MG IM6 รหัสใหม่ หรู แรง เกินครอสส์โอเวอร์

MG IM6 (เอมจี ไอเอม 6) ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีทรงคูเปไฟฟ้า 100 % จาก IM (Intelligence in Motion) เป็นผลงานการออกแบบ Saic Motor ร่วมมือกับ University of Art London น้องใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมของ MG และเป็น The First-ever intelligent e-SUV

IM6 หรือ IM LS6 เป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีไฟฟ้า 100 % ท้ายลาดแบบคูเป รูปทรงลู่ลม มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.237 Cd

มิติตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 4,904/1,988/1,669 มม. ความยาวฐานล้อ 2,960 มม. ใหญ่กว่าที่คิด เมื่อเทียบกับครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีไฟฟ้า 100 % ในกลุ่มเดียวกัน เช่น

Avatr 11 (อวาทาร์ 11) ที่มีขนาดตัว 4,880/1,970/1,601 มม. ความยาวฐานล้อ 2,975 มม.

Hyptec HT(ไฮพ์เทค เอชที) ที่มีขนาดตัว 4,935/1,920/1,700 มม. ความยาวฐานล้อ 2,935 มม. IM6 กว้างกว่า 68 มม.

ใหญ่กว่า Tesla Model Y (เทสลา โมเดล วาย) ที่มีขนาดตัว 4,790/1,920/1,624 มม. และความยาวฐานล้อ 2,890 มม.

ใหญ่กว่า Xpeng G6 (เสี่ยวเผิง จี 6) ที่มีขนาดตัว 4,753/1,920/1,650 มม. และความยาวฐานล้อ 2,890 มม.

ซึ่งใหญ่กว่า ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีเจ้าตลาดอย่าง Honda CR-V (ฮอนดา ซีอาร์-วี) 4,691/1,866/1,691 มม. ฐานล้อ 2,700 มม. และ Mazda CX-5 (มาซดา ซีเอกซ์-5) 4,550/1,840/1,675 มม. ความยาวฐานล้อ 2,700 มม. ในทุกมิติ

IM ออกแบบ LS6 หรือ IM6 ให้มีเส้นสายโค้งมน ตั้งแต่หัวจรดท้าย Gentle Sculpture เน้นความโค้งมน ดูพลิ้วไหว 

ไฟท้ายพาดยาวแบบ Skyline Taillights เส้นโค้งลงตัวเข้ากับท้ายรถ โดยออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ (Aero Dynamics) เพื่อช่วยเสริมสมรรถนะ และเพิ่มประสิทธิภาพ

ส่วนท้ายรถที่หนา ทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดความจุถึง 665 ลิตร และเพิ่มเป็น 1,640 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด

ไฟหน้าแบบ L Shape และไฟท้ายดีไซจ์น Skyline Taillight แบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) มีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว กระจกข้างแบบไร้กรอบ พร้อมกระจกรอบคันแบบ Acoustic Glass 2 ชั้น หลังคากระจกพาโนรามิค ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle) ไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง

ในรุ่น Premium 2WD ล้อขนาด 20 นิ้ว ยางหน้า 235/50 R20 ยางหลัง 255/45 R20  

ในรุ่น Performance AWD ล้อขนาด 21 นิ้ว ยางหน้า 235/45 R21 ยางหลัง 265/40 R21  

เบาะที่นั่งนุ่ม และสบาย...ทุกที่นั่ง

ภายในเน้นความเรียบหรู และความสะดวกสบายสไตล์ห้องนั่งเล่นในบ้าน 

IM ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุพรีเมียม และเส้นสายที่ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสาร เน้นความกว้าง ทำให้ดูโล่ง โปร่ง สบาย แต่ยังมีสไตล์ และมีความเฉพาะตัว ทั้งยังคงจุดเด่นของการเป็นรถอเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระรอบคัน ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ล้ำสมัย และใช้ชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคระดับไฮเอนด์ 

หน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens จำนวน 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทอลขนาด 26.3 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อมัลทิมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type C จำนวน 2 จุด และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่างๆ ภายในรถ 20 จุด รองรับระบบเสียง 7.1.4 และลำโพง Sky Speaker ที่บริเวณหลังคา 4 จุด  

ดีไซจ์นคอนโซลกลางเน้นความเรียบหรูด้วยวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว และที่ชาร์จแบบไร้สาย กำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger)

พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์มือถือ

IM6 เบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง หุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง

เบาะนั่งด้านหลังพนักพิงปรับ 60:40 

ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down

กระจกมองหลังพร้อมระบบ Streaming Media Rearview Mirror ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถจุได้มากถึง 32 ลิตร พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถจุได้มากถึง 596 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,571 ลิตร พร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตร

ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิดอัตโนมัติ

IM MAG Hub

IM เพิ่มเติมความพิเศษให้ IM6 ด้วย IM MAG Hub อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรีต่างๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ จำนวน 5 ตำแหน่ง ซึ่ง เป็นผลงานการสร้างสรรค์เฉพาะจาก SAIC เพื่อครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานรถอย่างแท้จริง ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ไปอีกขั้น ด้วยสมรรถนะ และขุมพลังการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ

IM6 สร้างบนแชสซีส์ดิจิทอลอัจฉริยะใหม่ (IM Digital Chassis) ที่ทำจากอลูมิเนียม มอบความสมดุล และประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมมาพร้อมกับชิพประมวลผลระดับไฮเอนด์ สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง

ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanent Magnet Synchronous Motor

ขุมพลังของ IM LS6 มีให้เลือก 4 ระดับ Standard (216 กิโลวัตต์) Long Range (248 กิโลวัตต์) Ultra Long (300 กิโลวัตต์) และ Performance AWD (579 กิโลวัตต์)

แต่ IM6 ในบ้านเรา MG นำเข้ามาให้เลือกเพียง 2 ระดับ Premium 2WD และ Performance AWD

ในรุ่น Premium 2WD มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 217 กิโลวัตต์/295 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวทันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง แบทเตอรี Ternary Lithium-ion (LFP) แรงดันไฟฟ้า 400 โวลท์ ขนาดความจุ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. วิ่งระยะไกลสุด 550 กม. (มาตรฐาน NEDC)

รุ่น Performance AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 579 กิโลวัตต์/787 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวทันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบทเตอรี Ternary Lithium-ion (NMC) แรงดันไฟฟ้า 875 โวลท์ ขนาดความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.48 วินาที ควบคุมความเร็วสูงสุดไว้ที่ 240 กม./ชม. วิ่งระยะไกลสุด 634 กม. (มาตรฐาน NEDC)

ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 

รัศมีวงเลี้ยว 5.09 ม. ทำให้ขับเลี้ยว และเข้า-ออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย

จานเบรค 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อนตกแต่งด้วยคาลิเพอร์เบรคสีส้ม จาก Continental

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน พร้อมระบบถุงลม และด้านหลังแบบอิสระ มัลทิลิงค์ พร้อมระบบถุงลมสำหรับรุ่น Performance AWD ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ (Intelligent Four Wheel Steering System) ทำให้การเปลี่ยนเลน มีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูง รวมถึงทำให้การกลับรถในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ถอยจอด และขับออกอย่างสะดวกสบายด้วยปลายนิ้วสัมผัสกับระบบ One Touch iAD ที่ช่วยในการถอยจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) ด้วย Crab Mode ที่สามารถปรับมุมทั้ง 4 ล้อแล้วสไลด์เข้าจอดได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการจอด และออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Traceback) ระบบการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco, Comfort, Sport, Snow, Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบทเตอรีมาใช้อีก 80 กม. สำหรับในยามฉุกเฉิน

ระบบช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ (Intelligent Air Suspension) สามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 ซม. และปรับสูงขึ้น 2 ซม. พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่

มั่นใจทุกเส้นทางกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย IM6 มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ซึ่งรวมระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวก ช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐาน ระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซจ์นเพื่อรองรับ Euro-NCAP

ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืด และฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ที่ผสานการทำงานของกล้องรอบคัน 

การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto Park Assist) ระบบเบรคมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบป้องกันล้อลอค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD

ระบบเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิคส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไกล TCS (Traction Control System)

ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรคฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System) ระบบช่วยเตือนการชน FCTA และระบบช่วยเบรค AEB ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ระบบแจ้งเตือนความเร็วอัตโนมัติ SLF (Speed Limit Information Function) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control) ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา ที่ทำงานประสานกันทั้งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเดือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow-Me-Home)

นอกจากนี้ ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยืดเบาะนั่งเด็กแบบ Isofix ระบบลอคประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลม นิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะด้านหน้า และหลัง ระบบกุญแจอัจฉริยะพร้อมการ์ด NFC ใช้ง่าย ชาร์จไว ให้ทุกการเดินทางสะดวกสบาย จากความเหนือชั้น และขั้นกว่าของสถาปัตยกรรม 800V Dual Sic Platform ซึ่งเป็นพแลทฟอร์มมาตรฐานที่ออกแบบโดยเฉพาะจาก SAIC Motor ทำให้ MG IM6 มีความสามารถในการชาร์จไฟได้ไว และเพิ่มระยะทางในการขับต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นอกจากนี้ MG ยังให้การใช้รถอีวีเป็นเรื่องที่ง่ายด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของ MG Super Charge ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 140 แห่งทั่วประเทศ

รุ่น Premium 2WD ขนาดความจุ 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 400 โวลท์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบทเตอรี Lithium-ion 

รุ่น Performance AWD ขนาดความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลท์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC 

ระบบ Cooling system เจเนอเรชันใหม่ ที่สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที แบทเตอรี 12V แบบ Lithium-ion ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10 %-80 % ใช้เวลาน้อยกว่า 20 นาที ด้วยแรงดันไฟฟ้า 800 โวลท์ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 กิโลวัตต์

รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ (ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบทเตอรีคงเหลือ และกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า) 

IM6 ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีคูเปไฟฟ้าสุดพรีเมียม ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่

รุ่น Premium 2WD ราคา 1,399,900 บาท

รุ่น Performance AWD ราคา 1,799,900 บาท 

สีตัวถังมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ ชมพู Ferdinand Pink ขาว Raphael Tea ดำ Ares Black เทา Rembrandt Grey และน้ำเงิน Nevis Blue