ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (Prism Experts) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตร เลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2567 อยู่ที่ 75-85 เหรียดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ยังต้องจับตานโยบายควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC+ เพื่อรักษาระดับรา คาน้ำมันดิบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของกลุ่มประเทศตะวันตกในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งการแสวงหาโอกาส และแนวทางปรับตัวของกลุ่มบริษัทพลังงานในยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition)
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประ ธานเปิดงานสัมมนา 2023 The Annual Petroleum Outlook Forum ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Change for Chance: ปรับ เปลี่ยน เพื่อไปต่อ สู่ยุคพลังงานแห่งอนาคต” พร้อมเปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 45 ปี ปตท. ยังคงมุ่งมั่นรักษาความมั่นคงด้านพลังงานพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยปัจจุบัน กลุ่ม ปตท. ขับเคลื่อนกลยุทธ์สู่ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต และขยายสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่ไกลกว่าพลังงาน เพื่อให้สอดรับกับสถาน การณ์โลก และเตรียมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ความขัดแย้งทางภูมิ รัฐศาสตร์ สภาวะเศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในปีหน้ายังมีทิศทางเพิ่มขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ กำลังซื้อในสหรัฐอเมริกา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยุโรป และการใช้น้ำมันในภาคการบินของจีนที่เพิ่มขึ้นหลังเปิดประเทศ ขณะเดียวกัน อุปสงค์น้ำมันยังคงเติบโตในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงานฟอสซิล อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและกฎหมายรองรับ มีส่วนทำให้อุปทานน้ำมันเติบโตอย่างจำกัด โดยคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในปี 2567 จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันในปี 2567 อยู่ที่ 75-85 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ร่วมผลักดันการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสุทธิจนเป็นศูนย์ มุ่งบรรลุเป้าหมาย Net Ze ro Emissions ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ประเทศกำหนด ถือเป็นความท้าทายในการขับเคลื่อนกิจ กรรมทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดปัญหาภา วะโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การสนับสนุนจากภาครัฐ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืน
บัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กล่าวว่า แม้ในปัจจุบันสถานการณ์ COVID-19 ได้คลี่คลายลง แต่โลกยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ระ หว่างรัสเซีย และยูเครน สหรัฐอเมริกากับจีน สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางต่างๆ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ และวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดสภาพคล่องในประเทศจีนจากการที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงโดยสร้างกฎระเบียบให้เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งนโยบายการปล่อยฉฏศเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์หรือ “Net Zero” ของประเทศต่างๆ อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าสู่ยุคพลังงานแห่งอนาคต ให้เกิด “ความยั่งยืนด้านพลังงาน” จะเป็นการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประ การ หรือ “Energy Trilemma” คือ 1) ความมั่นคงทางพลังงาน (Energy Security) คือ การจัดหาพลังงานพื้นฐาน และความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการทั้งในปัจจุบัน และอนาคต 2) ความเป็นธรรมทางพลังงาน (Energy Equity) คือ การจัดหาพลังงานที่สามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม และ 3) ความยั่งยืนด้านสิ่งแวด ล้อม (Environmental Sustainability) เป็นการจัดหาพลังงานที่ปล่อยแกสเรือนกระจกในปริมาณที่ต่ำ นับเป็นความท้าทายของกลุ่มบริษัทพลังงาน ในการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน จึงเป็นที่มาของแนวคิด “Change for Chance: ปรับ เปลี่ยน เพื่อไปต่อ สู่ยุคพลังงานแห่งอนาคต” ของงานสัมมนาในปีนี้ โดยนักวิ เคราะห์สถานการณ์พลังงาน กลุ่ม ปตท. หรือ “Prism Experts” ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอข้อมูล และวิเคราะห์ทิศทางราคาน้ำมัน รวมถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมพลังงานต้องเผชิญ
ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก วัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และแผนพลังงาน เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เน ชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “Enable Everyone’s Engagement in Energy Transition” และสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด บรรยายพิ เศษในหัวข้อ “Thailand is Ready for EV’s Supply Chain?” วิเคราะห์ทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับกลยุทธ์ และความท้าทายของการเติมเต็มระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
งานสัมมนา The Annual Petroleum Outlook Forum เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มอุตสาหกรรม โรงกลั่นน้ำ มันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อนำเสนอบทวิเคราะห์ และแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมัน สถานการณ์พลังงาน และความท้าทายที่กระทบต่ออุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน หรือ “PRISM Experts” ที่ได้ดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 ผู้สนใจสามารถติด ตามการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ได้ผ่านทาง https://prism.pttgrp.com, YouTube และ Facebook : PRISM