โรลล์ส-รอยศ์ ซิลเวอร์ คราวน์ (ROLLS-ROYCE SILVER CROWN) ปี 1959 สัญชาติอังกฤษคันนี้ ในอดีต นิยมใช้กันในหมู่ราชวงศ์ กลุ่มผู้นำประเทศ และสังคมชั้นสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่น้อยคนจะพบเห็นรถยนต์ดังกล่าวตามท้องถนนทั่วไป

โรลล์ส-รอยศ์ ซิลเวอร์ คราวน์ (ROLLS-ROYCE SILVER CROWN) ปี 1959 สัญชาติอังกฤษคันนี้ ในอดีต นิยมใช้กันในหมู่ราชวงศ์ กลุ่มผู้นำประเทศ และสังคมชั้นสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่น้อยคนจะพบเห็นรถยนต์ดังกล่าวตามท้องถนนทั่วไป ผู้ดูแลเล่าให้ฟังว่า เจ้าของเดิมทำงานเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่ง ตอนหลังประมูลกับทางองค์การโทรศัพท์ไม่ได้ บริษัทอื่นได้ไป ทำให้บริษัทนี้ล้มเลิกกิจการ ตอนหลังเจ้าของเสียชีวิต ลูกชายไม่สนใจเล่นรถโบราณ และคิดว่าตัวเองคงดูแลได้ไม่ดี จึงได้ตัดสินขายรถยนต์คันนี้ให้กับทาง บัดดี้กรุ๊ป โดยมีคนแนะนำให้มาขายอีกทีหนึ่ง เมื่อมองจากภายนอก ดูขรึมด้วยโทนสีน้ำตาล ตัดกับหลังคา และฝากระโปรงหลังสีขาว สะดุดตาด้วยไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้า มือจับประตู และกันชนโครเมียม โป่งล้อหน้า/หลัง และแนวสันข้าง อวบอูม ทำให้รถดูมีมัดกล้าม ภายในใช้เบาะหนัง และแผงประตูสีแดง ที่ได้รับการรักษาอย่างดี พวงมาลัย 3 ก้าน แผงหน้าปัดลายไม้ หน้าปัดทรงกลม ยังคงใช้งานได้ดี มีวิทยุติดตั้งแบบบิลท์อิน หลังพนักพิงหน้าทั้ง 2 ตำแหน่ง มีที่ใส่สัมภาระลายไม้ และระบบปรับอากาศแบบแยกส่วน หน้า/หลัง เปิดฝากระโปรงด้านหน้าพบเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ 8 สูบ รูปตัว วี กำลังสูง สามารถพาร่างอันใหญ่โต 2,540 กก. เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างสบายๆ เจ้าของรถคันนี้ ไม่ขอเปิดเผยนาม แต่เขาคือ 1 ในเจ้าของ "บัดดี้ กรุ๊ป" ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรม บนถนนข้าวสาร อันเลื่องชื่อ เขาเล่าให้เราฟังว่า เมื่อเจ้าของเดิมเสียชีวิต รถคันนี้จึงตกเป็นของลูกชาย แต่ลูกชายกลับไม่สนใจเล่นรถโบราณ และมีความคิดว่าคงดูแลได้ไม่ดีพอ จึงตัดสินใจขายรถยนต์คันนี้ให้กับ บัดดี้กรุ๊ป ผมซื้อรถคันนี้เมื่อปี 2544 ในราคา 1 ล้านบาท เรียกได้ว่า ซื้อแล้วเหมือนได้เปล่าเลย เพราะราคาในตลาดไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท เห็นครั้งแรกรู้สึกชอบเลย เพราะรถดูดีมาก อาจหมองบ้าง จึงทำสีใหม่ แต่คงสีเดิมไว้ เพราะดูคลาสสิคดี นอกจากนี้ยังจัดการแก้ปัญหาเรื่องความร้อนของเครื่องยนต์ขึ้นสูง เมื่อวิ่งในการจราจรติดขัด ตอนนี้รถสมบูรณ์มาก ผมเคยขับไปไกลสุดถึง สัตหีบ ลองเหยียบดู วิ่งได้ตั้ง 140 กม./ชม. ก็ยังนิ่ง "7 ปีแล้วที่รถคันนี้อยู่กับผม เคยมีคนมาติดต่อขอซื้อ แต่ผมไม่ขายหรอก เพราะเกิดความผูกพันกับรถคันนี้ไปแล้ว ต้องติดเครื่องทุกวัน เพื่อให้เครื่องยนต์ได้ทำงาน ผมอยากอนุรักษ์ของดีๆ ไว้ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ชม และศึกษาต่อไป" บันทึกไว้ในกาลเวลา หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดใหม่ๆ โรลล์ส-รอยศ์ ไม่ได้ผลิต ซิลเวอร์ คราวน์ ออกมามากนัก กล่าวกันว่าในรุ่นที่ 4 มีเพียง 16 คัน เพื่อใช้ในราชวงศ์ และกลุ่มผู้นำประเทศ กระทั่งปี 1959 “ซิลเวอร์ คราวน์” (SILVER CROWN) ได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบ 8 สูบ รูปตัว วี มันจึงสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม. ทั้งยังถูกยืดฐานล้อให้ยาวขึ้นไปเป็น 3.68 ม. เพื่อให้พื้นที่โดยสารด้านหลังกว้างขวาง และมีประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ด้วยเหตุนี้มันจึงมียอดสั่งซื้อมากขึ้น เพื่อใช้ในพิธีการ และงานสังคมระดับสูง จนถึงปี 1968 ซิลเวอร์ คราวน์ จึงปรากฏอยู่บนท้องถนนทั่วโลกถึง 832 คัน ก่อนที่จะออกรุ่นที่ 6 ในปีต่อมา ปี คศ. 1962 จาไมคา ทรีนิแดด และโทบาโก ได้รับเอกราช ปี คศ. 1965 อเลกซี ลีโอนอฟ ชาวโซเวียต เป็นนักบินอวกาศคนแรกที่เดินท่องกลางอวกาศ ปี คศ. 1967 กรีก ล้มเลิกระบบกษัตริย์ ปี คศ. 1969 นีล เอ อาร์มสตรอง นักบินอวกาศของสหรัฐอเมริกา เป็นมนุษย์อวกาศคนแรกที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ ข้อมูลจำเพาะ ยี่ห้อ/รุ่น โรลล์ส-รอยศ์ ซิลเวอร์ คราวน์ รูปแบบ 4 ประตู ปีที่ผลิต (คศ.) 1959 เครื่องยนต์ แบบ เบนซิน 8 สูบ รูปตัว วี ความจุ (ซีซี) 6,230 เกียร์/จังหวะ อัตโนมัติ 4 น้ำหนักรถ (กก.) 2,540 เล็กๆ ท้ายเรื่อง เนื่องด้วยคอลัมน์สังคมรถโบราณฉบับเดือนเมษายน มีความผิดพลาดในชื่อและนามสกุลของคุณสุชาต วิริยะพานิช เจ้าของรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ 220 เอส กาบริโอเลต์ กองบรรณาธิการจึงขออภัยมา ณ ที่นี้