พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธานจัดงาน Fast Auto Show Thailand 2019 เผยถึง สรุปการจัดงาน มหกรรมแสดงและจำหน่ายรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้ว ภายในงาน ตั้งแต่วันที่ 26-30 มิถุนายน 2562 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ฮอลล์ EH105-106 ว่าผลตอบรับจากผู้ชมงาน และลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ภายในงาน ทั้งรถใหม่ป้ายแดง ที่มีผู้ประกอบการ 11 ราย Audi, Honda, Hyundai, Isuzu, Mazda, MG, Mitsubishi, Nissan, Suzuki, Subaru, Toyota และ Approved Certified Used Car by MG และรถยนต์ใช้แล้ว 18 บริษัท A.T. Carsale, Unique Autocars, วิสาร ออโตคาร์, DDS คาร์เซนเตอร์, โย รัชดา, ศูนย์รถยนต์ 54 นิวัฒน์, The One, CarDeeSureOK, เจ มอเตอร์เทรด, อมรวารันตี โดย เบนซ์อมรรัชดา, รถเศรษฐี, เก่ง พระราม 9, เบสท์ เซอร์วิส, 999 รถบ้านสุวิทย์ ถูกและดี, รถบ้านคุณเอ็กซ์ By Auto Master, Panda Speed, NBP Car, BB SmartCar
ด้านยอดการขายภายในงาน ในปีนี้ถือว่าดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้พอสมควร เพราะตลอด 5 วันที่จัดงาน มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ที่สนใจ และต้องการใช้งานรถยนต์ ยังคงเดินทางเข้ามาชมงานกันอย่างเนืองแน่น โดยจำนวนผู้เข้าชมงานในปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 292,500 คน มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 17 % (เป้าหมายที่ตั้งไว้ 250,000 คน) ยอดขายรถยนต์รวมทั้ง 2 ประเภท คือ รถยนต์ใหม่ป้ายแดง และรถยนต์ใช้แล้ว มียอดขายรวมทั้งสิ้น 3,335 คัน (ยอดขายที่ตั้งไว้ 3,000 คัน) มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 11.2 % จำแนกยอดขายรถใหม่ป้ายแดงอยู่ที่ 2,121 คัน (ยอดขายที่ตั้งไว้ 2,000 คัน) มากกว่าที่ตั้งไว้ 6 % และยอดขายรถยนต์ใช้แล้วอยู่ที่ 1,214 คัน (ยอดขายที่ตั้งไว้ 1,000 คัน) มากกว่าที่ตั้งไว้ 21.24 % โดยมียอดเงินสะพัดกว่า 2,855 ล้านบาท (ตัวเลขที่คาดการณ์ก่อนจัดงาน 2,000-2,500 ล้านบาท) มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ 14.2 %
“จากผลที่เกิดขึ้นเป็นการยืนยันว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย มีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผู้บริโภคยังคงมีกำลังซื้อ เพียงแต่รอแคมเปญ หรือพโรโมชันที่ถูกใจ ขณะที่ในส่วนของรถยนต์ใช้แล้ว ลูกค้าต้องการความเชื่อมั่นในคุณภาพของตัวรถ และความซื่อสัตย์จากผู้ประกอบการ ซึ่งงาน Fast Auto Show Thailand 2019 มีพร้อมให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อให้ตรงกับแนวคิดของงาน “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” พัฒนเดช กล่าว พัฒนเดช กล่าวต่ออีกว่า ภายในงาน ฟากรถใหม่ป้ายแดง ได้รับความสนใจจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันแรกจนถึงนาทีสุดท้ายของการจัดงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถใหม่ป้ายแดงที่ได้รับความสนใจ และมีความตื่นตัวที่จะอัพเดทความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมใหม่ นั่นคือ รถยนต์ไฟฟ้า 100 % ที่นำมาจัดแสดงอย่างครบวงจรภายในงาน อาทิ ค่าย MG โดยเฉพาะรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ MG ZS EV รถยนต์ไฟฟ้า 100 % สไตล์ครอสส์โอเวอร์ ที่สามารถทำราคาได้เป็นที่น่าสนใจอย่างมาก 1.19 ล้านบาท พร้อมแพคเกจรับประกันตัวรถ รับประกันแบทเตอรี เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้ายิ่งขึ้นอีกด้วย ตามติดด้วย นิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100 % ที่มาพร้อมโซนกิจกรรม "LEAF Education" ให้ความรู้ด้านรถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอนาคตของการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการขับขี่ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดให้ผู้มาชมงานได้เปิดประสบการณ์การทดสอบรถภายในงาน ด้วยบริการรับ-ส่งจากบริเวณจัดงานไปยังสถานีรถไฟฟ้า ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีผู้สนใจมาใช้บริการตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีบริการให้ทดลองขับอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ไฟฟ้า 100 % จากค่ายดังประเทศเกาหลี ฮันเด ไอโอนิก รถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบค 5 ประตู และฮันเด โคนา รถยนต์ไฟฟ้าครอสส์โอเวอร์ ที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมไม่น้อยเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ มีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม และพลังงานทางเลือกเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ภายในงานยังมีนิทรรศการแสดงความก้าวหน้าของยนตรกรรมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ ซึ่งที่สุดของรถที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในส่วนจัดแสดงก็คือ รถจากสนามแข่ง Audi R8 LMS GT3 รถแข่งที่สามารถทะยานบนสนามด้วยความเร็วสูงสุดถึง 320 กม./ชม. พ่วงด้วยสมรรถนะที่แกร่งเกินใคร ที่จัดมาให้ชมอย่างใกล้ชิด เพราะหากต้องการชมต้องบินไปพิสูจน์ด้วยตาที่สนามแข่งระดับโลกเท่านั้น พิเศษสุดภายในงานยังจัดให้ผู้ชมงานได้เข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้อีกด้วยขณะที่รถยนต์ใช้แล้ว มีลูกค้าเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย ด้วยเพราะผู้ประกอบการได้คัดสรรรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดี ภายใต้การควบคุมคุณภาพ รับประกันการคืนเงิน 100 % หากผิดเงื่อนไข 5 ข้อ พร้อมพโรโมชันที่แต่ละเทนท์ต่างจัดมาสมนาคุณพิเศษแบบหมดหน้าตัก ในราคาพิเศษสุด ตลอดทั้ง 5 วัน
งานนี้ปิดฉากอย่างงดงาม ด้วยการจับรางวัลผู้โชคดีเป็นการส่งท้าย ได้แก่ ธัญนนทร์ กิจจิรทรัพย์ ผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดง MG ZS EV ราคา 1.19 ล้านบาท ผู้พิชิตรางวัลใหญ่ รถพิคอัพ อีซูซุ ดี-แมกซ์ สปาร์ค บลูเพาเวอร์ 1.9 ดีดีไอ มูลค่า 533,000 บาท ร่วมกับผู้ที่ได้รับรางวัลบัตรพรีวิเลจ จาก พีทีที โออาร์ ที่มอบโชคให้ตลอดระยะเวลาการจัดงาน
สำหรับการจัดงานครั้งต่อไป ในการก้าวสู่ปีที่ 9 ได้กำหนดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 กรกฎาคม 2563 มั่นใจว่า ไฮไลท์ของนวัตกรรมยนตรกรรมของแต่ละค่ายจะต้องสร้างความตื่นตาตื่นใจยิ่งๆ ขึ้นไป รวมถึงพโรโมชันที่แต่ละค่าย พร้อมตั้งธงในใจจะต้อง “ปัง” ทะลุทุกมิติอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นฟากรถใหม่ป้ายแดง และรถยนต์ใช้แล้ว รวมถึงแคมเปญพโรโมชันจากสถาบันการเงิน ที่จะมาช่วยให้ผู้เข้าชมงานสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น ให้ตรงกับแนวคิดการจัดงาน “เลือกคันที่ชอบ ถอยคันที่ใช่” ส่วนจะเป็นอย่างไรบ้าง โปรดติดตาม