ธุรกิจ
ม. เชียงใหม่ จับมือ วิริยะประกันภัยฯ เดินหน้า “รักษ์ช้างยั่งยืน เฟส 2”
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขยายผลโครงการ “รักษ์ช้างยั่งยืน เฟส 2” จากโครงการแรกมุ่งวิจัยการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตอาหารช้าง และต่อยอดยกระดับมุ่งแก้ปัญหาช้างโดยตรง ด้วยโครงการ “บริการสุขภาพ และสวัสดิภาพของช้างเลี้ยงในพื้นที่ภาคเหนือ” ด้านพันธมิตรทางธุรกิจ “วิริยะประกันภัยฯ” ยืนยันพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ระดมเครือข่ายวิริยะจิตอาสาในภาคเหนือ ทั้งพนักงาน ตัวแทนนายหน้า ศูนย์ซ่อมมาตรฐานฯ ดีเลอร์ผู้แทนรถยนต์ในพื้นที่ เข้ามาเป็นแนวร่วมในการทำงาน เบื้องต้นได้ระดมทุนทรัพย์กว่า 200,000 บาท สนับสนุนการทำงานให้แก่ “หมอช้าง” ทีมงานศูนย์สุขภาพช้าง และสัตว์ป่า โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. กรกฎ งานวงศ์พาณิชย์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เปิดเผยว่าในพันธกิจของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากจะทำหน้าที่หลักในการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา และวิชาชีพชั้นสูง โดยมุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ บัณฑิตมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และรอบรู้คู่คุณธรรม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ยังจะมุ่งเน้นให้บริการวิชาการแก่สัง คม มีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในปัจจุบันคณะสัตวแพทยศาสตร์ได้ดำเนินกิจกรรมในหลากหลายโครงการ ทั้งเป็นการสร้างองค์ความรู้ให้กับชุมชน และเข้าไปร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมในการสร้างความยั่งยืนในการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จนได้รับการขนานนามว่า “มหาวิทยาลัยที่เป็นมิตรกับสัตว์” ซึ่งได้รับมาจากความสำเร็จในโครงการ Ma CMU Project ที่สามารถเปลี่ยนสุนัขจรจัดในมหาวิทยาลัยให้เป็น “สุนัขชุมชน” จนได้ใจคนรักสุนัข และคนรักสัตว์ทั่วประเทศ
สำหรับโครงการวิจัยการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตพืชอาหารเลี้ยงช้าง นับเป็นอีกโครงการที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ได้เปิดความร่วมมือกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาอาหารช้างในช่วงวิกฤต COVID-19 โดยในระยะแรกนั้นทางวิริยะประกันภัยฯ ได้เสนอขอความร่วมมือในการจัดทำโครงการ “การปลูกพืชอาหารช้างที่มีคุณภาพเพื่อความยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่” ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ วิจัยฯ ดังกล่าว จึงได้เปิดความร่วมมือทำงานด้วยกันเพื่อให้บรรลุความหมาย “รักษ์ช้างยั่งยืน” ซึ่งในโครงการนี้ผลการดำเนินงานประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหญ้าเลี้ยงช้างมีความยั่งยืนในอาชีพ และมีเครือข่ายที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาต่อยอดไปในหลายๆ พื้นที่ของภาคเหนือ
ศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. กรกฎ เปิดเผยต่อไปอีกว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ช้างในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และเริ่มขยายผลไปในพื้นที่อื่นๆ ของภาคเหนือ ทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ยังมีหน้าที่หลักอีกด้าน คือ การสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพของช้าง ซึ่งในปัจจุบันเป็นบทบาทหน้าที่ของศูนย์สุขภาพช้าง และสัตว์ป่า ในการเข้าไปดูแลช้างให้มีสุขภาพที่ดี รวมไปถึงเพื่อให้เกิดสวัส ดิภาพที่ดีต่อช้าง ผ่านการออกรักษา ตรวจสุขภาพช้างตามปางช้าง และชุมชนผู้เลี้ยงช้างในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคเหนือ โดยนายสัตวแพทย์ประจำศูนย์สุขภาพช้าง และสัตว์ป่า จะออกเดินทางไปด้วยรถคลินิคเคลื่อนที่ เพื่อเข้าไปตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยของช้างเมื่อมีการร้องขอจากปางช้าง หรือเจ้าของช้าง รวมไปถึงออกให้คำแนะนำในการจัดการเลี้ยงดูช้าง และการป้องกันโรคแก่ควาญช้าง เจ้าของช้าง และปางช้าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ บมจ. วิริยะประกันภัย ได้เข้ามาร่วมต่อยอดโครงการ “บริการสุขภาพ และสวัสดิภาพของช้างเลี้ยงในพื้นที่ภาคเหนือ” เพื่อให้บรรลุความหมาย “รักษ์ช้างยั่งยืน”
ทางด้าน ประสิทธิ์ สุนะชูแสง ผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการ ภาค 1 (ภาคเหนือ) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเปิดความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกครั้ง ในฐานะพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาอย่างยาวนาน และได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาหลากหลายโครงการ และจากการที่ทางบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตพืชอาหารเลี้ยงช้าง ซึ่งมิได้หมายถึงเพียงมอบทุนดำเนินการเท่านั้น แต่ได้ส่งทีมงานเข้าไปร่วมทำงานในภาคสนามด้วย จึงพบว่าปัญหาของช้างมิใช่มีเฉพาะปัญหาทางด้านอาหารเท่านั้น แต่มีห่วงโซ่ของปัญหาที่มีผลต่อคน ต่อชุมชนอีกด้วย ประกอบกับได้สัมผัสถึงความตั้งใจความแน่วแน่ในการแก้ไขปัญหา และมีแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเฉพาะศูนย์สุขภาพช้าง และสัตว์ป่า ทางบริษัทฯ จึงเสนอตัวเปิดความร่วมมือเข้ามาร่วมดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้บรรลุความหมายที่เห็นพ้องต้องกัน คือ “รักษ์ช้างยั่งยืน”
การเข้าไปร่วมกันทำงานในระดับภาคสนามนั้น จำจะต้องมีเครือข่ายมาร่วมดำเนินการด้วย ประกอบกับบริษัทฯ มีเครือข่ายวิริยะจิตอาสาอยู่ทุกพื้นที่ทั่วไทย อันประกอบไปด้วยพนักงาน ตัวแทนฯ นายหน้าฯ ศูนย์ซ่อมมาตร ฐานวิริยะประกันภัยฯ และพันธมิตรทางการค้า อาทิ ดีเลอร์รถยนต์ สถาบันการเงิน และมวลมิตรธุรกิจเพื่อสังคมจากองค์กรอื่นๆ จึงได้ระดมทรัพยากรบุคคลเหล่านี้มาร่วมกันทำงาน ซึ่งในก่อนหน้านั้นได้มีการสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจถึงวัตถุประสงค์อย่างแท้จริงในการเข้ามาร่วมรักษ์ช้างอย่างยั่งยืนไปแล้ว ต่อเมื่อคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบริษัทฯ ร่วมกันขยายผล ด้วยการจัดทำโครงการ “บริการสุขภาพ และสวัสดิ ภาพของช้างเลี้ยงในพื้นที่ภาคเหนือ” โดยบริษัทฯ จะทำหน้าที่สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ และงบประมาณการจัดซื้อเวชภัณฑ์ในการ
ดูแลรักษาช้าง” ให้แก่รถคลินิคเคลื่อนที่ของหมอช้าง ปรากฏว่าเพียงแค่สมาชิกวิริยะจิตอาสารับรู้ ได้แสดงความจำนงร่วมสมทบทุนสนับสนุนในเบื้องต้นมาก่อนถึง 144,000 บาท จึงทำให้ยอดเงินสนับสนุนที่จะมอบให้แก่คณะสัตวแพทยศาสตร์เพิ่มเป็น 244,000 บาท
“อย่างไรก็ตาม การทำงานไม่ใช่แค่สมทบทุนแล้วจบกัน แต่บริษัทฯ จะเป็นหนึ่งในกลไกของการทำงานผ่านเครือข่ายวิริยะจิตอาสา ในการดูแลคุณภาพชีวิตของช้างอย่างยั่งยืน ซึ่งความตั้งใจนี้กำลังอยู่ในระหว่างบูรณาการความคิดกับทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ว่า จะใช้ศักยภาพของแนวร่วมวิริยะจิตอาสาที่มีอยู่ทุกพื้นที่ภาคเหนือ ให้เข้ามาร่วมกิจกรรมกันในรูปแบบไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยปัญหาของแต่ละพื้นที่จะเข้าไปร่วมดำเนินการ ”
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม ที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี เปิดโลกได้พัฒนาตัวเองกว่า 30 ปี แวดวงสื่อสารมวลชน
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต