ธุรกิจ
Toyota แจงยอดขายปี 2566
รายงานข่าวจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2566 ถือเป็นปีที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว โดยตลาดภายในประเทศยังคงมีทิศทางที่ชะลอตัว ในขณะที่ภาคการส่งออกโดยรวมมีการขยายตัวที่ดีขึ้น ทั้งนี้ มีปัจจัยหลากหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อทิศ ทางของตลาดในปีที่ผ่านมา ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อที่ชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนสูง ตลอดจนการชะลอซื้อรถยนต์ของภาคธุรกิจเพื่อรอความชัดเจนจากมาตรการรัฐซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีปัจจัยด้านบวกอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม อาทิ สัดส่วนการขายของตลาดรถยนต์นั่งในประเทศที่ขยายตัวได้ดี โดยได้กระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้อานิสงส์จากมาตร การสนับสนุนด้านราคาของภาครัฐ ตลอดจนตัวเลขการส่งออกรถยนต์ของไทยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกในช่วงที่ผ่านมา เพื่อชดเชยการส่งมอบรถที่ล่าช้าจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญจนทำ ให้การผลิตล่าช้าออกไปในปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ จากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าว ได้สะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยมีตัวเลขยอดขายรวมในปี 2566 อยู่ที่ 775,780 คัน หรือลดลง 9 % เมื่อเทียบกับปี 2565
สถิติการขายรถยนต์ในปี 2566 |
ยอดขายปี 2566 |
การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
|
775,780 คัน |
-9 % |
|
292,505 คัน |
+10 % |
|
483,275 คัน |
-17 % |
|
325,024 คัน |
-29 % |
|
264,738 คัน |
-32 % |
สำหรับยอดขายของ Toyota ในปี 2566 มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 265,949 คัน หรือลดลง 8 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หากแต่ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 34.3 % ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์นั่งของ Toyota มีการเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถอีโคคาร์ที่ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ได้อย่างต่อเนื่อง จากความสำเร็จด้านยอดขายของรถยนต์ Yaris Ativ รวมถึงการมีรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง Yaris Cross ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมทาง การตลาดในรูปแบบต่างๆ ตลอดจนการมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่หลากหลายของ Toyota ก็มีส่วนทำให้สามารถเข้าถึง และใกล้ชิดกับลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกเหนือจากรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Toyota ในปี 2566 ที่ผ่านมา แบรนด์ Lexus ประเทศไทย ประสบความสำ เร็จ มียอดขายสูงสุด อยู่ที่ 1,012 คัน นับเป็นครั้งแรกที่ Lexus ประเทศไทย สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดถึงระ ดับกว่า 1,000 คัน แสดงถึงความไว้วางใจ และความมั่นใจของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อแบรนด์ Lexus
สถิติการขายรถยนต์ของ Toyota ในปี 2566 |
ยอดขายปี 2566 |
การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
ส่วนแบ่งตลาด |
|
265,949 คัน |
-8 % |
34.3 % |
|
99,292 คัน |
+20 % |
33.9 % |
|
166,657 คัน |
-19 % |
34.5 % |
|
128,689 คัน |
-27 % |
39.6 % |
|
106,601 คัน |
-28 % |
40.3 % |
แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 คาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด โดยมีปัจจัยรอบด้านที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวม อาทิ การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลในด้านการส่งออก ตลอดจนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง และทิศ ทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2567 จะอยู่ที่ 800,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2567 |
ยอดขายประมาณการ ปี 2567 |
เปลี่ยนแปลงเทียบกับ ปี 2566 |
|
800,000 คัน |
+3 % |
|
296,500 คัน |
+1 % |
|
503,500 คัน |
+4 % |
สำหรับ Toyota ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 277,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4 % โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 34.6 %
ประมาณการยอดขายรถยนต์ Toyota ในปี 2567 |
ยอดขายประมาณการ ปี 2567 |
เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2566 |
ส่วนแบ่งตลาด |
|
277,000 คัน |
+4 % |
34.6 % |
|
81,700 คัน |
-18 % |
27.6 % |
|
195,300 คัน |
+17 % |
38.8 % |
|
133,264 คัน |
+4 % |
41.2 % |
|
114,500 คัน |
+7 % |
42.1 % |
ในปี 2566 Toyota ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 379,044 คัน เพิ่มขึ้น 0.2 % จากปี 2565 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศ และการส่งออกในปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 621,156 คัน หรือลดลง 5.8 % จากปี 2565
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป และการผลิตของ Toyota ในปี 2566 |
ปริมาณในปี 2566 |
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
|
379,044 คัน |
+0.2 % |
|
621,156 คัน |
-5.8 % |
สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของ Toyota ในปี 2567 คาดการณ์ว่ายังต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ ตลอดจนภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของประ เทศคู่ค้าที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลให้ Toyota ตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 358,800 คัน หรือลดลง 5 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2567 อยู่ที่ราว 615,700 คัน หรือลดลง 0.9 % จากปีที่ผ่านมา
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป และการผลิตของ Toyota ปี 2567 |
ปริมาณในปี 2567 |
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566 |
|
358,800 คัน |
-5.0 % |
|
615,700 คัน |
-0.9 % |
ในปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจยานยนต์แล้ว Toyota ยังได้มีในการดำเนินงานในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Carbon Neutrality) โดยได้มีการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multiple Pathway” เพื่อทุกความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยแกสเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทางของผู้คน โดยมีการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ
1. การลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น/เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP/บริษัท ทรู ลีสซิ่ง/บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG, และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation หรือ CJPT เพื่อเร่งความร่วมมือในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย โดยได้เริ่มต้นดำเนินการทดลองใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้อมูล ด้านการเดินทาง และด้านพลังงาน ซึ่งในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินความร่วมมือที่เห็นเด่นชัด คือ การเปิดตัวเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากแกสชีวภาพที่ได้มาจากมูลสัตว์ในฟาร์มสัตว์ปีก และเศษอาหารของ CP และอาหารเหลือทิ้งจากโรงอาหารของ Toyota โดยนำพลังงานนั้นมาใช้กับรถพลังงานไฮโดรเจน ทั้งนี้ ความท้าทายต่อไป คือ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการลดต้นทุนในกระบวนการทั้งหมดของขั้นตอน “การผลิต” “การขนส่ง” และ “การใช้” พลังงานโดยการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับสภาพ และการใช้งานในประเทศไทย นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้ข้อมูล จะมีการนำข้อมูลด้านค้าปลีก และขนส่งจาก CP และ SCG รวมถึงการนำเทคโนโลยี “Digital Twin” (การสร้างโมเดลเสมือนจริงจากพื้นที่จริง) ของ Toyota มาเพิ่มประสิทธิภาพของ "การเดินทาง การขนส่ง และพลังงาน" โดยร่วมมือกับระบบทางสังคม เช่น การจัดการพลังงาน และการควบคุมการจราจร เป็นต้น
2. การต่อยอดโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ที่ Toyota ร่วมมือกับเมืองพัทยาในการจัดสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์พลังงานทางเลือกที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้คนในเมืองพัทยาได้ทดลองใช้งานในการเดินทางรูปแบบต่างๆ ได้มีการต่อยอดไปสู่การเตรียมความพร้อมในการนำรถกระบะต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100 % อย่าง Hilux Revo BEV มาให้บริการในรูปแบบรถโดยสารประจำทางสาธารณะแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยพร้อมที่จะเริ่มทดลองให้บริการได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของรถในโครงการทั้งหมดมีส่วนช่วยลดการปล่อยแกสเรือนกระจกได้ประมาณ 4,000 ตัน/ปี
นอกจากนี้ ในด้านกิจกรรมสังคมอื่นๆ Toyota ก็ยังมุ่งเน้นการขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่ง ยืน” เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ผ่านการดำเนินกิจกรรม และขยายผลการดำเนินงานในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแสวงหาแนวทางการประสานความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อมีส่วนช่วยผลักดันในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจ และสังคมไทยต่อไป