ศึก OR BRIC Superbike Championship 2023 รูดม่านปิดฤดูกาลอย่างสุดประทับใจ พร้อมทั้งความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการปรับเรศสู่อินเตอร์ นักบิดหน้าใหม่ ดาวดังทั่วฟ้าเมืองไทย-เทศหลากหลายประเทศชิงชัย ด้านบอสส์ใหญ่สนามช้างฯ “ตนัยศิริ” เผยเตรียมปรับกติกาใหม่อีกครั้งในปีหน้า รักษามาตรฐานเรศที่ดีที่สุดของไทย และก้าวสู่เรศอันดับ 1 ของเอเชียในอนาคต พร้อมกางแผนรุกตลาดต่างประเทศ ดึงนักบิดต่างชาติดวลคันเร่งมากยิ่งขึ้น ขยายฐานผู้ชม จุดพลุส่งเสริมทั้งท่องเที่ยว และกีฬาอย่างครบทุกมิติ
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท กล่าวว่า OR BRIC Superbike Championship ปีที่ 9 ปิดฤดูกาลด้วยความสำเร็จ ตามแนวทางที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน และพัฒนาการแข่งขัน ตั้งแต่นักแข่งหน้าใหม่ที่ลงแข่งครั้งแรก นักแข่งดาวรุ่ง นักแข่งระดับกลางที่ต้องการพัฒนาฝีมือ ไปจนถึงจุดสูงสุดของพีระมิด คือ นักบิดระดับอาชีพ ในรุ่นพโร เป็นสังเวียนชิงแชมพ์ประเทศที่ใช้ลับฝีมือสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ โดยต่อยอด ได้รับสิทธิ์ไวลด์คาร์ดไปแข่งขันในรายการ Asia Road Racing Championship 2024 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายการสำคัญของภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังมีซัพพอร์ทเรศจากค่ายรถจักรยานยนต์ชื่อดัง Honda และ Yamaha ที่เพิ่มรุ่นการแข่งขันกันอย่างคึกคัก ให้โอกาสนักบิดหน้าใหม่ได้ลงแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น Honda Thailand Talent Cup, Honda CBR Trophy 1000 และ Yamaha R1 Cup, Yamaha Moto Challenge, Yamaha R3 bLU cRU Thailand Cup
โดยสนามปิดฤดูกาลปีนี้มีความพิเศษ คือ นักแข่งในระดับตำนานของประเทศไทย ทั้ง "ฟิล์ม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิด Moto 2 ชาวไทยคนแรก และแชมพ์เวิร์ลด์ ซูเพอร์สปอร์ท ครั้งประวัติศาสตร์ในโฮมเรศ, "ตั้น" เดชา ไกรศาสตร์ อดีตแชมพ์เอเชีย 2 สมัย และ "บอล" สุหทัย แช่มทรัพย์ ลงทำการแข่งขัน 2 เรศสุดท้าย ทำให้เรศนี้ กลายเป็นเรศที่ดีที่สุด สนุก มีสีสัน และมีเสน่ห์อย่างมาก เชื่อว่าแฟนมอเตอร์สปอร์ท ยังคงคิดถึงนักแข่งตำนานเหล่านี้
“ในปี 2023 เป็นปีแรกที่รุ่นใหญ่ที่สุดของไทย Superbike 1,000 cc ปรับกติกาเป็นกติกาเดียวกับการแข่งขัน Asia Road Racing โดยสนามช้างฯ เป็นเจ้าภาพการแข่งขันเอเชียถึง 2 สนาม ได้แก่ สนามเปิด และปิดฤดูกาล ดังนั้นการปรับกติกามาใช้รูปแบบเดียวกัน จะทำให้นักแข่ง ทีมแข่งไทยได้เปรียบในการแข่งขัน Asia Road Racing มากขึ้น เนื่องจากได้ใช้รถ และลงแข่งขันในรูปแบบเดียวกัน กติกาเดียวกันถึง 5 เรศ”
ส่วนในฤดูกาลหน้าของ OR BRIC Superbike ก็จะมีการปรับเปลี่ยนกติกาในส่วนของรุ่นรถที่ทำการแข่งขัน รวมทั้งมีแผนในการรุกตลาดต่างประเทศ ขยายฐานผู้ชม โดยร่วมมือกับทีมแข่งต่างๆ ประชาสัมพันธ์ และดึงนักบิดจากนานาชาติให้เข้ามาลงทำการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยยกระดับทั้งในด้านมอเตอร์สปอร์ท และเป็นมิติในเรื่องท่องเที่ยวของไทย สามารถสร้างรายการแข่งขันที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกด้วย”
ทั้งนี้ หนึ่งในแรงขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จของศึก OR BRIC Superbike Championship คือ ผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รวมถึงพาร์ทเนอร์สำคัญอย่าง เครื่องดื่มตราช้าง, รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ Honda, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), หมวกกันนอค Real, ผ้าเบรค Nexzter, Bridgeston Moto Thailand, IRC, การกีฬาแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ไพศาล อุดมกุลวณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า OR ได้เล็งเห็นศักยภาพ และผลักดันนักแข่งไทย พัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง โดยได้ทำการสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 โดยเป็นสปอนเซอร์หลักรายการแข่งขันเวทีสูงสุดของไทย เพื่อให้สามารถพัฒนาฝีมือสู่ระดับโลกต่อไป นอกจากนี้ ยังเป็นไทเทิลสปอนเซอร์ ศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดในโลก MotoGP สนามประเทศไทย ภายใต้ชื่อ OR Thailand Grand Prix อีกด้วย
ทั้งยังพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถนำมาใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ท อาทิ น้ำมันแกสโซฮอล 95 เกรดพรีเมียมสูตรใหม่ ช่วยให้เครื่องยนต์เร่งแรงเต็มขุมพลังมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง น้ำมันหล่อลื่น “Challenger Superbike Racing” นวัตกรรม Racing Formula ที่ออกแบบ พัฒนา และทดสอบร่วมกับนักแข่งในสนามแข่งขันจริง เพื่อใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ ซึ่งการแข่งขันสนามชิงแชมพ์ประเทศไทยในรายการนี้ จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันให้นักแข่งไทยสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ และระดับโลกต่อไป
ทั้งนี้ หลังจบการแข่งขันได้มีการจัดงาน Champion Day เพื่อมอบรางวัล และฉลองแชมพ์ประจำปีให้แก่ผู้ที่สร้างผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งฤดูกาลของทุกรุ่น
นักบิดที่สามารถคว้าแชมพ์ประจำปีรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง Superbike 1,000 ซีซี SB 1 Pro ได้แก่ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จาก Honda Racing Thailand กวาดชัยชนะ 5 เรศรวด พร้อมรับสิทธิ์ไวลด์คาร์ดไปแข่งขัน Asia Road Racing ส่วน Superbike 1,000 ซีซี SB 1 ได้แก่ วริทธิ์ ทองนพคุณ จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม, SB 2 ได้แก่ ธนิต แก้รัมย์ จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม, SB 3 ได้แก่ พัชรวัฒน์ ธนทรัพย์วรากร จาก ฮานูย่า เรซซิ่ง ทีม
ส่วนแชมพ์ประจำปีในรุ่น Super Stock 1,000 ซีซี ST 1 และได้รับสิทธิ์ไวลด์คาร์ดแข่งขัน Asia Road Racing ได้แก่ เพชราวุธ เพชรช่วย จาก จีพี เรซซิ่ง อุดรธานี, รุ่น ST 2 ได้แก่ สุรศักดิ์ นิชรอด จาก สปีด 800 ยัวซ่า ยามาฮ่า ส.อรุณ, ST 3 ได้แก่ เดชฤทธิ์ เฉวียงวงศ์ จาก ยอมมี่ พีอาร์เอส ครูกันใจดี ลาบ เรซซิ่ง ทีม
แชมพ์ประจำปี Supersport 600 ซีซี SS 1 Pro และได้รับสิทธิ์ไวลด์คาร์ดแข่งขัน Asia Road Racing ได้แก่ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งจาก Honda Racing Thailand, Supersport 600 ซีซี SS 1 ได้แก่ ต่อศักดิ์ นวลสาย จาก ทีเอ็นพี มอเตอร์สปอร์ต, SS 2 ได้แก่ ปัญจพล จรุงกิจกูล จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม
แชมพ์ประจำปี Supersport 400 ซีซี SS 1 Pro ได้แก่ วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม, รุ่น SS 1 ได้แก่ ภาสกร แสนหลวง จาก ยามาฮ่า ดัคแฮมส์ ดำ เรซซิ่ง ทีม, SS 2 ได้แก่ ณัฐนันท์ สุวรรณโกสุม จากเน็กซ์เตอร์ โมริเทค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง
แชมพ์ประจำปี Sport Production 400 ซีซี SP ได้แก่ อาทิตย์ กังแฮ จาก ศักดิ์ศิริ บุรีรัมย์ ทีพีเอส เจ.เอ.เรซซิ่ง ทีม ส่วน Sport Production 400 ซีซี SP Junior ได้แก่ ภคภัทร พึ่งเจริญ จาก ซีบี ไฟเบอร์กลาส สิทธิผล ดีไอดี วายเอสเอส กิตติ เรซซิ่ง ทีม