ข่าวรอบโลก
ข่าวรอบโลก
รถดาวสามแฉกอนุกรมใหม่
เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ
เปิดตัวแล้วในสองประเทศ
เยอรมนี/สหรัฐอเมริกา-ค่าย "ดาวสามแฉก" เอาใจผู้อยากขับรถหรูในตัวถังขนาดเล็ก เปิดตัวรถคูเปอนุกรมใหม่ติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ CLA-CLASS) จะเริ่มออกโชว์รูมในเดือนเมษายนปีงูเล็ก โดยมีรถให้เลือกใช้รวม 5 โมเดล และมีระบบเกียร์ 2 แบบ
ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ใช้ค่ำคืนก่อนวันเปิดงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา จัดงานเปิดตัวรถขนาดเล็กติดเครื่องหมาย "ดาวสามแฉก" อนุกรมใหม่ขึ้นในเมืองมะกัน และเพียง 2 วันหลังจากนั้น คือ ในวันอังคารที่ 15 ของเดือนเดียวกัน ก็นำรถรุ่นดังกล่าวออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนในงาน MERCEDES-BENZ FASHION WEEK ซึ่งมีขึ้นในนครหลวงของเยอรมนีระหว่างวันที่ 15-18 มกราคม 2013 เป็นรถคูเปขนาดเล็กที่พัฒนาจากรถแนวคิด เมร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซพท์ สไตล์ คูเป (MERCEDES-BENZ CONCEPT STYLE COUPE) ซึ่งอวดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์ปักกิ่งเมื่อเดือนเมษายนปีงูใหญ่ และกำลังจะออกจำหน่ายทั้งในตลาดยุโรปและตลาดอเมริกาเหนือโดยติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ CLA-CLASS)
รถเล็กอนุกรมใหม่ของค่าย "ดาวสามแฉก" มีขนาดตัวถังยาว 4.630 ม. กว้าง 1.777 ม. สูง 1.437 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ไม่เคยพบกันมาก่อนในรถตลาดแบบใดๆ ในโลกกลมใบนี้ คือ ต่ำเพียง 0.22-0.23 รูปทรงองค์เอวของตัวถังซึ่งมีประตูข้างรวม 4 บาน และทุกบานเป็นประตูแบบไร้กรอบหน้าต่าง เห็นได้ชัดว่าออกแบบสไตล์เดียวกับรถคูเปอนุกรมพี่ซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 2003 คือ รถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ CLS-CLASS) อย่างไรก็ตาม คุณลักษณ์สำคัญที่ทำให้รถคูเปอนุกรมใหม่นี้แตกต่างจากรถคูเปทุกรุ่นทุกแบบที่ค่าย "ดาวสามแฉก" ผลิตขายทั้งในอดีตและปัจจุบัน คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ-คลาสส์ เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า
มีกำหนดออกโชว์รูมในเมืองเบียร์เดือนเมษายน 2013 โดยมีรถให้ลูกค้าผู้ชื่นชอบความแปลกความใหม่เลือกใช้รวม 5 โมเดล คือ MERCEDES-BENZ CLA 180 ติดตั้งเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,595 ซีซี 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า MERCEDES-BENZ CLA 180 BLUEEFFICIENCY EDITION ติดตั้งเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,595 ซีซี 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า MERCEDES-BENZ CLA 200 ติดตั้งเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,595 ซีซี 115 กิโลวัตต์/156 แรงม้า MERCEDES-BENZ CLA 250 ติดตั้งเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,991 ซีซี 155 กิโลวัตต์/211 แรงม้า และ MERCEDS-BENZ CLA 220 CDI ติดตั้งเครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2,143 ซีซี 125 กิโลวัตต์/170 แรงม้า โดยที่ 3 โมเดลแรก ติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ส่วน 2 โมเดลหลังติดตั้งเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 เริ่มต้นที่ระดับ 28,977 ยูโร หรือประมาณ 1.16 ล้านบาทไทย
ย่อยข่าว
ญี่ปุ่น-ในรอบปี 2012 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ตลาดรถใหม่ในเมืองยุ่นอาการกระเตื้องขึ้นมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในรอบปีก่อนหน้านั้น ตามตัวเลขของ JAMA (JAPAN AUTOMOBILE MANUFACTURERS ASSOCIATION) หรือ "สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น" ในรอบปีงูใหญ่มีการจดทะเบียนรถใหม่ในเมืองยุ่นรวมทั้งสิ้น 5,369,721 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.5 จากตัวเลขการจดทะเบียนในรอบปี 2011 โดยแยกออกได้เป็นรถยนต์นั่ง 4,572,333 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7) รถบรรทุก 785,450 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4) รถโดยสาร 11,938 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1) และแยกจำนวนตามบริษัทผู้ผลิตได้ดังนี้
1. โตโยตา 1,646,409 คัน (+42.3 %)
2. ฮอนดา 745,205 คัน (+48.0 %)
3. ไดฮัทสุ 677,171 คัน (+23.5 %)
4. ซูซูกิ 673,138 คัน (+21.7 %)
5. นิสสัน 659,855 คัน (+11.6 %)
6. มาซดา 218,361 คัน (+15.0 %)
7. ซูบารุ 177,722 คัน (+12.0 %)
8. มิตซูบิชิ 140,493 คัน (-4.8 %)
9. อีซูซุ 59,805 คัน (+42.1 %)
10. เลกซัส 43,657 คัน (+3.0 %)
11. ฮีโน 42,463 คัน (+24.0 %)
12. มิตซูบิชิ ฟูโซ 34,715 คัน (+28.4 %)
13. ยูดี ทรัคส์ 9,104 คัน (+7.5 %)
14. อื่นๆ 241,623 คัน (+17.1 %)
เฉพาะรถยนต์นั่งซึ่งมียอดจดทะเบียนรวม 4,572,333 คัน หรือเท่ากับร้อยละ 85.2 ของตัวเลขการจดทะเบียนทั้งมวล สามารถแยกจำนวนตามบริษัทผู้ผลิตได้ดังนี้
1. โตโยตา 1,494,044 คัน (+43.9 %)
2. ฮอนดา 712,535 คัน (+49.5 %)
3. นิสสัน 560,919 คัน (+9.0 %)
4. ไดฮัทสุ 551,281 คัน (+28.3 %)
5. ซูซูกิ 530,240 คัน (+21.3 %)
6. มาซดา 192,463 คัน (+16.3 %)
7. ซูบารุ 141,066 คัน (+31.2 %)
8. มิตซูบิชิ 106,562 คัน (-2.3 %)
9. เลกซัส 43,657 คัน (+3.0 %)
10. อื่นๆ 239,566 คัน (+17.3 %)
อังกฤษ-ในรอบปี 2012 ที่ผู้ขายรถใหม่ในบ้านเราฉีกยิ้มไม่รู้หุบ พ่อค้ารถในเมืองผู้ดีที่ขายรถพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเราก็เบิกบานสำราญใจเช่นกัน เพราะยอดจดทะเบียนรถใหม่ในประเทศนั้นสามารถผ่านหลัก 2 ล้านคันไปได้เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2008 ตามตัวเลขจากการเปิดเผยเมื่อต้นเดือนมกราคมของ SMMT (SOCIETY OF MOTOR MANUFACTURERS AND TRADERS) หรือ "สมาคมผู้ผลิตและค้ารถยนต์" ในรอบปีงูใหญ่มีการจดทะเบียนรถใหม่ในเมืองผู้ดีรวมทั้งสิ้น 2,044,609 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากตัวเลขในรอบปี 2011 และรถที่ได้รับความนิยมสูงสุด 10 อันดับแรกมีดังนี้
1. ฟอร์ด ฟิเอสตา 109,265 คัน
2. วอกซ์ฮอลล์ โคร์ซา 89,434 คัน
3. ฟอร์ด โฟคัส 83,115 คัน
4. วอกซ์ฮอลล์ อัสตรา 63,023 คัน
5. โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ 62,021 คัน
6. นิสสัน กัชไก 45,675 คัน
7. บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 44,521 คัน
8. โฟล์คสวาเกน โพโล 41,901 คัน
9. เมร์เซเดส ซี-คลาสส์ 37,261 คัน
10. บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1 34,488 คัน
เยอรมนี-ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์เปิดเผยผลประกอบการในรอบปี 2012 โดยระบุว่า สามารถขายรถใหม่ในตลาดทั่วโลกได้รวมทั้งสิ้น 1,423,835 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 จากตัวเลขในรอบปี 2011 โดยแยกออกได้เป็นรถติดโลโก "ดาวสามแฉก" เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) จำนวน 1,320,097 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7) และรถติดป้ายยี่ห้อ สมาร์ท (SMART) จำนวน 103,738 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7) ตลาดใหญ่ที่สุดของรถสองยี่ห้อนี้ คือ ยุโรปตะวันตก ถัดไป คือ กลุ่มประเทศเอเชีย/แปซิฟิค และกลุ่มประเทศ NAFTA
เยอรมนี-ปีงูใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไปคือ ปีทองอีกปีหนึ่งของผู้ผลิตรถยนต์เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" ซึ่งมีรถยนต์อยู่ในเครือข่ายรวม 3 ยี่ห้อ ตามตัวเลขผลประกอบการที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่ 2 ของปีงูเล็ก ในรอบปี 2012 ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์ขายรถใหม่ในตลาดทั่วโลกได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,845,186 คัน คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.6 จากยอดขาย 1,668,982 ในรอบปีก่อนหน้านั้น โดยแยกออกได้เป็นยอดขายรถติดยี่ห้อ บีเอมดับเบิลยู (BMW) จำนวน 1,540,085 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6) ยอดขายรถ มีนี (MINI) จำนวน 301,526 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8) และยอดขายรถ โรลล์ส-รอยศ์ (ROLLS-ROYCE) จำนวน 3,575 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0) เฉพาะรถติดโลโก "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" รถที่ขายได้มากที่สุด คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 (BMW 3-SERIES) ซึ่งขายทั่วโลกได้ถึง 406,752 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 จากยอดขาย 384,464 คัน ในรอบปี 2011 ส่วนรถที่ยอดขายมีอัตราการเติบโตสูงสุด คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-1 (BMW 1-SERIES) ซึ่งขายได้รวม 226,829 คัน คือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28.6 จากยอดขายรวม 176,418 คัน ในรอบปี 2011
สหรัฐอเมริกา-เจเนอรัล มอเตอร์ส คัมพานี (GENERAL MOTORS COMPANY) หรือ จีเอม (GM) ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของเมืองมะกัน รายงานผลประกอบการในรอบปี 2012 โดยเปิดเผยว่า สามารถขายรถใหม่ในสหรัฐอเมริกาได้มากถึง 2,595,717 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จากตัวเลขในรอบปี 2011 ยอดขายดังกล่าวแยกออกได้เป็นรถ เชฟโรเลต์ (CHEVROLET) จำนวน 1,851,646 คัน จีเอมซี (GMC) จำนวน 413,881 คัน บิวอิค (BUICK) จำนวน 180,408 คัน และ แคดิลแลค (CADILLAC)จำนวน 149,782 คัน เมื่อแยกตามรุ่นของรถก็ปรากฏว่า รถขายดีที่สุด 10 อันดับแรกของค่ายนี้ประกอบด้วย
1. เชฟโรเลต์ ซิลเวอราโด 418,312 คัน
2. เชฟโรเลต์ ครูซ 237,758 คัน
3. เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์ 218,621 คัน
4. เชฟโรเลต์ มาลิบู 210,951 คัน
5. เชฟโรเลต์ อิมพาลา 169,351 คัน
6. จีเอมซี สิเอร์รา 157,185 คัน
7. จีเอมซี เทอร์เรน 97,786 คัน
8. เชฟโรเลต์ ทราเวอร์ส 85,606 คัน
9. เชฟโรเลต์ คามาโร 84,391 คัน
10. เชฟโรเลต์ โซนิค 81,247 คัน
สหรัฐอเมริกา-ยักษ์รองเมืองมะกันคือ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมพานี (FORD MOTOR COMPANY) ก็ประกาศผลประกอบการในรอบปี 2012 แล้วเช่นกัน ปรากฏว่าในรอบปีงูใหญ่ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์รองรายนี้ สามารถขายรถใหม่ในสหรัฐอเมริกาได้รวมทั้งสิ้น 2,250,165 คัน คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 จากยอดขายรวม 2,148,806 คันในรอบปี 2011 โดยแยกออกได้เป็นรถติดยี่ห้อ ฟอร์ด (FORD) จำนวน 2,168,015 คัน และรถติดยี่ห้อ ลินคอล์น (LINCOLN) จำนวน 82,150 คัน เมื่อแยกตามรุ่นของรถก็ปรากฏว่า รถขายดีที่สุด 10 อันดับแรกของค่ายนี้ประกอบด้วย
1. ฟอร์ด เอฟ-ซีรีส์ 645,316 คัน
2. ฟอร์ด เอสเคพ 261,008 คัน
3. ฟอร์ด โฟคัส 245,922 คัน
4. ฟอร์ด ฟิวชัน 241,263 คัน
5. ฟอร์ด เอกซ์พลอเรอร์ 158,344 คัน
6. ฟอร์ด เอดจ์ 127,969 คัน
7. ฟอร์ด อี-ซีรีส์ 122,423 คัน
8. ฟอร์ด มัสแตง 82,995 คัน
9. ฟอร์ด เทารัส 66,066 คัน
10 .ฟอร์ด ฟิเอสตา 56,775 คัน
ฮอนดา แอคคอร์ด พลัก-อิน ไฮบริด
หน้าตาที่ดูคุ้นๆ นี้ คือ รถเก๋งขนาดกลางแบบใหม่ ที่ยักษ์รองของเมืองยุ่นเพิ่งนำออกสู่โชว์รูมบางแห่งในรัฐนิวยอร์คและแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา พร้อมกับป้ายชื่อ ฮอนดา แอคคอร์ด พลัก-อิน ไฮบริด (HONDA ACCORD PLUG-IN HYBRID) และป้ายค่าตัว 39,780 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือเท่ากับประมาณ 1.19 ล้านบาทไทย รถซีดานตัวถังยาว 4.915 ม. กว้าง 1.850 ม. และสูง 1.465 ม. คันนี้ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าแบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,995 ซีซี 104 กิโลวัตต์/141 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 124 กิโลวัตต์ และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 6.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงเมื่อประจุไฟด้วยไฟบ้าน 120 โวลท์ มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่เยี่ยมมาก คือ 19.6 กม./ลิตร และสามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 21 กม. เมื่อวิ่งด้วยพลังไฟของแบทเตอรีเพียงอย่างเดียว จุดที่น่าสนใจ คือ การเป็นรถตลาดแบบแรกในเมืองมะกันที่สามารถผ่านมาตรฐานไอพิษ LEV3/SULEV20 ซึ่งเข้มข้นกว่ามาตรฐานที่ใช้อยู่ในขณะนี้
เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที สปีด คอนเวอร์ทิเบิล
นี้ คือ รถเปิดประทุนสุดหรูสุดแรงโมเดลใหม่ ที่ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองผู้ดีกำลังจะนำออกสู่โชว์รูมพร้อมกับป้ายชื่อ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที สปีด คอนเวอร์ทิเบิล (BENTLEY CONTINENTAL GT SPEED CONVERTIBLE) เป็นรถโมเดลหัวกะทิที่พัฒนาจากรถรุ่นสามัญ คือ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีทีซี (BENTLEY GTC) ซึ่งเริ่มจำหน่ายเมื่อปลายปี 2011 โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหลายจุด รวมทั้งปรับแต่งเครื่องทวินเทอร์โบเบนซิน DOHC ดับเบิลยู 12 สูบ 5,998 ซีซี จนกำลังสูงสุดพุ่งจาก 423 กิโลวัตต์/575 แรงม้า เป็น 460 กิโลวัตต์/625 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF QUICKSHIFT สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม. เป็นตัวเลขที่ทำให้ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองผู้ดีที่มีเจ้าของนั่งจิบเบียร์อยู่ในเยอรมนีกล้ากล่าวอ้างว่า นี่คือ รถเปิดประทุนนั่ง 4 คน ที่เร็วที่สุดในโลก สนนราคาค่าตัวคาดว่าน่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 164,000 ปอนด์ หรือประมาณ 8.20 ล้านบาทไทย
มีนี คลับแมน บอนด์ สตรีท
มีนี คลับแมน บอนด์ สตรีท (MINI CLUBMAN BOND STREET) รถรุ่นพิเศษที่ยอดผู้ผลิตรถจิ๋วเมืองผู้ดีรังสรรค์ขึ้นเพื่อดูดเงินผู้ใช้รถระดับ HIGH-END ที่รักแฟชัน และบอกว่าจะนำตัวจริงเสียงจริงออกอวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 83 ซึ่งจะมีขึ้นในเมืองสวิสต้นเดือนมีนาคมนี้ พัฒนาจากรถรุ่นสามัญที่อยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปลายปี 2007 โดยปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ให้สมกับชื่อรุ่นซึ่งได้มาจากชื่อถนน "ชอพพิง" สายดังของกรุงลอนดอน เช่น การเคลือบตัวถังด้วยสีดำ MIDNIGHT BLACK METALLIC คาดทับด้วยสี COOL CHAMPAGNE ในส่วนหลังคา กระจกมองข้าง และเสาค้ำหลังคาคู่หลัง การติดตั้งเก้าอี้ที่นั่งแบบสปอร์ทที่ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะ และการหุ้มแผงหน้าปัดอุปกรณ์ด้วยหนังแท้ จะมีให้เลือกใช้ทั้งในรูปลักษณ์ของ MINI COOPER CLUBMAN (เบนซิน 90 กิโลวัตต์/122 แรงม้า) MINI COOPER D CLUBMAN (ดีเซล 82 กิโลวัตต์/112 แรงม้า) MINI COOPER S CLUBMAN (เบนซิน 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า) และ MINI COOPER SD CLUBMAN (ดีเซล 105 กิโลวัตต์/143 แรงม้า)
เปอโฌต์ 2008
รถกิจกรรมกลางแจ้งอนุกรมใหม่ในตัวถังยาว 4.160 ม. ที่ค่าย "สิงห์เผ่น" จะนำตัวจริงเสียงจริงออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 83 ซึ่งกำหนดมีขึ้นตอนต้นเดือนมีนาคมปีงูเล็ก ก่อนจะนำรถออกสู่โชว์รูมในฤดูใบไม้ผลิของปีเดียวกันโดยติดป้ายชื่อ เปอโฌต์ 2008 (PEUGEOT 2008) เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดที่พัฒนาจากรถเก๋งแฮทช์แบค เปอโฌต์ 208 (PEUGEOT 208) ซึ่งเพิ่งออกขายในเมืองน้ำหอมเมื่อไตรมาสแรกของปี 2012 และเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่สามารถวิ่งลุยได้ไม่แพ้รถขับเคลื่อนทุกล้อ เพราะติดตั้งระบบขับ GRIP CONTROL ที่ออกแบบได้อย่างชาญฉลาดและมีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับระบบที่ใช้อยู่แล้วในรถ เปอโฌต์ 3008 (PEUGEOT 3008) ซึ่งเป็นรถขนาดโตกว่า จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลายทั้งเครื่องเบนซินและเครื่องดีเซล รวมทั้งเครื่องยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กม. เป็นรถที่ค่าย "สิงห์เผ่น" ยืนยันว่า จะมีการผลิตทั้งในฝรั่งเศส ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และในบราซิล
เรอโนลต์ กัปตืร์
รถใหม่สายพันธุ์ฝรั่งเศส ซึ่งมีกำหนดอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 83 ตอนต้นเดือนมีนาคมนี้เช่นกัน เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดในตัวถังยาว 4.120 ม. ติดป้ายชื่อ เรอโนลต์ กัปตืร์ (RENAULT CAPTUR) ที่ยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมบอกว่าออกแบบขึ้นโดยเฉพาะและเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับรถอนุกรมอื่นๆ ที่อยู่ในสายการผลิต แต่มีเสียงวิจารณ์จากแหล่งข่าวผู้สันทัดกรณีว่า ทั้งหน้าตารูปทรงองค์เอวและชิ้นส่วนที่ใช้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเกี่ยวพันอย่างแยกไม่ออกจากรถแฮทช์แบคยอดนิยมซึ่งติดป้ายชื่อ เรอโนลต์ กลีโอ (RENAULT CLIO) และรถกิจกรรมกลางแจ้งร่วมเครือซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ นิสสัน จูค (NISSAN JUKE) เช่นเดียวกับรถสัญชาติฝรั่งเศสที่จะเป็นคู่แข่งโดยตรงอย่างรถ เปอโฌต์ 2008 (PEUGEOT 2008) ที่เพิ่งผ่านตาไป รถใหม่อนุกรมนี้จะมีแต่รถขับเคลื่อนล้อหน้า และจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลายทั้งเครื่องเบนซินและเครื่องดีเซล รวมทั้งเครื่องประหยัดเชื้อเพลิงเป็นพิเศษที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แค่ 96 กรัม/กม.
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
ภาพโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ข่าวรอบโลก