ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
ตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกลดลง 24.6 %
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม ปี 2567 มีปริมาณการขาย 56,099 คัน ลดลง 29.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายที่ลดลง เป็นผลมาจากการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของภาคเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้กำลังซื้อยังคงจำกัด และควบคู่ไปกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 25.1 % และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลงที่ 32.6 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน HEV มียอดขาย 12,689 คัน เพิ่มขึ้น 68.9 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ดันตลาด xEV เดือนมีนาคมเติบโตขึ้น 19.5 % ในส่วนของ BEV ยอดขายเดือนมีนาคมอยู่ที่ 5,167 คัน เติบโตลดลง 25.6 % และ PHEV ยอดขาย 897 คัน เติบโตลดลง 27.1 %
ตลาดรถยนต์เดือนเมษายนมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เนื่องจากกระแสการท่องเที่ยวในประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น จากช่วงเทศกาลสงกรานต์ สามารถเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ และถือเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และรวมถึงการเริ่มส่งมอบรถยนต์ใหม่ที่จองในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เป็นปัจจัยบวก และเริ่มส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมีนาคม 2567
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 56,099 คัน ลดลง 29.8 %
อันดับที่ 1 Toyota 21,582 คัน ลดลง 16.1 % ส่วนแบ่งตลาด 38.5 %
อันดับที่ 2 Isuzu 8,861 คัน ลดลง 48.3 % ส่วนแบ่งตลาด 15.8 %
อันดับที่ 3 Honda 8,219 คัน ลดลง 19.3 % ส่วนแบ่งตลาด 14.7 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 22,342 คัน ลดลง 25.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,606 คัน ลดลง 33.6 % ส่วนแบ่งตลาด 29.6 %
อันดับที่ 2 Honda 4,869 คัน ลดลง 31 % ส่วนแบ่งตลาด 21.8 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 2,039 คัน เพิ่มขึ้น 14 % ส่วนแบ่งตลาด 9.1 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 33,757 คัน ลดลง 32.6 %
อันดับที่ 1 Toyota 14,976 คัน ลดลง 5 % ส่วนแบ่งตลาด 44.4 %
อันดับที่ 2 Isuzu 8,861 คัน ลดลง 48.3 % ส่วนแบ่งตลาด 26.2 %
อันดับที่ 3 Honda 3,350 คัน เพิ่มขึ้น 7 % ส่วนแบ่งตลาด 9.9 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 19,648 คัน ลดลง 45.5 %
อันดับที่ 1 Toyota 8,629 คัน ลดลง 34.1 % ส่วนแบ่งตลาด 43.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 7,865 คัน ลดลง 50.4 % ส่วนแบ่งตลาด 40 %
อันดับที่ 3 Ford 1,744 คัน ลดลง 57.2 % ส่วนแบ่งตลาด 8.9 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 3,436 คัน
Toyota 1,262 คัน - Isuzu 1,160 คัน - Ford 682 คัน - Mitsubishi 298 คัน - Nissan 34 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 16,212 คัน ลดลง 45.3 %
อันดับที่ 1 Toyota 7,367 คัน ลดลง 31.5 % ส่วนแบ่งตลาด 45.4 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,705 คัน ลดลง 50.4 % ส่วนแบ่งตลาด 41.4 %
อันดับที่ 3 Ford 1,062 คัน ลดลง 63.3 % ส่วนแบ่งตลาด 6.6 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์เดือนมกราคม-มีนาคม 2567
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย163,756 คัน ลดลง 24.6 %
อันดับที่ 1 Toyota 58,810 คัน ลดลง 21.7 % ส่วนแบ่งตลาด 35.9 %
อันดับที่ 2 Honda 25,104 คัน ลดลง 3.3 % ส่วนแบ่งตลาด 15.3 %
อันดับที่ 3 Isuzu 24,444 คัน ลดลง 48.2 % ส่วนแบ่งตลาด 14.9 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 65,615 คัน ลดลง 15.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 16,631 คัน ลดลง 40.8 % ส่วนแบ่งตลาด 25.3 %
อันดับที่ 2 Honda 14,198 คัน ลดลง 20.2 % ส่วนแบ่งตลาด 21.6 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 4,954 คัน ลดลง 5.1 % ส่วนแบ่งตลาด 7.6 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 98,141 คัน ลดลง 29.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 42,179 คัน ลดลง 10.3 % ส่วนแบ่งตลาด 43.0 %
อันดับที่ 2 Isuzu 24,444 คัน ลดลง 48.2 % ส่วนแบ่งตลาด 24.9 %
อันดับที่ 3 Honda 10,906 คัน เพิ่มขึ้น 33.4 % ส่วนแบ่งตลาด 11.1 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 56,425 คัน ลดลง 44.4 %
อันดับที่ 1 Toyota 25,248 คัน ลดลง 35.7 % ส่วนแบ่งตลาด 44.7 %
อันดับที่ 2 Isuzu 21,481 คัน ลดลง 50.6 % ส่วนแบ่งตลาด 38.1 %
อันดับที่ 3 Ford 5,931 คัน ลดลง 46.3 % ส่วนแบ่งตลาด 10.5 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 9,814 คัน
Toyota 3,648 คัน - Isuzu 3,168 คัน - Ford 2,139 คัน - Mitsubishi 732 คัน - Nissan 127 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 46,611 คัน ลดลง 44.0 %
อันดับที่ 1 Toyota 21,600 คัน ลดลง 33.6 % ส่วนแบ่งตลาด 46.3 %
อันดับที่ 2 Isuzu 18,313 คัน ลดลง 50.9 % ส่วนแบ่งตลาด 39.3 %
อันดับที่ 3 Ford 3,792 คัน ลดลง 49.3 % ส่วนแบ่งตลาด 8.1 %
Neta ลงนามร่วมรับสิทธิมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่สอง EV3.5
บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด โดย ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป พร้อมด้วย ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงรับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่สอง หรือ EV3.5 ระหว่าง Neta กับกรมสรรพสามิต โดยมีคณะผู้บริหารของบริษัทฯ และตัวแทนของกรมสรรพสามิตร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องราชวัตร กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า มาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลไทยเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนภาคการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยมีกรมสรรพสามิตเป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และเต็มที่
“การเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่สอง หรือ EV3.5 ในครั้งนี้ จะทำให้ Neta สามารถนำเสนอยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาพร้อมนวัตกรรมสู่ตลาดเมืองไทยได้หลากหลายรุ่นมากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มจากการแนะนำ Neta X รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % สไตล์ Compact SUV โดดเด่นด้วยดีไซจ์น มาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ความบันเทิงของคนรุ่นใหม่ และฟังค์ชันการใช้งานด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ ซึ่งมีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการสู่ตลาดประเทศไทยด้วยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ในเดือนมิถุนายนนี้ และมีแผนแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รองรับกับความต้องการของลูกค้าคนไทย ในขณะที่ Neta V-II ซึ่งผลิตจากโรงงานในประเทศไทย ภายใต้มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าระยะที่หนึ่ง หรือ EV 3.0 จะทยอยส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป”
Volvo เปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจรแห่งใหม่
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ ประกาศเปิดให้บริการศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR) แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ที่โชว์รูม และศูนย์บริการ Volvo พระนคร สาขาวิภาวดี โดยบริษัท พระนคร สวีดิช คาร์ จำกัด เพื่ออำนวยความสะดวก และยกระดับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแก่ลูกค้า Volvo
ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo พระนคร สาขาวิภาวดี มีพื้นที่ให้บริการกว่า 1,300 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบ และติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ เทคโนโลยี Dent Jet System จาก PIVAB ตามมาตรฐานสวีเดน ซึ่งเป็นการใช้หัวเป่าลมพลังเจทรอบตัวถัง จึงช่วยลดเวลาในการอบสีได้ถึง 35 %, ติดตั้งตัวกรองอากาศในห้องพ่นสีเพื่อกำจัดฝุ่นสี เพื่อความเรียบเนียนของสีบนตัวถัง, เทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายรถด้วยระบบรางพร้อมการวางแผนขั้นตอนปฏิบัติงานเพื่อบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงช่วยลดเวลาในขั้นตอนการซ่อม และทำสี ส่งผลให้ลูกค้าที่มารับบริการได้รับรถเร็วขึ้น อีกทั้งลูกค้ายังมั่นใจได้ถึงคุณภาพของรถที่ได้รับว่าเป็นมาตรฐานเดียวกับรถที่ออกจากโรงงาน
ศูนย์บริการงานตัวถัง และสีที่ได้รับการรองรับ และการันตีคุณภาพตามมาตรฐาน Volvo Car แห่งนี้ ยังดำเนินการโดยคำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมทั้งเพื่อส่วนรวม และชุมชนโดยรอบ และเพื่อสุขภาพของตัวผู้ปฏิบัติงาน อาทิ การใช้เทคโนโลยีสีสูตรน้ำ (Water based paint) เพื่อลดปริมาณสารพิษ, การติดตั้งแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น ภายในห้องพ่นสี เพื่อกรอง และดักอนุภาคขนาดเล็กของฝุ่น และกลิ่นของสี ไม่ให้ปนเปื้อนกับอากาศภายนอก และยังสามารถนำอากาศที่ผ่านการกรองแล้วกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า, ลดการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซค์ (CO2) ออกสู่ชั้นบรรยากาศด้วยการยกเลิกการใช้เครื่องยนต์ภายในพื้นที่ปฏิบัติงาน
ศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo พระนคร สาขาวิภาวดี เปิดให้บริการแล้ววันนี้ โดยนอกเหนือจากบริการด้านตัวถัง และสี ลูกค้า Volvo ทั่วประเทศยังสามารถเข้ารับบริการอื่นๆ อาทิ บริการด้านการขายเพื่อนัดหมายทดลองขับ หรือสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์, งานบำรุงรักษาทั่วไปหลังการขาย, บริการสถานีชาร์จพลังงานโซลาร์เซลล์ และสถานีชาร์จแบบ DC Charging Station
Omoda & Jaecoo ได้รับอนุมัติจาก บีโอไอ
บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Omoda & Jaecoo (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ที่มียอดการส่งออกอันดับ 1 ในประเทศจีน นำโดย ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด และพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขายและการตลาด ได้เข้าพบ นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) หรือบีโอไอ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับบีโอไอถึงความคืบหน้าแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2568 โดย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ ตั้งเป้าหมายมุ่งยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการลงทุนจัดตั้งโรงงานฯ กล่าวนี้ ในเฟสแรกจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบแบทเตอรี (BEV) และไฮบริด (HEV) ได้ประมาณ 50,000 คัน/ปี และในเฟสที่ 2 ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตประมาณ 80,000 คัน/ปี เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง โดยโครงการดังกล่าวนี้ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า
พิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ ได้รับการอนุมัติการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ในวันที่ 2 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ด้วยประเทศไทยถือเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ จึงมองเห็นแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรม และการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ Chery International โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์ให้เข้ากับผู้ขับขี่ชาวไทย และสอดคล้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ ได้ประกาศแผนเตรียมจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100 % Omoda C5 EV ในช่วงไตรมาส 2 และ Jaecoo 6 รถยนต์ไฟฟ้า 100 % พรีเมียม ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ของปีนี้ตามลำดับ พร้อมเตรียมเปิดตัวรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริดอีก 2 รุ่นจากแบรนด์ Jaecoo ในปีนี้ ได้แก่ Jaecoo 7 PHEV และ Jaecoo 8 PHEV เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยให้มีตัวเลือกในการขับขี่ที่หลากหลาย
นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)ฯ ยังเตรียมเปิดศูนย์บริการ 39 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ให้ความเชื่อมั่นพร้อมสนับสนุน และช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าทุกคน
Mitsubishi แต่งตั้งผู้บริหาร เสริมทัพสร้างการเติบโต
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง สาโรจน์ มะอาจเลิศ ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย และบริการหลังการขาย ดูแลรับผิดชอบด้านการขาย และบริการหลังการขาย รวมถึงสายงานการตลาด สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้า และนวัตกรรมการบริการ พร้อมเสริมทัพด้วย 2 ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นที่จะร่วมสนับสนุนการทำงาน ได้แก่ ทะอิจิ นาคาจิมะ ในตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและการตลาด และริสึโคะ คาเนะโคะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารประสบ การณ์ลูกค้า และนวัตกรรมการบริการ โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567
สาโรจน์ มะอาจเลิศ ได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนาน จนเป็นที่ยอมรับในความมุ่งมั่นทุ่มเท ความเฉียบคมทางธุรกิจ รวมถึงทักษะความเป็นผู้นำที่ดี โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัด การใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย นับตั้งแต่ปี 2564 และในปัจ จุบัน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขาย และบริการหลังการขาย เพื่อดูแลรับผิดชอบในการยกระดับ และสร้างความแข็งแกร่งด้านการขาย และบริการหลังการขาย รวมถึงสายงานการตลาด สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้า และนวัตกรรมการบริการ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ทะอิจิ นาคาจิมะ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย และการตลาด เพื่อดูแลรับผิดชอบในด้านการปฏิบัติการขาย ฝ่ายบริหารการขาย ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ และฝ่ายการศึกษา และฝึกอบรม ซึ่งครอบคลุมสถาบันการศึกษา และฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ฯ และศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียน โดย นาคาจิมะ ได้เริ่มต้นทำงานกับ Mitsubishi Motors Corporation ในปี 2541 ทางด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ในภูมิภาคยุโรป ก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบในหลากหลายตลาดต่างประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนากลยุทธ์การขาย และการดำเนินการด้านการตลาด
ด้วยความเชี่ยวชาญในงานบริหารประสบการณ์ลูกค้า และนวัตกรรมการบริการ ริสึโคะ คาเนะโคะ เริ่มต้นทำงานกับ Mitsubishi Motors Corporation ตั้งแต่ปี 2540 และได้สั่งสมประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญทางด้านการปรับปรุงพัฒนาการขายในประเทศญี่ปุ่น งานวางแผนการตลาดระหว่างประเทศ และงานบริหารการสื่อสารกับลูก ค้า โดยในปัจจุบันได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารประสบ การณ์ลูกค้า และนวัตกรรมการบริการ เพื่อดูแลรับผิดชอบฝ่ายสื่อสารการตลาด ฝ่ายกลยุทธ์ดิจิทอล ฝ่ายบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายอะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่ง และฝ่ายบริการข้อมูลเทคนิค
Mitsubishi Motors Corporation ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ การเสริมทัพผู้บริหารในครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทฯ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทย รวมถึงระดับภูมิภาค และระดับโลก ทั้งนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหัวใจสำคัญด้านยุทธศาสตร์ทั้งในเชิงธุรกิจ และศูนย์กลางการผลิตของ Mitsubishi Motors Corporation ที่ผ่านมาจึงได้มีการขับเคลื่อนแผนการเติบโตผ่านการลงทุนสำคัญๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับ All-New Mitsubishi Triton ที่ประกอบด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว และการผลิตเครื่องยนต์ใหม่ “Hyper Power” ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อรถ All-New Mitsubishi Triton ในปี 2566 และการลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ที่แหลมฉบัง ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปี 2565
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนการลงทุน ด้วยงบกว่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสายการผลิตที่โรงงานประกอบรถ ยนต์ ณ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า XEV โดยเริ่มจาก Xpander HEV และ Xpander Cross HEV ไปพร้อมกับอีโคคาร์ที่ผลิตอยู่เดิม
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า และเติมเต็มความสนุกเร้าใจในการขับขี่ เพื่อปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ภายใต้ดีเอนเอของ Mitsubishi Motors (Mitsubishi Motors-ness) ด้วยปณิธานที่จะสร้างความเติบโต และพัฒนาไปพร้อมกับสังคมไทย และลูกค้าคนพิเศษ
BMW แต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจคนใหม่
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง ธอมัส กอเรียน (Thomas Gorian) เป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ เข้ารับตำแหน่งต่อจาก กัลเดอริค ดอนเนอซาน ซึ่งย้ายกลับไปรับตำแหน่งที่ BMW Group ณ กรุงมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
กอเรียน ร่วมงานกับ BMW Group มานานกว่า 12 ปี โดยก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคของ BMW Group โดยดูแลประเทศอินเดีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ยังมีประสบการณ์ในด้านการขาย และการตลาดจากตำแหน่งก่อนหน้าในฐานะผู้ชำนาญการด้านการวางแผนผลิตภัณฑ์ และราคา ณ BMW Group ตะวันออกกลาง ไม่ว่าจะเป็น การวางกลยุทธ์ด้านราคา การวางแผนการขาย และการวางแผนผลิตภัณฑ์ หลังจากนั้นจึงได้ย้ายไปรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการบริหารคุณภาพ และพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคตะวันออกกลาง สำหรับตำแหน่งใหม่ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจสำหรับตลาดประเทศไทยนี้ กอเรียน จะรับผิดชอบการบริหาร และพัฒนาภาพรวมของการขายของ BMW ในประเทศไทย รวมถึงการวางกลยุทธ์ และการบริหารจัดการเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านการขายสำหรับรถยนต์ BMW ทั้งรุ่นนำเข้า และรุ่นประกอบในประเทศไทย
อเลกซันเดร์ บาราคา ประธาน และซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า เรายินดีที่ได้ต้อนรับ ธอมัส กอเรียน ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่าทศวรรษของการทำงานกับ BMW Group ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของ กอเรียน จะช่วยสร้างความสำเร็จของเราในตลาดยนตรกรรมพรีเมียมให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เรามั่นใจว่า กอเรียน จะมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการบริหาร และวางกลยุทธ์ขององค์กรให้ไปถึงความสำเร็จตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมผลักดันให้เกิดการเติบโต และการพัฒนาของ BMW ในประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง
“ในโอกาสนี้ เราขอแสดงความชื่นชม กัลเดอริค ดอนเนอซาน ในความทุ่มเทที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อองค์กรของเรา ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ความเสียสละ และความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมของ ดอนเนอซาน มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จอย่างมากของ BMW นำไปสู่การได้รับยอดจดทะเบียนสูงสุด และการเป็นผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมในประเทศไทยเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน เราภูมิใจที่ ดอนเนอซาน เป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญของเรา และร่วมขับเคลื่อนการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร และเสริมสร้างความภักดีในแบรนด์ให้แก่ลูกค้าของเรา ขอขอบคุณ ดอนเนอซาน และขอให้ประสบความสำเร็จกับเส้นทางต่อไปใน BMW Group ในมิวนิค”
Lexus แนะนำ The New Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024
Lexus ประเทศไทย แนะนำ Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 พร้อมกับการแนะนำเกรด Overtrail เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษ ที่จะช่วยเติมเต็มทุกการเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะเป็นในเมือง หรือเส้นทางใหม่ๆ ที่ใกล้ชิดธรรมชาติ
Lexus นำเสนอ Lexus NX รุ่นปรับปรุงใหม่ พร้อมแนะนำเกรด Overtrail ด้วยการออกแบบให้มีภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม สะท้อนถึงแนวคิดของความยั่งยืน และความกลมกลืนกับธรรมชาติ เป็นสะพานเชื่อมต่อความหรูหรา สะดวกสบาย และซึมซับเสน่ห์ของธรรมชาติ ภายนอกโดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยสีดำที่กระจกมองข้าง มือจับประตู ราวหลังคา คิ้วล้อ และกระจังหน้าแบบ Spindle Grille ดูแข็งแกร่งดุดัน มาพร้อมสีภายนอกพิเศษ Moon Desert และล้ออัลลอยสีดำด้านขนาด 18 นิ้ว ดีไซจ์นใหม่ พร้อมยางพิเศษสำหรับทุกสภาพถนน ที่มีเฉพาะในเกรด Overtrail เท่านั้น
ห้องโดยสารภายในเกรด Overtrail เป็นเอกลักษณ์ด้วยเบาะนั่งโทนสีพิเศษสีกากี และสีดำ พร้อมด้วยลายไม้แบบ Geo Layer ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของชั้นหินธรรมชาติ ถูกออกแบบเฉพาะในเกรด Overtrial เท่านั้น
ด้านสมรรถนะการขับขี่ Lexus NX Overtrail รุ่นปรับปรุงใหม่นี้ ได้มีการเพิ่มระดับความสูงของช่วงล่างให้สูงขึ้น 15 มม. ส่งผลให้ระยะห่างจากพื้นรถเพิ่มขึ้น ช่วยให้วิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่ดีขึ้น มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ NX Overtrail สามารถวิ่งบนถนนที่ขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ Lexus NX Overtrail จะมีให้ลูกค้าได้เลือกเป็นเจ้าของได้ในรุ่น NX 450+ เท่านั้น
The New Lexus NX…Reimagine รุ่นปรับปรุงใหม่
Lexus NX ถือเป็นรถครอสส์โอเวอร์รุ่นขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งจาก Lexus ประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวใน
เจเนอเรชันแรกเมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยดีไซจ์นภายนอกที่ดูสปอร์ท โฉบเฉี่ยว และทันสมัย ด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ดีไซจ์นใหม่ ไฟท้ายรูปทรงตัว L สอดรับกับโลโกแบบใหม่ของ Lexus มาพร้อมกับสีภายนอกให้เลือกถึง 12 สี โดยมีสีใหม่ คือ Sonic Copper นอกจากนี้ ภายในของ Lexus NX ได้ถูกออกแบบมาให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอขนาดใหญ่ 9.8 นิ้ว ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) ทำให้ตัวรถมีขนาดที่ใหญ่ และกว้างขึ้น ส่งผลให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ ทำให้ NX มีเสถียรภาพในการขับขี่ดีขึ้นในทุกมิติ ตอกย้ำปรัชญา “Lexus Driving Signature” ได้เป็นอย่างดี โดย Lexus NX มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ไฮบริด และพลัก-อิน ไฮบริด เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน
Lexus NX 350h มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด HEV 4 สูบแถวเรียง 2.5 ลิตร ที่ผสานพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง และแบทเตอรีลิเธียม-ไออนเข้าด้วยกัน ให้อัตราเร่งที่ดี ขับสนุกเร้าใจ และประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม
Lexus NX 450h+ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ผสานการทำงานกับแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ทำให้ได้พละกำลังที่สูงถึง 304 แรงม้า และสามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 87 กม. ด้วยการชาร์จไฟ จาก 0-100 % ภายในเวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น Lexus NX 450h+ คันนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น Smarter EV ตัวจริง ซึ่งแทบจะไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการเดินทางในเมือง แต่หากต้องเดินทางระยะไกล ก็สามารถเดินทางแบบไร้กังวล เนื่องจากมีระบบเครื่องยนต์ไฮบริด ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ หรือหาสถานีชาร์จระหว่างทาง
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus NX มาพร้อมกับ Lexus Safety System Plus ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระบบกลอนประตูอีเลคทรอนิคส์ E-LATCH โดยระบบจะช่วยให้ประตูรถทำงานได้อย่างนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ระบบการเปิด-ปิดประตูแบบ Safe Exit Assist เพิ่มความปลอดภัยขณะลงจากรถ ช่วยให้ไม่ต้องออกแรงดึง หรือผลักเพื่อเปิดประตู ทำให้ Lexus NX เป็นเอสยูวีที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี
The All New Lexus NX มีให้เลือกเป็นเจ้าของได้ทั้งหมด 12 สี ได้แก่ White Nova Glass Flake*, Sonic Quartz, Sonic Titanium, Sonic Chrome, Black, Graphite Black Glass Flake, Madder Red, Sonic Copper (ใหม่), Moon Desert* (ใหม่), Terrane Khaki Mica Metallic, Heat Blue Contrast Layering, Celestial Blue Glass Flake,* สำหรับเกรด Luxury, Grand Luxury และ Premium เท่านั้น
** สำหรับเกรด F Sport เท่านั้น
*** สำหรับเกรด Overtrail เท่านั้น
สำหรับเกรด Overtrail สามารถเลือกสีได้ทั้งหมด 7 สีดังนี้ Sonic Quartz, Sonic Titanium, Sonic Chrome, Graphite Black Glass Flake, Sonic Copper, Moon Desert และ Terrane Khaki Mica Metallic
เป็นเจ้าของ The All New Lexus NX ได้แล้ววันนี้ พร้อมแคมเปญพิเศษสุด เมื่อจอง Lexus NX 350h รับดอกเบี้ย 0.99 % ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ Lexus Exclusive Package (LXP) ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
NX 350h
รุ่น Luxury 3,310,000 บาท
รุ่น Grand Luxury 3,460,000 บาท
NX 450h+
รุ่น Grand Luxury AWD 3,660,000 บาท
รุ่น Premium AWD 3,940,000 บาท
รุ่น Overtrail AWD 4,180,000 บาท
รุ่น F Sport AWD 4,390,000 บาท
สัมผัสประสบการณ์ในการครอบครองยนตรกรรม Lexus รูปแบบใหม่กับบริการ Kinto One และ Kinto Experience “The First Step to Experience Amazing”
บริการ “Lexus Kinto One” ทางเลือกใหม่ของการใช้รถจาก “โตโยต้า ลีสซิ่ง” เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าคนรุ่นใหม่ สำหรับลูกค้าบุคคลซึ่งมีทั้งแบบสัญญา 3-5 ปี ที่ทำให้การใช้รถเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบาย คุ้มค่า ไร้กังวล มอบความสะดวกสบายด้วยค่าบริการครอบคลุมค่าใช้จ่าย ทั้งในการบำรุงรักษา ประกันภัยชั้น 1 มีรถทดแทนระหว่างซ่อม มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง และหมดกังวลเรื่องราคาขายต่อเพียงคืนรถเมื่อครบสัญญา
สำหรับท่านที่สนใจบริการ Kinto One ของ Lexus NX สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่าย Lexus อย่างเป็นทางการ และ www.kinto-th.com
เพิ่มความมั่นใจสูงสุดกับ “Lexus Exclusive Package Standard” โปรแกรมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ Lexus เป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงบริการเลขาส่วนตัว ฟรีค่าแรง และอะไหล่ในการบำรุงรักษาตลอด 5 ปี
Lexus Exclusive Package ได้ออกแบบประเภทโปรแกรมที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ และช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว
Standard ครอบคลุมค่าแรงตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กม.
Plus ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กม. (ยกเว้นอะไหล่เสื่อมสภาพ)
Premium ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กม. รวมอะไหล่เสื่อมสภาพ
เอกสิทธิ์เฉพาะเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เหนือกว่า สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ Lexus ทุกรุ่น จากผู้แทนจำหน่าย Lexus อย่างเป็นทางการ
• รับสิทธิ์เป็นสมาชิกแอพพลิเคชัน Lexus Elite Club เพื่ออำนวยความสะดวกตลอดการใช้รถ Lexus เช่น การแจ้งเตือน และนัดหมายนำรถเข้าศูนย์บริการ ทั้งร่วมรับสิทธิพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย
• สะดวก ครอบคลุมทุกพื้นที่ กับ Lexus Service Corner ในศูนย์บริการ Toyota ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐาน Lexus ทั้ง 15 แห่ง ใน 8 จังหวัด สำหรับพื้นที่นอกเหนือจากการบริการของ Lexus Service Corner เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เรามีบริการ Lexus Home Visit Mobility Unit ที่จะส่งช่างที่มีความรู้ และความชำนาญไปดูแลลูกค้าถึงที่ครอบคลุมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แทนจำหน่าย Lexus อย่างเป็นทางการ
“IMC” สื่อสากล เซ็นสัญญาร่วมธุรกิจแอกซ่าประกันภัยฯ
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด และประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” เปิดเผยว่า คณะผู้จัดงานฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41“ โดยความร่วมมือกันครั้งนี้ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ร่วมอุปถัมภ์การจัดงานอย่างเป็นทางการ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
“ความร่วมมือกันในครั้งนี้จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับการจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41” โดย แอกซ่าประกันภัย จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในเรื่องของการประกันภัย ที่ถือว่ามีความชำนาญมาเป็นเวลานาน มีบริการที่ครอบคลุมในทุกด้าน”
นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังให้ความร่วมมือกันในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลลูกค้า การกระจายบัตรเข้าชมงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” โดยภายในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” แอกซ่าประกันภัย จะร่วมออกบูธแสดงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรวมถึงการจัดโปรโมชันร่วมกัน
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” ภายใต้แนวคิด “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต” (Innovative Spirit…Futuristic Vehicles)ที่พร้อมรอต้อนรับทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าร่วมงานได้อย่างครบครัน”
โคลด เซนย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41“ นับเป็นปีที่ 3 ของแอกซ่าในฐานะผู้ร่วมอุปถัมภ์ด้านประกันภัยของการจัดงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพความพร้อมของบริษัทฯ ในการเป็นส่วนหนึ่งของงานมหกรรมยานยนต์ระดับประเทศ รวมถึงเพื่อบรรลุตามเป้าหมายของกลุ่มแอกซ่า และพันธมิตรที่จะช่วยขับเคลื่อนยานยนต์รุ่นใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และผู้คนอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลาย พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์อย่างครอบคลุม อาทิ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันภัยการเดินทาง ฯลฯ ให้กับผู้เข้าร่วมชมงาน และลูกค้าที่สนใจซื้อรถยนต์ภายในงานในปีนี้
งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” จะจัดขึ้น ณ อาคารชาลเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 พร้อมติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”