บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-Asia ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ทำรายได้จากการขายและบริการ 5,304 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 % และ 628.4 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าตามลำดับ แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะผลตอบรับดี เร่งเครื่องขยายธุรกิจ รับดีมานด์พุ่ง เซ็นสัญญาตัวแทนจำหน่าย 12 ราย พร้อมเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการต้นแบบ Xpeng (เสี่ยวเผง) หัวหมาก รวมถึงศูนย์บริการ Zeekr (ซีเคอร์) ศรีนครินทร์ และวิภาวดี เดินหน้าขยายระบบนิเวศทางธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร จับมือพันธมิตรศึก ษาความเป็นไปได้ธุรกิจรีไซเคิลแบทเตอรี EV ขณะธุรกิจให้บริการด้านการเงินครบวงจร Alpha X-Wealth Lending เริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงาน และธุรกิจประกันภัย Howden Maxi หนุนธุรกิจเติบโต
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) เติบโตแข็ง แกร่ง บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 5,304 ล้านบาท เติบโตขึ้น 17 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 628.4 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้ และกำไรสุทธิที่เติบโต มาจากการรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถยนต์ที่จองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ 2024 นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และรับทเรนด์การเปลี่ยนแปลงสู่ยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเปิดตัวแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xpeng ซึ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียมไฮ-เทค และ Zeekr ยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี ซึ่งได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดการณ์จากการเปิดตัวในงานฯ ที่ผ่านมา และมีการจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ พร้อมส่งมอบรถยนต์ เริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2567
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีปัจจัยส่งเสริมการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ดังนี้
1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มียานยนต์รอส่งมอบ (Backlog) ทั้งสิ้น 1,235 คัน และเรือยอทช์ Azimut (อะซิมุท) รอส่งมอบ 1 ลำ และมีการขยายบริการเช่าเหมาลำ ภายใต้แบรนด์ Azimut และ Christ-Craft (คริสต์-คราฟท์) เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรอง รับการเติบโตในอนาคต โดยในช่วงไตรมาส 3/2567 เตรียมเปิดศูนย์ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xpeng สาขาหัวหมาก พร้อมลงนามแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย รวม 12 ราย และยังได้การตอบรับจากผู้สนใจมาสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่น G6 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ส่วนแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า Zeekr บริษัทฯ เริ่มส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าแล้ว และในช่วงไตรมาส 3/2567 เตรียมเปิดศูนย์ให้บริการครบวงจร สาขาศรีนครินทร์ และวิภาวดี
2) ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ (Aftersales and Car Maintenance Services) รายได้ของกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขา ยและซ่อมบำรุง ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่บริษัทฯ และมีศักยภาพเติบโตตามยอดจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ ยังได้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจ
3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ (Car Rental and Driver Services) บริษัทฯ ยังคงเเดินหน้าขยายธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ทั้งระยะสั้น และระยะยาวพร้อมพนัก งานขับรถ โดยมุ่งเน้น 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ และให้ความสำคัญกับลูกค้า, พัฒนานวัตกรรมผ่านแอพพลิเคชัน, ร่วมมือกับพันธมิตร, ขยายบริการรถยนต์ไฟฟ้าในหัวเมืองใหญ่, และเพิ่มรถยนต์พรีเมียม รวมถึงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า
4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) Alpha X ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง MGC-Asia และ SCBX เติบโตอย่างแข็งแกร่ง บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิก่อนตั้งสำรอง (Pre-Provision Operating) เป็นไตรมาสแรก จากการเพิ่มขึ้นของพอร์ทสินเชื่อย่างต่อเนื่อง และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ซึ่งเติบโตจากการขยายธุร กิจ Wealth Lending ให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง (High-Net-Worth) รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน และต้นทุนการดำเนินงานได้ดี ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรเติบโตดีต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ตอบรับกระแส ESG และเมกะทเรนด์ต่างๆ โดยมีรายได้สุทธิเติบโต 5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการประกันภัยทรัพย์สิน อัญมณี เครื่องประดับ งานศิลปะ และโครงการพิเศษ โดยมีรายได้เติบโตจากลูกค้ารายใหญ่ รายใหม่ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 59 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้ 3 % ซึ่งเกิดจากการควบคุมต้นทุนการบริหาร และค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายการเติบโตที่คาดหวังไว้ประ มาณ 7 % จากปีก่อน
"MGC-Asia มุ่งขยายระบบนิเวศทางธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (EV Ecosystem) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Primobius บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลแบทเตอรีจากเยอรมนี โดยทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งธุรกิจรีไซเคิลแบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญ ในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว"
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำความมุ่งมั่นของ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชียฯ ในการเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร แต่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และรับผิดชอบต่อสังคม โดยความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีขั้นสูงของ Primobius จะช่วยให้ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชียฯ นำแบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าที่หมดอายุการใช้งานกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง ช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่ และลดปริมาณขยะอีเลคทรอนิคส์ นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย ในการส่งเสริมการใช้รถ ยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเศรษฐกิจสีเขียว
MGC-Asia มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างครบวงจร สอดคล้องกับ Paris Agreement ที่เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสห ประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change-UNFCCC) ตั้งแต่การจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ การให้บริการหลังการขายซ่อมบำรุง บริการด้านการเงิน และประกันภัย รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของการดำเนินธุรกิจรีไซเคิลแบทเตอรี ซึ่งจะเติบโตอย่างมากในอนาคต เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรตั้งแต่ต้นถึงปลายน้ำ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ ในระยะยาว