ธุรกิจ
Aston Martin Bangkok ต้อนรับเฮลิคอพเตอร์หรู "ACH130 Aston Martin Edition"

นอกจาก ACH130 Aston Martin Edition จะเปี่ยมล้นด้วยสมรรถนะแล้ว ยังจัดเต็มด้านความหรูหราสุดๆ โดยภายนอกมีสีให้เลือกทั้ง Stirling Green, Skyfall Silver, Xenon Grey, Arizona, ultramarine Black ซึ่งเป็นสีแบบเดียวกันกับรถ Aston Martin ห้องโดยสารได้แรงบันดาลใจมาจาก Aston Martin DB11 เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังกลับ Ultra-Suede Pure Black สลับกับอัลคันทารา เลือกสีได้ อาทิ Oxford Tan, Pure Black, Cormo rant และ Ivory หมอนรองศีรษะมีโลโก Aston Martin หลังเบาะหน้าติดกระเป๋า Saddle Bag ไว้สำหรับเก็บสัมภาระที่เป็นงานแฮนด์เมดสุดคลาสิค ตามสไตล์ Aston Martin บริเวณแผงหน้าปัด ยังมีพเลทโลหะระบุลำดับที่ผลิต หมายเลขรุ่น และชื่อผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย
เรียกว่าเป็นความหลงใหลในแบรนด์ยนตรกรรมหรู และแรง Aston Martin ที่สะท้อนรสนิยมออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ประณีต งดงาม เฉกเช่น Aston Martin รุ่นเด่นที่กำลังเป็นที่จับตามองของเหล่าผู้ชื่นชอบซูเพอร์คาร์หรู จากเมืองผู้ดีอังกฤษ อย่าง Vantage Coupe F1 Edition ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการกลับมาสู่วงการแข่ง F1 ในรอบ 60 ปี ด้วยเฉดสีเขียว Aston Martin Racing Green แบบทีมแข่งรถ F1 ทุกสีจะคาดลายยาวกลางรถ Solid Matte Dark Gray รูปลักษณ์ภายนอกเรียกได้ว่าถอดสเปคมาจาก เซฟทีคาร์ หลังคาวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ แอโรไดนามิค ทั้งด้านหน้า และหลังรถ ที่ความเร็วสูงสุดสามารถสร้างแรงกดได้สูงถึง 200 กก. ปรับใหม่หมดทั้งแชสซีส์ ระบบบังคับเลี้ยว และช่วงล่าง เพื่อความเร้าใจบนถนน และสนามแข่ง ปิดท้ายด้วยล้อแมก Satin Black ขอบ 21 นิ้ว จับคู่ยาง Pirelli P Zero พร้อมคาลิเพอร์เบรคสีเขียว (Lime Green)
ส่วนภายในห้องโดยสารจะมาในแนวโหดดุดัน ด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แพคเกจ และเบาะ Satin Carbon Fibre Performance Seat ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และหนัง Alcantara ซึ่งมีเฉพาะ F1 Edition เพิ่มความโฉบเฉี่ยวเป็นพิเศษด้วย F1 Edition AMR Lime stitching ขุมพลังเบนซิน วี 8 สูบ 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ปรับแต่งให้แรงขึ้น 25 แรงม้า เป็น 535 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 69.9 กก.-ม. หรือ 685 นิวตันเมตร ที่ 2,000-5,000 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สัมผัสความโฉบเฉี่ยว ผสานสมรรถนะเป็นเยี่ยม 

