ธุรกิจ
วิริยะประกันภัยฯ เดินเกมปี 2567 ปีแห่งความมั่นคง และเป็นธรรม
วิริยะประกันภัยฯ มุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมประกาศแผนงานปี 2567 วางทิศทางดำเนินงานภายใต้ประกันวินาศภัยกว่า 77 ปี "มั่นคง" ด้วยสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง 68,335 ล้านบาท "เป็นธรรม" ทุกขั้นตอนของการบริการ และมอบประสบการณ์ความ "คุ้มค่า" ให้แก่ลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาพัฒนานวัตกรรมบริการใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยฐานข้อมูล Big Data ที่ลงลึกตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ส่วนผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,077 ล้านบาท ในขณะที่เป้าหมายปี 2567 ตั้งเป้าไว้ที่ 43,000 ล้านบาท
อมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการให้บริการต่งๆ โดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นที่การส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า ภายใด้แนวคิด "ปีแห่งความมั่นคงและเป็นธรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า" พร้อมตอกย้ำความมั่นคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 68,335 ล้านบาท และอัตราส่วนเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 180 % ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
"ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัย อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 31 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14 % เช่นเดียวกันกับตลาดประกันภัยรถยนต์ที่ วิริยะประกันภัยฯ ยังครองส่วนแบ่งตลาด เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 36 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22 % ผลสำเร็จนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแกร่ง และความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ทั้งนี้ ผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,077 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 35,633 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,444 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 38,000 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 5,000 ล้านบาท"
อมร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปี 2567 นี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความพึงพอใจของลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นไว้วางใจใน วิริยะประกันภัยฯ ด้วยการส่งมอบประสบการณ์ที่ "คุ้มค่า" ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมบริการประกันภัย ซึ่ง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทฯ ได้มีการนำบริการ "VCaim on VCall!" หรือการเคลมนัดหมายออนไลน์ผ่านวีดีโอคอลมาให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบริการนี้ได้ขยายออกไปครอบคลุมทุกทิศทั่วไทยแล้ว เสียงตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวนวัตกรรมบริการใหม่ "V-Inspection" เป็นบริการที่นำ AI เข้ามาช่วยในการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนการรับประกันภัย ให้ผู้เอาประกันภัยสามารถตรวจสภาพรถยนต์ได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาผ่านมือถือ
ส่วนของผลิตภัณฑ์ประกันภัย บริษัทฯ ได้ใช้ Big Data พัฒนาผลิตภัณฑ์ตาม Personalization and Customer Insights หรือการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคน พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อาทิ V-Motor ขับเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น, Type 1 Good Dive ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก 2+Good Dive, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive, ผลิตภัณฑ์ประกันภัยความรับผิด Carrier, ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองแนวคิด ESG Responsibilities โดยการนำแนวคิด Green Insurance มาพัฒนาร่วมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่, Viriyah Pivileges เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี ด้วยการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ตลอดระยะเวลาการเป็นสมาชิก
"เรามุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าให้แก่ลูกค้า จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีผลิตภัณฑ์ประกันภัยออกสู่ตลาดมากกว่า 60 ผลิตภัณฑ์ โดยมีการนำข้อมูล Big Data อันมาจากการได้ดูแลบริหารจัดการความเสี่ยงให้แก่ลูกค้ากว่า 8 ล้านกรมธรรม์ จึงนำมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ลงลึกถึงความต้องการและความเสี่ยง ทำให้สามารถนำมาประเมินผลเพื่อกำหนดความคุ้มครองให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า รวมถึงกำหนดเบี้ยประกันภัยอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มคำ และพึงพอใจอย่างสูงสุด อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งสร้างประสบการณ์อันคุ้มค่าผ่านตัวแทนนายหน้าประกันวินาศภัยที่มีอยู่เกือบ 6,000 คนทั่วประเทศ ที่พร้อมเข้าไปดูแลลูกค้าในพื้นที่ละแวกใกล้กับสำนักงานตัวแทน และที่สำคัญ สำนักงานมาตรฐานตัวแทนของ วิริยะประกันภัยฯ ยังถูกยกระดับการบริการให้สามารถดำเนินการออกกรมธรรม์ให้แก่ลูกค้าได้โดยตรงเทียบเท่ากับสาขาของ วิริยะประกันภัยฯ"
ทั้งนี้ วิริยะประกันภัยฯ ยังได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด "มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า" พร้อมสื่อสารไปยังสาธารณชนผ่านหนังโฆษณา และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าของ วิริยะประกันภัยฯ อีกด้วย
สยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดผยว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการพัฒนางานบริการด้านสินไหมทดแทน และงานรับประกันภัยที่สำคัญในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านระบบงาน เรามีการพัฒนา ทบทวน ปรับปรุง Redesign ระบบงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสินไหมทดแทน และรับประกันภัย ให้กระชับ สะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดทอนงานเอกสาร ระยะเวลา และความซ้ำช้อนในขั้นตอนการทำงานต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็วมากขึ้น ด้านบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด บริษัทฯ จึงมีนโยบายมุ่งเนันที่จะพัฒนาศักยภาพในระดับที่เข้มข้น ทั้งการจัดฝึกอบรม พัฒนาทักษะ เติมเต็มองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และการให้บริการลูกค้า เพื่อให้บุคลากรของเรามีความเชี่ยวซาญ และมีความเป็นมืออาชีพอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าที่ต้องให้บริการลูกค้าโดยตรง และส่วนหลังที่สนับสนุนการปฏิบัติการ หรือดำเนินงานต่างๆ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้จัดอบรมความรู้หลักสูตรเกี่ยวกับยานยนต์ใฟฟ้า (EV) ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่สรุปความเสียหาย รวมไปถึงบริษัทคู่ค้า ตัวแทนประกันวินาศภัย และศูนย์ซ่อมมาตรฐานของ วิริยะประกันภัยฯ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ
ในด้านการบริหารจัดการข้อมูล ด้วยบริษัทฯ มีข้อมูลในการรับประกันภัย และข้อมูลด้านสินไหมทดแทนเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า เราจึงได้ทบทวน ออกแบบปรับปรุงโครงสร้าง และพัฒนาเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลผ่านกระบวนการ Data Analytics อันนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และการบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าโดยตรง ทั้งงานรับประกันภัย งานต่ออายุกรมธรรม์ และงานสินไหมทดแทน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาในส่วนของระบบงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมโยงงานรับประกันภัย และงานบริการด้านสินไหมทดแทนเข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าแบบไร้รอยต่ออีกด้วย
"นับเป็นความท้ทายอย่างมากสำหรับธุรกิจประกันภัย และวิริยะประกันภัยฯ ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการลูกค้า ซึ่งต้องผสมผสานการทำงานร่วมกันกับคน เนื่องจาก Human Touch เป็นเรื่องสำคัญ และเปราะบางมากสำหรับธุรกิจประกันภัย ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำเพียงใด การนำมาใช้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม และความพอดี สำหรับงานบริการประกันภัยส่วนหน้าที่ต้องเกี่ยวข้องกับการดูแลลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์คับขัน เช่น กรณีเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เจ็บไข้ได้ป่วย สิ่งที่ลูกค้าคาดหวัง คือ ได้รับการดูแลที่ดีจากพนักงาน วิริยะประกันภัยฯ ในเรื่องนี้บริษัทฯ ก็ต้องบริหารจัดการด้วยความระมัดระวัง นับตั้งแต่ขั้นตอนการรับแจ้งเคลมจากลูกค้าผ่าน Contact Center หรือ Appilication การให้บริการลูกค้า ณ จุดเกิดเหตุ และการดูแลลูกค้า ณ จุดบริการต่างๆ (Touch Poin!) สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างชื่อเสียง และการยอมรับด้านการบริการให้ วิริยะประกันภัยฯ มาโดยตลอด"
"บริษัทฯ ยังมองถึงโอกาส และความท้าทายใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และในอนาคต ทั้งในเรื่องของทเรนด์การดูแลสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น เป็นโอกาสสำหรับบริษัทฯ ในการขยายผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อตอบทุกโจทย์ของการใช้ชีวิตสมัยใหม่ เช่น ประกันคุ้มครองเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า ประกันรถยนต์ตามระยะทางที่ขับจริง ประกันไซเบอร์ ฯลฯ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้า และลูกค้าได้มากขึ้น ความท้าทายในเรื่องของ Caim Inflation การบริหารจัดการต้นทุนสินไหมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเรื่องของ Cost Technology ในการดูแลความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยี ตลอดจนการบริหารจัดการความคาดหวังของลูกค้า ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยความท้าทายสำคัญที่บริษัทฯ ต้องบริหารจัดการอย่างพิถีพิถันด้วยเช่นกัน"
ฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป้าหมายปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นดูแล และพัฒนาการให้บริการลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีเหนือความคาดหวังของลูกค้าทุกท่าน ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงที่เป็นธรรม ทั้งยังสอดรับปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มั่นคง โปร่งใส จริงใจ และเป็นธรรม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการวางแผนขยายประกันภัย Non-Motor ให้เติบโตเพิ่มขึ้น 11 %โดยจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันความเสี่ยงภัยรายย่อยด้านส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยบ้าน และประกันภัยความรับผิด
"สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของประกันสุขภาพส่วนบุคคล เป็นไปในทิศทางเชิงบวก 11.48 % สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดที่คนไทยตระหนักถึงประโยชน์ของประกันสุขภาพมากขึ้น และในส่วนของการเติบโตภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาปรับปรุงแผนประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ V Travel Comprehensive เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในขณะเดินทาง และในส่วนของภาคอุตสาหกรรมลอจิสติคส์ที่ยังคงเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโต และแนวโน้มที่สดใส ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ประกันภัยความรับผิดของผู้ขนส่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ มี Network ที่ครอบคลุม และความพร้อมด้านบริการ"
ฐวิกาญจน์ฯ กล่าวต่อไปถึงแนวทางการดำเนินงานในปี 2567 ว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพส่วนบุคคล ประกันสุขภาพเฉพาะโรค และประกันภัยโรคร้ายแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความคุ้มครอง และบริการที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกค้า (Good Health and Wellbeing) นอกจากนี้ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทาง เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดไปจนถึงการพัฒนาประกันภัย Carrier Liability Insurance, Cyber Security Insurance และ Professional Liability Insurance ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละประเภทธุรกิจ
"บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองแนวคิด ESG Responsibilities ออกมาในรูปแบบ Green Insurance ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ช่วยส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงนำแนวคิด Green Insurance มาพัฒนาร่วมกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีอยู่ อาทิ ให้ความคุ้มครองการทดแทนสิ่งปลูกสร้าง หรืออาคารที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยวัสดุในการปลูกสร้างที่เป็น Eco-Friendly ในการประกันอัคคีภัย นอกจากนี้ จะสร้างแรงจูงใจด้วยการให้ส่วนลดเบี้ยประกันพิเศษ เพื่อสนับสนุนให้ใช้วัสดุในการปลูกสร้างที่เป็น Eco-Friendly มากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่เชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยลดปัญหาของสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้"
ในส่วนของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบงาน Non-Motor บริษัทฯ มี Roadmap ในการพัฒนาระบบ New Core System โดยมีการเริ่มใช้งานระบบ New Core Phase 1 ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทาง เมื่อช่วงธันวาคม 2566 และเฟสต่อไปในปี 2567 จะเป็นในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการบริการประกันภัย และสินไหม รองรับการเติบโตของบริษัทฯ
"นอกเหนือจากความคุ้มครองที่ วิริยะประกันภัยฯ ดูแลลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง วิริยะประกันภัยฯ ได้ยกระดับการดูแลลูกค้าดั่งแคมเปญบริษัทฯ ในปี 2567 ที่ว่า "มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า" ผ่านโครงการ Viriyah Privileges ด้วยการมอบหลากหลายสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีตลอดระยะเวลาที่เป็นสมาชิกของ วิริยะประกันภัยฯ ตามเงื่อนไขของโครงการ โดยร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ดังมากมาย และโรงพยาบาลชั้นนำ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันภัย ในการส่งมอบบริการ และประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ"