ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
"Motor Expo" เผยแจกจริง ผู้โชคดีรับรถยนต์ 3 คัน จักรยานยนต์ 2 คัน
“IMC สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ Motor Expo มอบรางวัลรถยนต์ 3 คัน จักรยานยนต์ 2 คัน แก่ผู้โชคดีที่ร่วมกิจกรรมชิงรางวัลจากงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ดังนี้
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน มอบรางวัลรายการ “ซื้อรถ...ชิงรถ” NEW MG HS PHEV D มูลค่า 1,299,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ พรพิมล ภู่ศิริ จังหวัดปทุมธานี
ประไพศรี ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านบัญชี การเงิน และธุรการ มอบรางวัลรายการ “ซื้อบัตร...ชิงรถ” NETA V มูลค่า 760,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ จอมขวัญ ยงยุทธ จังหวัดสมุทรสาคร
ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการบริหารงานทั่วไป มอบรางวัลรายการ “ซื้อสินค้า...ชิงรถ” MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T มูลค่า 529,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ ว่าที่ ร.ต. กัมพล ดวงรัศมี จังหวัดปทุมธานี
วราทิพย์ คำนึงคุณ กรรมการผู้จัดการ และอัญมณี เศรษฐนันท์ กรรมการบริหาร บริษัท มอเตอร์ไซเคิล เอ็กซ์โป จำกัด มอบรางวัลรายการ “ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิกไบค์” HONDA รุ่น XL750 TRANSALP 2023 มูลค่า 394,000 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ ศุภโชค หรูวานิชย์ กรุงเทพฯ
ชไมพร ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ควบคุมงานด้านการตลาดสัมพันธ์ มอบรางวัลรายการ “ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล" ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท ผู้ได้รับรางวัล ได้แก่ ธิดารัตน์ คนคล่อง จังหวัดพะเยา
พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2567 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”
MG จัดงาน "MG Legend Rendezvous" ให้แก่แฟนพันธุ์แท้รถโบราณ MG
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย จัดกิจกรรม “MG Legend Rendezvous” ร่วมกับแฟนพันธุ์แท้รถโบราณ MG อาทิ MG TA, MG TB, MGA และ MGB พร้อมนำรถ MG Cyberster ที่ใช้ในกิจกรรม “Charging into The Future” มาให้ยลโฉมแบบ Exclusive ที่พิพิธภัณฑ์คนรักรถ (Auto Rendezvous Museum-Bangkok) อย่างใกล้ชิด โดยกิจกรรม MG Legend Rendezvous ได้รับเกียรติจาก พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย เจ้าของรถ MG TB ที่อยู่ในงาน เป็นผู้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจากสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย และทีมงาน “Charging into The Future” ประกอบด้วย Hugo และ Ross Turner (The Turner Twins) Jason Kosbab และ Huw Walters โดยบรรยากาศภายในงานมีความอบอุ่น และเป็นกันเอง
Mazda ทุ่มงบกว่า 240 ล้านบาท ขยายโชว์รูม 2 แห่ง
Mazda ทุ่มงบกว่า 240 ล้านบาท ประกาศเปิดโชว์รูมใหม่ ร่วมกับกลุ่มบริษัท 14 ออโต้ อีก 2 แห่ง ย่านบางบอนและพระราม 2 พื้นที่ทำเลทองรอบนอกกรุงเทพฯ พื้นที่ที่กำลังเติบโต เดินทางสะดวก แหล่งเศรษฐกิจสำคัญใกล้กรุงเทพฯ และปริมณฑล โชว์รูม และศูนย์บริการเพียบพร้อมด้วยทีมช่างเทคนิคผู้ชำนาญการ และทีมบริหารคุณ ภาพคับแก้วที่พร้อมให้บริการแบบมืออาชีพ พร้อมส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าแบบครบวงจร ตามปรัชญาการทำงาน “มุ่งมั่นพัฒนา ยกระดับมาตรฐาน วิสัยทัศน์ก้าวไกล” พร้อมยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touch Point เดินหน้าส่งมอบบริการมาตรฐานระดับสากลให้แก่ลูกค้าทุกคน ฉลองเปิดโชว์รูมใหม่ลูกค้านำรถเข้าเชคตามระยะรับส่วนลดทันที 1,000 บาท จองรถใหม่รับเพิ่มจากแคมเปญปกติอีก 4,000 บาท
ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความต้องการ และความสุขของลูกค้า คือ สิ่งที่ Mazda ยึดมั่นเป็นรากฐานมาตลอด ไม่เพียงแค่การบริการหลังการขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้สัมผัส ตั้งแต่ก่อนการขายจนถึงการกลับมาซื้อซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า Customer Experience Management (CXM) และการสร้างคุณค่าของแบรนด์ Brand Value Management (BVM) ที่ Mazda ให้ความสำคัญ เพื่อสร้างคุณค่า และเติมเต็มความมีชีวิตชีวาให้กับผู้คน แทนคำมั่นสัญญาของ Mazda ที่ตั้งใจส่งมอบให้แก่ลูกค้า ผ่านการดูแลเอาใจใส่โดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน เพื่อมอบความประทับใจ และยกระดับประสบการณ์ความสุขในการขับขี่ รวมถึงการใช้ชีวิตในทุกด้านให้แก่ลูกค้าทุกคน ซึ่งเป็นพันธกิจเฉกเช่นเดียวกับ Mazda ทั่วโลกที่ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
นับเป็นก้าวที่สำคัญที่ Mazdaได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มบริษัท 14 ออโต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ร่วมดำเนินธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน ด้วยการทุ่มงบประมาณเพิ่มเติมอีกกว่า 240 ล้านบาท เปิดโชว์รูม และศูนย์บริการแบบครบวงจรเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ภายใต้ชื่อ 14 ออโตโมชั่น จำกัด (Mazda บางบอน) และ 14 ออโต้เฟิร์ส จำกัด (Mazda พระ ราม 2) บนทำเลศักยภาพที่มีลูกค้า Mazda อาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญใกล้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง และเป็นเส้นทางสายหลักสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดใกล้เคียง ด้วยความเชี่ยวชาญของกลุ่มบริษัท 14 ออโต้ แล้ว Mazda เชื่อว่า การเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่ทั้ง 2 แห่งนี้ จะสามารถอำ นวยความสะดวก และส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า Mazdaได้อย่างแน่นอน
เรามุ่งมั่นให้การสนับสนุนผู้จำหน่ายให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และเหมาะสมกับสถานการณ์ในตลาด เน้นสร้างผลกำไรในธุรกิจผู้จำหน่ายทั้งการขาย และการบริการ สร้างความสมดุลของการสร้างรายได้ในทุกช่องทางอย่างมีเสถียรภาพ ช่วยลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทุกขั้นตอน จึงทำให้ผู้จำ หน่ายเชื่อมั่นในแบรนด์ Mazda พร้อมเดินหน้าไปพร้อมกันทุกพื้นที่ ภายใต้กลยุทธ์การรักษาลูกค้า Retention Business Model เครือข่ายผู้จำหน่าย Mazda ในปัจจุบัน และในอนาคตมีพันธกิจในการเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างเต็มกำลัง จนเกิดเป็นความประทับใจ และความผูกพันของครอบครัว Mazda “Mazda Family” ตั้งเป้าเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่ลูกค้าเลือก Top Customer Retention Brand ส่งมอบรอยยิ้ม และความสุขให้ลูกค้า สร้างความสำเร็จให้ผู้จำหน่าย และเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน
วุฒิพงศ์ จงพิพิธพร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท 14 ออโต้ จำกัด กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์ Mazda และทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่กำลังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน การเปิดโชว์รูม และศูนย์บริ การแห่งใหม่ในครั้งนี้ เกิดจากการเล็งเห็นความสำคัญของการให้บริการลูกค้า วันนี้ถ้าเราเน้นไปที่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียวรายได้อาจไม่เพียงพอ ดังนั้น คุณภาพของการบริการ คือ หัวใจสำคัญที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ต้องอำนวยความสะดวก และบริการให้เหนือความคาดหวังของลูกค้า ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่ร่วมธุรกิจกับ Mazda เราไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนา เราอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของเราให้มากที่สุด ส่งมอบบริการให้ครอบคลุมในพื้นที่ต่างๆ ให้มากขึ้น บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจหลากหลายประเภทมายาวนาน รวมถึงธุรกิจรถยนต์ ทั้งในกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ โดยได้เข้าร่วมเป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทาง การกับ Mazda มาตั้งแต่ปี 2559 ด้วยการเปิดโชว์รูม Mazda เทพารักษ์ ซึ่งได้มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในทุกฟังค์ชัน รวมถึงพัฒนาระบบการบริหารจัดการ การดูแลลูกค้าและการติดตามผลงานนำเอาประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจากการทำธุรกิจมาประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากร ทั้งด้านการขายและการบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทำให้เกิดความพึงพอใจมากที่สุด พิชิตรางวัลมาแล้วถึง 14 รางวัล การันตีคุณภาพการทำงานอันยอดเยี่ยมของ กลุ่มบริษัท 14 ออโต้ จำกัด เป็นผู้จำหน่ายที่ได้รับรางวัลมากมายจาก มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)ฯ อาทิ รางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2564 ประเภท Silver, ราง วัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2561 ประเภท Bronze, รางวัลทีมงานขายดีเด่นประจำปี 2560-2561, รางวัลบริ การหลังการขายดีเด่นประจำปี 2563, รางวัล Body & Paint Awards หรือศูนย์ซ่อมตัวถัง และสีดีเด่นประจำปี 2563, รางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศอันดับ 1 Maztech Thailand ประจำปี 2565 ประเภทเจ้าหน้าที่ลูกค้าสัม พันธ์, รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประจำปี 2565 ประเภทช่างเทคนิค และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท 14 ออโต้ มีโชว์รูม และศูนย์บริการ Mazda ทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย Mazda เทพารักษ์, Mazda บางบอน และล่าสุด Mazda พระราม 2 กลุ่มบริษัท 14 ออโต้ เปิดให้บริการด้วยโชว์รูมมาตรฐานขนาดใหญ่แบบ 4S สามารถรองรับลูกค้ารวมทั้งหมดมากกว่า 2,300 คัน/เดือน โดย บริษัท 14 ออโตโมทีฟ จำกัด หรือ Mazda เทพารักษ์ เป็นสำนักงานใหญ่ เปิดทำการอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2560 ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท มีพื้นที่ขนาด 8,665 ตรม. รองรับลูกค้าได้มากกว่า 1,100 คัน/เดือน พร้อมศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง รองรับการบริการได้มากกว่า 200 คัน/เดือน พร้อมเลนด่วนพิเศษแบบ Fast Track ให้บริการตรวจเชคตามระ ยะ และทำความสะอาดแล้วเสร็จภายใน 60 นาที
โชว์รูม Mazda บางบอน มีขนาดใหญ่แบบ 4S ให้การบริการแบบครบวงจร พร้อมศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 4,641 ตรม. รองรับบริการได้มากกว่า 700 คัน/เดือน ศูนย์ซ่อมสี และตัวถัง รองรับบริการได้มากกว่า 100 คัน/เดือน พร้อมเลนด่วนพิเศษ Fast Track ให้บริการตรวจเชคตามระยะ และทำความสะอาดแล้วเสร็จภาย ใน 60 นาที และมีเจ้าหน้าที่ชำนาญการพิเศษ พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือ และอุปกรณ์ทันสมัย สามารถประเมินงานซ่อม และส่งมอบงานบริการที่แม่นยำและตรงจุดให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
โชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่ล่าสุด Mazda พระราม 2 ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 3,735 ตรม. เป็นโชว์รูมขนาดกลาง รองรับรถยนต์ที่มาใช้บริการได้มากกว่า 500 คัน/เดือน พร้อมเลนด่วนพิเศษแบบ Fast Track ที่ให้บริการตรวจเชคตามระยะและทำความสะอาดแล้วเสร็จภายใน 60 นาที ที่ศูนย์บริการแห่งนี้ยังให้บริการซ่อมตัวถัง และสีได้เช่นเดียวกัน โดยจะมีทีมที่ปรึกษาด้านการบริการมืออาชีพคอยให้คำแนะนำ และประสานงานในการส่งรถลูก ค้าไปซ่อมที่ Mazda บางบอน และนำรถที่ซ่อมเสร็จแล้วกลับมาให้ลูกค้าที่เดิม เพิ่มความสะดวก และช่วยให้ลูก ค้าที่ไม่สะดวกเดินทางไปรับบริการที่ Mazda บางบอน
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสเปิดโชว์รูมใหม่ทั้ง 2 แห่ง ทางโชว์รูมได้มอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าทุกรายที่เดินทางมาใช้บริการในเดือนมีนาคม และเดือนเมษายน โดยลูกค้าใหม่ที่นำรถเข้าบริการตรวจเชคตามระยะทาง และยังไม่เคยมารับบริการ ทางโชว์รูมเตรียมส่วนลดให้ 1,000 บาท ส่วนลูกค้าที่เคยใช้บริการแล้วจะได้รับส่วนลด 500 บาท สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ Mazda ทุกรุ่นรับส่วนลดเพิ่มเติมจากแคมเปญปกติเพิ่มอีก 4,000 บาท
Mazda ขอขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นในแบรนด์ Mazda ชาว Mazda ทุกคนพร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าตามแผนงานในการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย และยกระกับการให้บริการลูกค้าในทุกประสบการณ์ เพื่อส่งมอบคุณ ค่า และคุณภาพการให้บริการอันน่าประทับใจให้แก่ลูกค้า และพร้อมดูแลรถยนต์ของลูกค้าไปตลอดอายุการใช้งาน
Mitsubishi คว้า 2 รางวัลการออกแบบระดับโลก
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (Mitsubishi Motors) นำ All New Triton รถกระบะขนาด 1 ตัน All New Xforce รถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวีขนาดเล็ก คว้าสุดยอดรางวัลด้านการออกแบบ IF Design Award 2024 ในสาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์2
Mitsubishi Motors มุ่งมั่นที่จะนำเสนอยานยนต์เพื่อเติมเต็ม และตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย พร้อมปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยให้แก่ผู้ขับขี่ และมอบความสนุกเร้าใจให้แก่ผู้โดยสารทุกคน โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการส่งมอบความเชื่อมั่น อุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ไปพร้อมกับประสบการณ์เหนือระดับที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ ผ่านการสร้างสรรค์ยนตรกรรม ด้วยแนวคิดหลักที่มุ่งเน้นการขับขี่ที่คล่องตัว และทรงพลัง ความแข็งแกร่งทนทาน รองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ พร้อมด้วยการรังสรรค์งานออกแบบที่เหมาะกับยุคสมัย
รางวัล IF Design Award ถือเป็นหนึ่งในรางวัลด้านการออกแบบอันทรงเกียรติระดับโลก ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี ได้รับการก่อตั้งโดยสถาบัน IF International Forum Design GMBH ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี โดยในปีนี้ มีผู้ส่งผลงานเข้าชิงรางวัล IF Design Award 2024 เป็นจำนวนกว่า 11,000 ราย จาก 72 ประเทศทั่วโลก ผ่านการพิจารณาตัดสินโดยคณะกรรมการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจากหลากหลายประเทศจำนวน 132 คน ภายใต้ 5 หลักเกณฑ์การพิจารณา ได้แก่ แนวคิด (Idea) รูปทรง (Form) การใช้งาน (Function) ความโดดเด่น และแตกต่าง (Differentiation) และกระแสตอบรับ (Impact)
เซจิ วาตานาเบะ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่รถยนต์ใหม่ 2 รุ่นของเรา ซึ่งเปิดตัวในปีงบประมาณนี้ สามารถคว้ารางวัลสำคัญ ที่เป็นหนึ่งในรางวัลด้านการออกแบบที่ทรงเกียรติที่สุดในโลกมาครอง ทั้งนี้ ผมเชื่อว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ สามารถสร้างความประทับใจ และเสียงตอบรับด้วยความแตกต่างโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดย Triton สามารถสะ ท้อนถึงตัวตนที่แตกต่าง ขณะที่ Xforce สะท้อนถึงความคล่องแคล่วปราดเปรียว ที่ผสานความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นแนวทางงานดีไซจ์นอันเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์ของรถยนต์ Mitsubishi Motors ราง วัลนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ช่วยให้ Triton และ Xforce สามารถเข้าถึง และสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าในวงกว้างได้มากขึ้น
All New Triton
All New Triton เป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่มีต้นกำเนิดจากรถรุ่น Forte เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2521 ก่อนจะได้รับการผลิตมาอย่างต่อเนื่องกว่า 5.7 ล้านคัน ตลอด 5 เจเนอเรชัน และจัดจำหน่ายในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และกลายเป็นรถรุ่นสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ Mitsubishi Motors
All New Triton ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด "Beast Mode" ที่สะท้อนถึงพลังแห่งความแข็งแกร่ง บึกบึน ตามแบบฉบับของรถกระบะขนานแท้ พร้อมด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ผสานความแข็งแรง ทนทาน และปราดเปรียว
ขณะที่ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีความแข็งแกร่ง ทรงพลัง ด้วยเส้นสายแนวราบเพื่อเสริมทัศนวิ สัยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นการเคลื่อนที่ และตำแหน่งตัวรถได้ง่ายในระหว่างการขับขี่ พร้อมด้วยปุ่ม และสวิทช์ควบคุมที่ใช้งานง่าย และสะดวกแม้ขณะสวมถุงมือ ร่วมด้วยพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตู ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้จับกระชับมือ และสะดวกสบาย
All New Xforce
All New Xforce เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวีขนาดเล็ก ที่มอบความสะดวกสบาย และการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง และพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์ ผสมผสานอย่างลงตัวกับความคล่อง แคล่วปราดเปรียว ขนาดตัวรถที่พอเหมาะพอเจาะ และสมรรถนะในการควบคุมการขับขี่ที่ปลอดภัย และมั่นใจได้ในสภาพอากาศ และสภาพถนนที่หลากหลาย
ภายใต้การออกแบบด้วยแนวคิดที่ผสานสมดุลแห่งสไตล์ที่หรูละมุนผนวกความแข็งแกร่งมั่นคง (Silky & Solid) ส่วนบนของตัวรถเน้นความลื่นไหลคล่องแคล่ว ขณะที่ส่วนล่างของตัวถังมีความแข็งแกร่งและสัดส่วนที่ทรงพลัง ทำให้เกิดสไตล์ที่โดดเด่น และแข็งแกร่งในแบบฉบับรถเอสยูวีที่แท้จริง ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้โดดเด่น โฉบเฉี่ยว และให้ความรู้สึกล้ำสมัย พร้อมแผงหน้าปัดแบบ Mmonolithic ขนาดใหญ่ ที่ผสานจอ แสดงผล ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับเครื่องเสียงที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิทอลเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
Svolt เปิดสายการผลิตแพคแบทเตอรีครั้งแรกของประเทศไทย
เอสโวลต์ (ประเทศไทย) เฉลิมฉลองความสำเร็จในการเปิดสายการผลิตแพคแบทเตอรี ครั้งแรกของประเทศไทย ณ โรงงานผลิตในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมส่งมอบให้แก่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ Great Wall Motor รุ่นต่างๆ ทั้งรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบทเตอรี ไม่ว่าจะเป็น ORA Good Cat, Haval H6, Haval Jolion, GWM Tank 500 และ Tank 300 โดยมี วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด Great Wall Motor ประจำภูมิภาคอาเซียน ครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ และณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จครั้งนี้ โดย Svolt และ Great Wall Motor เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความร่วมมือกันมาอย่างยาวนานในประเทศจีน จวบจนก้าวเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยจะเป็นพันธมิตรหลักที่จะร่วมมือกันในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ Great Wall Motor ก้าวขึ้นสู่การเป็น Top 3 ของผู้นำด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย (xEV Leader) ภายในปี 2569
โรงงาน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) เป็นอีกหนึ่งจิกซอว์สำคัญของ Svolt Energy ในระดับสากล โดยมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในหลากหลายส่วน ทั้งแบทเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แบทเตอรีสำหรับยานพาหนะสองล้อ และสามล้อ ระบบการจัดเก็บพลังงาน การรีไซเคิล และอื่นๆ ปัจจุบันโรงงาน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) ส่งมอบชุดแบทเตอรี่ Svolt LCTP (Low-Carbon Transition Plan) ที่ชูเทคโนโลยีอย่างเซลล์แบทเตอรี Short Blade L600 ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการแบทเตอรียานยนต์ให้แก่เซกเมนท์รถยนต์ส่วนบุคคลขนาดเล็ก หรือ A Segment ในประเทศไทย โดยโรงงาน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) จะสามารถส่งมอบแบทเตอรีให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศได้มากกว่า 20,000 ชุด ในปีนี้
การเริ่มต้นการผลิตในครั้งนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของโรงงาน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) ที่ประสบความสำเร็จในการผลิตแบทเตอรีภายในเวลาเพียงแค่ 5 เดือน ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคได้อย่างชัดเจน การก่อตั้ง และการดำเนินโครงการนี้นับว่ารวดเร็วที่สุดของ Svolt ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของความสำเร็จในการขยายการดำเนินธุรกิจของบริษัท สำหรับโรงงาน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) ได้มีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในขั้นตอนการผลิตที่หลากหลาย เช่น การตรวจสอบ และการวิเคราะห์แบบดิจิทอล รวมถึงการติดตาม และการวิเคราะห์คุณภาพอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้มาตรการ EV 3.5 ของประเทศไทยอีกด้วย
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด Great Wall Motor ประจำภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเข้ามามีบทบาทในการพลิกโฉมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคชาวไทย และทั่วโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์พลังงานใหม่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) ถือเป็นโรงงานผลิตแบทเตอรีโดยแบรนด์จากประเทศจีนแห่งแรกในประเทศไทย โดยแบทเตอรีจาก Svolt จะใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรุ่นของ Great Wall Motor ทั้งแบทเตอรีไฮบริด และแบทเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100 % New ORA Good Cat รุ่นผลิตในประเทศ ที่เราเพิ่งเปิดสายการผลิตเป็นครั้งแรกของประเทศไทยไปเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ในวันนี้ เอสโวลต์ (ประเทศไทย) ได้ฉลองความสำเร็จเปิดสายการผลิตแบทเตอรีรถยนต์พลังงานใหม่อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ถือเป็นนิมิตหมายอันดี และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างองค์ความรู้ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทย เราพร้อมให้การสนับสนุน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) อย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบรถยนต์พลังงานใหม่ที่มีคุณภาพ และเทคโนโลยีล้ำสมัยให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย และในภูมิภาคต่อไป
หยาง หงซิน ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Svolt Energy Technology กล่าวว่า โรงงาน เอสโวลต์ (ประเทศไทย) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจของ Svolt ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศไทย ไปพร้อมกับการผลักดันกลยุทธ์ระดับโลกของบริษัทฯ และความสามารถในการผลิต รวมถึงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ โรงงานของเราจะเพิ่มความสามารถในการผลิตให้สอดคล้องกับแผนการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย รวมถึงให้ความสำคัญกับความต้องการของตลาด พร้อมมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ ยิ่งไปกว่านั้น Svolt จะยึดมุมมองระดับโลกเพื่อทำความเข้าใจตลาด และความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งในระยะยาว เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับแบทเตอรีที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้าชาวไทย