ดร. สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอมจีซี-เอเชีย เปิดเผยว่าในปี 2020 เอมจีชี-เอเชีย พร้อมก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของการเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ เพิ่มศักยภาพบุคลากรด้านเทคโนโลยีดิจิทอล และทำการตลาดแบบใหม่ ผ่านหลายช่องทาง (0mni Channel) เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
ปี 2019 บริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 25,576 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 6.3 % ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เดินหน้าขยายธุรกิจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ สู่ท้องตลาด รวมถึงได้รับความไว้วางใจจาก เปอโฌต์ ประเทศฝรั่งเศส ให้เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโฌต์ ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และได้เสียงตอบรับจากลูกค้า และแฟนพันธุ์แท้อย่างอบอุ่น จนถึงปัจจุบันมีเครือขายผู้แทนจำหน่ายถึง 4 สาขาในกรุงเทพฯ พร้อมขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ปี 2020 เอมจีซี-เอเชีย จะก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ ผ่านการขยาย และเพิ่มประเภทธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าแบบครบวงจร อาทิ แผนการขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ในรูปแบบฟแลกชิพโชว์รูม และออโทพเลกซ์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเพิ่มศูนย์บริการหลังการขาย พร้อมศูนย์ซ่อมสีและตัวถังครบวงจร เพื่อตอบรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า รวมถึงการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น M Performance ที่มุ่งมั่นความแรง และความสปอร์ท โดยปัจจุบันมีโครงข่ายผู้แทนจำหน่าย และธุรกิจบริการครอบคลุมกว่า 96 เอาท์เลท กับฐานลูกค้ากว่า 580,000 ราย
ดร. สัณหวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสครบรอบ 20 ปี เอมจีชี-เอเชีย เตรียมแผนฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบหลัก คือ ลูกค้า คู่ค้า และบุคลากร อาทิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย คืนกำไรให้แก่ลูกค้า การดูแลลูกค้า โดยการเพิ่มประสิทธิภาพบริการหลังการขาย และขยายศูนย์บริการ, การร่วมมือกับคู่ค้า และพนักงานในการจัดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงกิจกรรมเพื่อสังคม ผ่านมูลนิธิธรรมชวนวิริยะ
พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าสร้างความมั่นใจในการให้บริการลูกค้า ด้วยแนวคิดหลอมรวมการทำงานของแต่ละหน่วยธุรกิจในเครือ (Synergy) โดยมองถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่ง เอมจีซี-เอเชีย มีความหลากหลายในธุรกิจยานยนต์ ส่งผลให้สามารถเอื้อประโยชน์ต่อกัน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าได้สูงสุด
นอกจากนี้ ยังเน้นการสื่อสารแบบออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทอล บริษัทฯ คาดว่าธุรกิจของกลุ่มในปี 2020 จะมีรายได้รวมประมาณ 30,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา