23 มม. เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ลดอาการโคลงของตัวรถ ช่วยเรื่องการทรงตัว และเกาะถนนมากยิ่งขึ้น สุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรามุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์สุดพิเศษในการซื้อรถ (New Buying Experience) และสร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับในการครอบครองรถ (New Usage Experience) ด้วยบริการ Exclusive รูปแบบต่างๆ สำหรับลูกค้ารถยนต์ Toyota ผ่าน Application T-Connect by TOYOTA เพื่อให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของรถได้ง่ายยิ่งขึ้น และเกิดความรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัย และสะดวกสบายตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถ - ประสบการณ์การซื้อรูปแบบใหม่ New Buying Experience ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่จะเปลี่ยนการซื้อรถจากรูปแบบเดิม พร้อมสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าด้วยบริการรูปแบบใหม่ 1. Estimate Time of Arrival (ETA) บริการที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบระยะเวลาการส่งมอบรถที่สั่งจองได้ 2. Connected Auto Loan (CAL) โปรแกรมที่ช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ง่ายขึ้นกว่าที่เคย 3. KINTO อิสรภาพใหม่ของการใช้รถจาก Toyota ด้วยบริการออนไลน์เช่ารถระยะยาวสำหรับลูกค้าทั่วไป และนิติบุคคล ที่ให้คุณเป็นเจ้าของรถใหม่ได้ง่าย หลากหลายรุ่นให้เลือก ด้วยบริการ คินโตะ วัน “ฉลาดสุดๆ ไม่ต้องดาวน์ ถูกใจค่อยซื้อ” ด้วยการให้บริการแบบครบวงจรทั้ง 3 ด้าน 1. Full Service ตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายด้วยบริการคุณภาพมาตรฐานจาก Toyata • การบำรุงรักษาประกันภัยชั้น 1 จาก Toyota Care • บริการพิเศษช่วยเหลือฉุกเฉิน • บริการรถทดแทนระหว่างซ่อม                      • การดูแลเรื่องภาษีรถยนต์ประจำปี 2. One Price ตอบโจทย์ความคุ้มค่าในการใช้รถ ลูกค้าสามารถใช้รถได้อย่างคุ้มค่ากับ ค่าบริการราคาเดียวตลอดอายุสัญญา • ไม่ต้องดาวน์ • หมดกังวลเรื่องราคาขายต่อ • เมื่อครบสัญญา เลือกผ่อนต่อเป็นเจ้าของ หรือเลือกรถคันใหม่* (*ใหม่ ! เมื่อครบสัญญาลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถได้ โดยมีค่าผ่อนชำระใกล้เคียงเดิม) 3. Online Service ตอบโจทย์อิสระใหม่ในการใช้บริการ ด้วยบริการเช่ารถทางออนไลน์ที่ให้ความสะดวกสบาย และรวดเร็วตั้งแต่ต้นจนจบ สมัครใช้บริการทางเวบไซท์ www.kinto-th.com และใช้งานผ่านโมบายล์แอพพลิเคชัน KINTO สามารถตรวจสอบผลอนุมัติการสมัครได้ไวภายใน 1 ชั่วโมง ในวันและเวลาทำการ - ประสบการณ์ในการใช้งานรูปแบบใหม่ (New Usage Experience) เทคโนโลยีเชื่อมการขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่ส่งมอบบริการผ่านแอพพลิเคชัน T-Connect by TOYOTA 1. Always Located and Protect บริการเพื่อความอุ่นใจ ปลอดภัย ไร้กังวล ประกอบด้วยการบริการ ดังนี้ - Find My Car เชคตำแหน่งรถ Real Time ได้ทุกที่ ทุกเวลา - ระบบติดตามการโจรกรรม (TheftTrack) ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม โดย Toyota ประสานความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง - ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS) - ระบบกำหนดขอบเขตปลอดภัย (Geo-fencing) 2. Telematics CARE ช่วยให้การดูแลรถยนต์เป็นเรื่องง่าย ช่วยคลายความกังวลในการขับขี่ - บริการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา (Maintenance Reminder) รวมถึงประสานงานนัดหมาย ออนไลน์ - ข้อมูลรถ และการขับขี่ (Vehicle Information) การแสดงสถานะรถยนต์ และข้อมูลการขับขี่ พร้อมบริการแจ้งเตือนต่อทะเบียนและต่อประกันภัยรถ - บริการแจ้งเตือนต่อทะเบียนรถประจำปี - ประกันภัย ขับดีลดให้ หรือ Pay How You Drive (PHYD) ประกันภัยรูปแบบใหม่ ที่จะทำให้ประหยัดได้มากกว่า ด้วยส่วนลดจากการวิเคราะห์ข้อมูลการขับขี่ ขับรถดี ขับปลอดภัย คำนวณส่วนลดค่าเบี้ยประกันต่ออายุ ตามพฤติกรรม และระยะทางการขับขี่ 3. Happiness Mobility บริการเพิ่มความสุขทุกเส้นทาง ประกอบด้วย - บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Services) พร้อมดูแลคุณตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีระบบบริหารยานพาหนะ และการขนส่งแบบครบวงจร FTS (Fleet Telematics Service) สำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ หรือ กลุ่ม Logistics ที่จะช่วยให้สามารถติดตาม วางแผนการใช้รถ และควบคุมการใช้งาน รวมทั้งพนักงานขับรถได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ โดยมีระบบแสดงผลได้แบบ Real Time พร้อมรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ของตัวรถ และการใช้งานรถอีกด้วย “เรามีความมุ่งมั่นในการพัฒนารถให้ตอบสนองความต้องการลูกค้า เพื่อสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ และการบริการของเราให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ และในปีนี้ที่เราได้เปิดตัว GR Sport ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า GR Sport จะสามารถยกระดับความเป็นที่หนึ่งของรถกระบะ และพร้อมเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ด้วยเหตุนี้ ราจึงใช้แนวทางการสื่อสารทางการตลาดว่า “Race your Ultimate Ambition” ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในยนตรกรรมที่ล้ำสมัย ผสานทุกความเป็นที่สุดไว้หนึ่งเดียว” โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมตอนท้ายว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า GR Sport จะทำให้เราเข้าถึงลูกค้าที่มองหาความเหนือระดับในรถกระบะด้วยสมรรถนะที่ดียิ่งกว่า พร้อมด้วยรูปลักษณ์สปอร์ท และเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของรถกระบะยุคใหม่ในประเทศไทย ผมได้ทดลองขับรถกระบะรุ่น GR Sport มาแล้วในสนามแข่ง รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง กับความคล่องตัวในการขับขี่ และการควบคุมที่ตอบสนองได้ดี แม้ในความเร็วสูง และยังสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ในระบบช่วงล่าง และสมรรถนะของเบรค ซึ่งสร้างความมั่นใจสูงสุดในขณะขับขี่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.8 ลิตร ในรุ่นมาตรฐาน หรือกระบะตอนเดียว มอบพละกำลังสูง และอัตราเร่งที่ตอบสนองได้เป็นอย่างดี ทำให้การควบคุมรถแม่นยำ และดีเยี่ยม ผมเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์การใช้งานเพื่อการบรรทุกหนักได้อย่างสมบูรณ์ ผมขอให้ทุกท่านลองสัมผัส และทดลองขับรถรุ่นใหม่นี้ด้วยตัวท่านเองครับ