ธุรกิจ
Aston Martin ร่วมแสดงสินค้าในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44

ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป Aston Martin Bangkok กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 110 ของ Aston Martin เราขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลอง โดยนำยนตรกรรมที่นับว่าเป็นที่สุดในรุ่น มาจัดแสดงให้ชมกันถึง 2 คัน ทั้ง DBX707 ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถ SUV ที่ทรงพลังมากสุดในโลก มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวเร้าใจของ Vantage Roer F1 Edition ดุดันราวกับมาจากสนามแข่ง
DBX707 เร็วสุด แรงจัด และทรงตัวเป็นเลิศ คือ 3 คุณสมบัติเด่นของ Aston Martin DBX707 ที่สุดแห่ง Super SUV ระดับ Ultra Luxury ทั้งด้านพละกำลัง และความแม่นยำในการบังคับควบคุมอันเหนือชั้น
กระจังหน้าใหญ่ขึ้น 27 % มาพร้อมแผ่นรีดอากาศ (Front Splitter) ด้านใต้ และข้างกันชนหน้า ผสานช่องดักอากาศ และ Daytime Running Light แบบเส้นตรง ติดตั้งอุปกรณ์รีดอากาศ "Side Strake" บริเวณแก้มข้าง ลากยาวมาถึงประตูหน้า รวมถึงสเกิร์ทข้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้นชัดเจน ด้านหลังเพิ่มชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์บนสปอยเลอร์หลังคา มาพร้อมดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดเขื่อง แบบเดียวกับรถแข่ง รวมถึง 4 ปลายท่อไอเสียยิงออก 2 ฝั่ง (Quad Exhaust Tailpipes)
ขุมพลังเบนซิน ทวินเทอร์โบ วี 8 สูบ 4.0 ลิตร ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยการเปลี่ยนใช้เทอร์โบบอลแบริงขนาดใหญ่ พร้อมปรับแต่ง ECU เพื่อรีดแรงม้า-แรงบิด ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ Multi-Plate Wet Clutch 9 จังหวะ ที่สามารถรับมือกับพละกำลัง 707 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิด 91.8 กก.-ม. หรือ 900 นิวตัน-เมตร ที่ 2,750-4,500 รตน. อีกทั้งยังช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว และกระชับกว่าเดิม มาพร้อมอัตราเร่งกระชากใจ 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม.
ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนัง Alcantara พร้อมเบาะคู่หน้าแบบ Sport โอบกระชับผู้ขับขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง บริเวณคอนโซลกลางเพิ่มปุ่มควบคุม Adaptive Drive Modes ที่มีเฉพาะ DBX707 แบ่งเป็น Terrain, GT, Individual, Sport และ Sport+
เกาะถนนเป็นเลิศ ด้วยช่วงล่างถุงลมแบบ Triple Volume Air Chambers ติดตั้งจานคาร์บอนเซรามิคเป็นมาตรฐาน หน้า/หลัง 420 และ 360 มม. ตามลำดับ จับคู่กับคาลิเพอร์เบรค 6 พอท และผ้าเบรคประสิทธิภาพสูง ติดตั้งล้อแมกขอบ 22 นิ้ว เป็นมาตรฐาน มาพร้อมเฟืองท้าย Limited Slip ควบคุมด้วย Electronics (E-Diff) อัตราส่วนการกระจายกำลังสู่ล้อทั้ง 4 ข้าง ควบคุมด้วย Electronics ทั้งหมด และสามารถส่งกำลังไปสู่ล้อหลังได้สูงสุด 100 % ขณะที่เฟืองท้าย Limited Slip แบบไฟฟ้า ช่วยให้เข้าโค้งได้รวดเร็ว และมั่นคง ตามแบบฉบับรถ Sport พันธุ์แท้
Vantage Roer F1 Edition มาพร้อมรูปลักษณ์น่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยเส้นสายบึกบึน ผสานแนวทางการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ สะท้อน Character ของนักล่า และสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา พร้อมเอกลักษณ์ของการเป็นรถเปิดหลังคาท้าสายลม พร้อมความเร้าใจยิ่งกว่า กับรุ่นพิเศษ Vantage Roer F1 Edition ที่มาพร้อมแอโรพาร์ทรอบคัน พร้อมโลโกดุดันแบบรถแข่ง เพื่อเฉลิมฉลองการคืนสู่สนามแข่งฟอร์มูลา วัน ของ Aston Mar tin
Vantage Roer F1 Edition ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 535 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิด 69.9 กก.-ม. หรือ 685 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-5,000 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 305 กม./ชม. โดยเครื่องยนต์ถูกติดตั้งให้ชิดกับตัวถังมากสุด เพื่อการกระจายน้ำหนักที่สมดุล 50:50 ขณะที่พิกัด 1,645 กก. ส่งผลดีต่ออัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก
ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังอัลคันทารา พร้อมติดตั้งเบาะทรง Sport ให้อารมณ์แบบรถแข่งพันธุ์แท้ เกาะถนนแน่นหนึบ ด้วย Shock Absorber ปรับความหนืดอัตโนมัติ และเฟืองท้าย Electronics (E-Diff) กระจายกำลังสู่ล้อคู่หลังอย่างเหมาะสม รวมถึงมีสารพัดสิ่งอำนวยความสะดวกเหนือระดับ เช่น ระบบความบันเทิงภายในรถ ควบคุมผ่านจอ LCD อเนกประสงค์ 8 นิ้ว ประกอบด้วย ชุดเครื่องเสียงของ Aston Martin, บลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อกับ iPod, iPhone, ช่องเสียบ USB พร้อมระบบนำทางผ่านดาวเทียม ช่วยให้ผู้ขับเกิดความรื่นรมย์สูงสุด
สำหรับลูกค้าที่จอง Aston Martin ทุกรุ่นภายในงาน รับฟรี ! Warranty 5 ปี พร้อม Roadside Assistance ไม่จำกัดระยะทาง


