วันนี้เป็นยุคสมัยที่ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกรายกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับการออกแบบและพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ทำร้ายโลก คือ บริโภคเชื้อเพลิงน้อยและปล่อยไอพิษไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสรุปได้อย่างหุนหันพลันแล่นว่า ผู้ผลิตรถสมรรถนะสูงที่วิ่งได้เร็วและกินน้ำมันจุกำลังจะหมดช่องทางทำมาหากิน เพราะโลกนี้ใช่จะมีแต่ผู้ใช้รถที่เป็นห่วงเป็นใยกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น หากยังมีผู้ใช้รถจำนวนหนึ่งที่มีพลังเงินสูง และดูจะไม่ใส่ใจสักเท่าไรว่าโลกที่อยู่รอบตัวจะเป็นอย่างไร ? ยอดขายของรถประเภทนี้จึงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ลดลง

วันนี้เป็นยุคสมัยที่ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกรายกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับการออกแบบและพัฒนารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ทำร้ายโลก คือ บริโภคเชื้อเพลิงน้อยและปล่อยไอพิษไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสรุปได้อย่างหุนหันพลันแล่นว่า ผู้ผลิตรถสมรรถนะสูงที่วิ่งได้เร็วและกินน้ำมันจุกำลังจะหมดช่องทางทำมาหากิน เพราะโลกนี้ใช่จะมีแต่ผู้ใช้รถที่เป็นห่วงเป็นใยกับสิ่งแวดล้อมเท่านั้น หากยังมีผู้ใช้รถจำนวนหนึ่งที่มีพลังเงินสูง และดูจะไม่ใส่ใจสักเท่าไรว่าโลกที่อยู่รอบตัวจะเป็นอย่างไร ? ยอดขายของรถประเภทนี้จึงยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ลดลง ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างสัก 2 ราย รายแรก คือ โพร์เช (PORSCHE) ของเยอรมนี ผู้ผลิตรถสปอร์ทและรถกิจกรรมกลางแจ้งระดับสุดหรูรายนี้ เพิ่งประกาศเมื่อตอนต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าในรอบปี 2012 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สามารถขายรถในตลาดทั่วโลกได้ถึง 143,096 คัน คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22.3 จากยอดขาย 116,978 คัน ในรอบปี 2011 และมีผลกำไรจากการดำเนินงานถึง 2,439 ล้านยูโร หรือเท่ากับประมาณ 97,500 ล้านบาทไทย คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 19.3 จากผลกำไรที่ทำได้ในปี 2011 อีกราย คือ แฟร์รารี (FERRARI) ของอิตาลี ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ท "ม้าลำพอง" รายนี้ประกาศเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2013 ว่า ในรอบปี 2012 สามารถทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 7,318 คัน คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 จากตัวเลขที่เคยทำได้ในรอบปี 2011 และทำกำไรสุทธิได้รวมทั้งสิ้น 244 ล้านยูโร หรือเท่ากับประมาณ 9,700 ล้านบาทไทย คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.8 จากที่ทำได้ในรอบปี 2011 รถที่เลือกมาให้ชมกันใน "ระเบียงรถใหม่" เดือนนี้ เป็นรถสมรรถนะสูงล้วนๆ และเกือบทั้งหมดล้วนเป็นรถใหม่ ซึ่งเพิ่งอวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งล่าสุด ซึ่งอุบัติขึ้นในเมืองนาฬิกา ระหว่างวันที่ 7-17 มีนาคม 2013 เริ่มกันที่ โรลล์ส-รอยศ์ เรธ (ROLLS-ROYCE WRAITH) ผลงานชิ้นใหม่เอี่ยมแกะกล่องของยอดผู้ผลิตรถหรูเมืองผู้ดี ที่ชอบนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่แปลว่าผีหรือปีศาจมาตั้งเป็นชื่อรุ่นของรถ เป็นรถคูเประดับหรูขนาดเฮวีเวทที่พัฒนาจากรถซาลูน โรลล์ส-รอยศ์ โกสต์ (ROLLS-ROYCE GHOST) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อต้นปี 2010 โดยตั้งความหวังไว้ว่า ส่วนหนึ่งของผู้ที่จะตัดสินใจซื้อรถคูเปแบบใหม่นี้ น่าจะมีอายุน้อยกว่าผู้ที่เป็นเจ้าของรถ โรลล์ส-รอยศ์ ในปัจจุบัน ตัวถังยาว 5.269 ม. กว้าง 1.947 ม. และสูง 1.507 ม. ซึ่งติดตั้งประตูข้างด้านละ 1 บาน และเป็นประตูที่ติดบานพับไว้ด้านหลัง มีรูปทรงองค์เอวที่ดูไม่เหมือนรถคูเปทั่วๆ ไปโดยเฉพาะส่วนท้าย คือ มีส่วนท้ายที่ลาดยาวอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า ฟาสต์แบค (FASTBACK) เป็นรถที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษของค่ายนี้ เพราะติดตั้งระบบขับล้อหลังด้วยพลังของเครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 12 สูบ ความจุ 6,592 ซีซี ที่ให้กำลังสูงถึง 465 กิโลวัตต์/624 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. และให้แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร/81.6 กก.-ม. ที่ 1,500-5,500 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ มีการเชื่อมต่อกับระบบดาวเทียมผ่าน GPS ทำให้สามารถเลือกจังหวะเกียร์ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพการจราจรบนท้องถนน สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของผู้ผลิต โรลล์ส-รอยศ์ เรธ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ไม่โหดนัก คือ 14.0 ลิตร/100 กม. หรือ 7.1 กม./ลิตร แต่อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หนักหน่อย คือ สูงถึง 327 กรัม/กม. ถ้าตัดสินใจว่าจะซื้อก็ยังซื้อไม่ได้ในขณะนี้ แต่ต้องรอจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ร่วง คือ ประมาณปลายปี 2013 ค่าตัวยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่คาดหมายกันว่า น่าจะอยู่ที่ 215,000 ปอนด์อังกฤษ หรือเท่ากับประมาณ 9.7 ล้านบาทไทย (หากเงินอังกฤษ 1 ปอนด์ ยังแลกได้ด้วยเงินไทย 45 บาท อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้)