ธุรกิจ
Aston Martin เปิดตัว Vantage ใหม่

Aston Martin Bangkok (แอสตัน มาร์ทิน แบงคอค) ผู้จำหน่ายยนตรกรรมสปอร์ทจากประเทศอังกฤษ Aston Martin อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรุ่น Vantage (วานเทจ) ใหม่ ที่เป็นเสมือนตัวแทนของสมรรถนะขั้นสูงสุดของสายพันธุ์ Vantage ที่ถือกำเนิดมากว่า 76 ปี ผสานจิตวิญญาณแห่งความเร็ว สร้างความเร้าใจสูงสุดให้ผู้ขับ ตอบโจทย์ผู้ถวิลหาพละกำลังระดับฮาร์ดคอร์ และการควบคุมที่เฉียบคมผสานโครงสร้างแบบเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มีสมดุลไร้ที่ติ
ธีรไนย มาศดิตถ์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด Aston Martin Bangkok กล่าวว่า นับเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าในประเทศไทย ที่จะได้สัมผัสกับ Aston Martin Vantage ใหม่ ภายใต้คอนเซพท์ "Thrill.Driven." ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์ และกลิ่นอายตามแบบฉบับดั้งเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้ Vantage ใหม่ เป็นยนตรกรรมเปี่ยมสมรรถนะ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการขับจากสนามแข่งฟอร์มูลา วัน สะท้อนตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจน และทรงพลังที่สุด
Aston Martin เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ กำเนิดช่วงปี 1913 ปีนี้นับว่าครบรอบ 112 ปี ก่อตั้งโดย ไลโอเนล มาร์ทิน กับโรเบิร์ต แบมฟอร์ท ซึ่งทั้งคู่สร้างรถแข่งร่วมกัน เพื่อไปแข่งรายการ Aston Clinton Hillclimb และคว้าแชมพ์ได้สำเร็จ
Aston Martin Vantage ใหม่ มิติตัวถัง ยาว 4,495 มม. กว้าง 2,124 มม. และสูง 1,275 มม. ตัวถังกว้างขึ้น 30 มม. ระยะฐานล้อ 2,705 มม. น้ำหนักรถเปล่า1,605 กก. โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียม ปรับแต่งให้ทนต่อแรงบิดได้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อความแม่นยำในการควบคุม กระจังหน้ากว้างกว่าเดิม 38 % เพิ่มประสิทธิภาพการนำอากาศมาระบายความร้อนได้ดีขึ้น 29 % ไฟหน้า Matrix LED ดีไซจ์นใหม่ พร้อมเดย์ไทม รันนิง ไลท์ในตัว สะท้อนเอกลักษณ์ของ Aston Martin ยุคใหม่
ปิดท้ายด้วยล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว ความกว้างหน้า 9.5J และหลัง 11.5J จับคู่กับยาง Michelin Pilot S 5 หน้า 275/35 ZR2 หลัง 325/30 ZR21 ปั๊มรหัส "AML" บ่งบอกว่าผลิตมาเพื่อใช้กับ Vantage ใหม่ โดยเฉพาะ
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ผสมผสานความหรูหรากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ตกแต่งด้วยหนังแท้ Bridge of Weir ที่ให้สัมผัสหรูหรา และกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมระบบเสียงมาตรฐาน Aston Martin 390W 11 ลำโพง พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า แปรผันอัตโนมัติ (Variable Electrical Power Assistance) ทัชสกรีนอเนกประสงค์ Pure Black ขนาด 10.25 นิ้ว ผสานปุ่มกดบริเวณใกล้เคียง สามารถใช้งานได้สะดวก และรวดเร็วระบบอินโฟเทนเมนท์แบบใหม่ รองรับทั้ง iOS และ Android มาพร้อม 5 โหมดการขับ ได้แก่ Wet, Sport, Sport Plus, Track และ Individual ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับผสมผสานการตั้งค่าของระบบต่างๆ ได้ตามต้องการ
Aston Martin Vantage ใหม่ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร ที่ผ่านการปรับแต่งใหม่ โดยการเพิ่มขนาดเทอร์โบ, ปรับแต่งแคมชาฟท์ (Dual Variable Camshaft Timing), ปรับอัตราส่วนการอัด 8.6:1 พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ห้องเผาไหม้ผ่านการกลึง CNC เต็มรูปแบบ (Fully CNC Machined Combustion Chamber) ทำได้ 665 แรงม้า (PS) แรงบิด 800 นิวทันเมตร มีกำลังสูงขึ้น 30 % หรือ 155 แรงม้า (PS) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 15 % หรือ 115 นิวทันเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง ผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง (Rear Mounted) พร้อมเพลาขับคาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fibre Prop Shaft) และเฟืองท้ายลิมิเทด สลิพควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์ (Electronic Rear Limited Slip Differential) อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม.
โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียม (Bonded Aluminium) ได้รับการพัฒนาเพิ่มความแข็งแกร่ง ทนต่อการบิดตัวได้สูงขึ้น มาพร้อมความสมดุลในการกระจายน้ำหนัก 50:50 ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ดับเบิลวิชโบน คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงทช่วงล่างหน้าหลังแบบมัลทิลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนแบบอแดพทีฟ (ADS-Adaptive Damping System) พร้อมเทคโนโลยี Skyhook และ Intelligent Adaptive Dampers คานขวางช่วงล่างด้านหน้า (Cross-member) ออกแบบใหม่ และย้ายตำแหน่งติดตั้งไปข้างหลังมากขึ้น
เพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่จุดยึดช่วงล่างหน้าแบบดับเบิลวิชโบน ค้ำตัวถังในห้องเครื่องด้านหน้า น้ำหนักเบาลง แต่แข็งแกร่งขึ้น ช่วยลดการบิดของตัวถัง ช่วงล่างหลังเพิ่มความแข็งแกร่ง 29 % ผสานชอคอับแบบอแดพทีฟของ Bilstein DTX ที่มีช่วงการทำงานที่กว้างขึ้นถึง 500 % เทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้มีแฮนด์ลิงคมกริบ และขับสนุกยิ่งขึ้น จานเบรคโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า 400x36 มม. หลัง 360x36 มม. จับคู่คาลิเพอร์เบรคหน้า 4 พอท และหลัง 6 พอท โดยมีชุดจานเบรคเซรามิคให้เลือกติดตั้งเป็นออพชัน จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 21.9 ล้านบาท ราคารวม วารันตี 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
บทความแนะนำ