Quattroruote ทดสอบ
MASERATI GRANTURISMO FOLGORE
การทดลองขับรถสปอร์ทพลังไฟฟ้ารุ่นแรกจากค่ายตรีศูล ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ชุด สร้างพละกำลังที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของค่าย มาพร้อมการยึดเกาะถนนที่หนึบมั่นใจ แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น
วันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงได้มาถึงในที่สุด ไม่ว่าเหล่าแฟนๆ ค่ายรถจะทำใจรับได้หรือไม่ กับการเตรียมบอกลาเสียงกระหึ่มจากเครื่องยนต์สันดาป และกระบอกสูบที่ทำงานอย่างดุดัน รวมถึงการขาดหายไปของชุดท่อไอเสีย สิ่งเหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นที่ค่าย MASERATI หลังจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 109 ปี ถึงเวลาของการพุ่งทะยานของสมรรถนะโดยปราศจากเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ ที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถสปอร์ทจากค่ายนี้ ค่ายรถที่มีถิ่นกำเนิดจากเมือง MODERNA ยังคงยึดมั่นในสมรรถนะอันโดดเด่นเสมอมา ไม่เว้นแม้แต่รุ่นบุกเบิกพลังไฟฟ้าอย่าง FOLGORE ของสปอร์ทรุ่นใหญ่ GRANTURISMO ด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียว และระบบไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง เมื่อผู้ขับกดปุ่มเริ่มการทำงานของระบบขับเคลื่อน รูปแบบใหม่แห่งอนาคตของรถยนต์จากค่ายรถ ตรีศูล แห่งนี้กำลังจะถูกเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะมีใครต้องการสิ่งนี้หรือไม่ ถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้อีกต่อไป แต่ใครที่ชื่นชอบความล้ำสมัยของรถยนต์ฟฟ้า รถคันนี้อาจสร้างความถูกอกถูกใจได้ไม่น้อย ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเพิ่มเติมของ FOLGORE คือ การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของอนุกรม GRANTURISMO ที่ถูกผลิตจากโรงงานเดียวกันกับตัวแรงรหัส MODERNA และ TROFEO กับสเปคเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร แบบ วี 6 สูบ รูปทรงภายนอกบ่งบอกการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากการตกแต่งที่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาป รวมถึงกระจังหน้าสีดำเข้ม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ มีความใกล้เคียงกับ GRANTURISMO ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายที่ใกล้เคียงกับสปอร์ทตัวธง MC20 และรุ่น GRECALE เป็นรูปแบบของเส้นสายที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2007 กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา และความสมดุลที่รองรับการใช้งานสำหรับทางไกล และการใช้งานทั่วไปด้วย
แบทเตอรีประสิทธิภาพสูง
ความจริงแล้ว รถสปอร์ทของ MASERATI มีประสิทธิภาพสูงเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์สันดาปก็ตาม สิ่งที่รถสปอร์ทของค่ายนี้ทำได้ คือ การผสมผสานอย่างลงตัวของความสปอร์ทปราดเปรียว และความสะดวกสบายที่เหมาะสม รวมถึงความหรูหราสมราคาของตัวรถ และสมรรถนะที่เร้าใจ คุณสมบัติตามที่กล่าวมายังคงอัดแน่นในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย GRANTURISMO มีมากกว่าความฉับไว และความหรูหราในระดับสูง ความคล่องแคล่วที่ยอดเยี่ยม คือ สิ่งที่ขาดไม่ได้ เป็นสิ่งที่ค่ายรถยึดถือตลอดมาไม่เสื่อมคลาย แม้เอาเข้าจริง อาจมีรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่มีสมรรถนะดุดันอย่างถึงที่สุดกว่านี้ หรือความหนึบแน่นในโค้งระดับสุดยอดกว่านี้ อย่างเช่นสปอร์ทตัวธงอย่าง MC20 การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ GRANTURISMO ยังมีการตอบสนองในรับที่น่าพึงพอใจไม่น้อย พละกำลังอันมหาศาลจากมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับแนวคิดรถสปอร์ทของ GRANTURISMO ได้เป็นอย่างดี แม้การควบคุมโดยรวมจะไม่หนักมือจนเกินไป รวมถึงซุ่มเสียงที่ไม่แผดดังแบบเครื่องยนต์สันดาป การทะยานไปข้างหน้า และไต่ความเร็วในพริบตา ภายใต้ความเงียบที่แฝงความเฉียบขาด
ทีมวิศวกรจากเมือง MODERNA ต่างก็ตระหนักเป็นอย่างดีว่า FOLGORE จะมีตำแหน่งการนั่งของผู้ขับที่ต่ำลงมามากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป (เราจะอธิบายในส่วนถัดไป) เนื่องมาจากผู้ขับจะไม่ได้นั่งอยู่เหนือชุดแบทเตอรี แต่จะมีตำแหน่งที่อยู่ถัดต่อมา ผู้ขับจะรู้สึกได้เมื่อขึ้นมานั่งในห้องโดยสาร ตำแหน่งโดยรวมจะอยู่ใกล้กับพื้นถนนมาก เป็นรูปแบบที่พบเจอจากรถสปอร์ทของ MASERATI หลายรุ่น และมีการใช้งานโดยรวมที่ใกล้เคียงเช่นกัน ตำแหน่งของพวงมาลัยจะทำมุมตั้งฉาก และส่วนขาของผู้ขับที่เหยียดตรง จุดต่อมา คือ การออกแบบแผงคอนโซลหน้า มีความใกล้เคียงกับรถร่วมค่ายอย่าง GRECALE เช่น หน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลตรงกลางขนาดใหญ่ สามารถแยกสัดส่วนการแสดงผลได้ด้วย ปุ่มใช้งานของระบบเกียร์จำนวน 4 ปุ่ม อย่างไรก็ตาม ปุ่มใช้งานระบบเกียร์แบบใหม่กลับไม่ดึงดูดสายตาเท่าใดนัก และการใช้งานก็ไม่สะดวกเท่าที่ควร ขณะที่การออกแบบที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ความทันสมัย และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คือ การเลือกใช้วัสดุสำหรับหุ้มเบาะ ประกอบด้วยชุดหนังชั้นดี และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เพราะส่วนประกอบของวัสดุที่ใช้จะมาจากการรีไซเคิลอวนจับปลา เชื่อว่าน่าจะถูกใจเทพแห่งท้องทะเลไม่มากก็น้อย
ขณะที่การออกแบบพวงมาลัย มีรูปแบบที่สมดุลกันติดตั้งด้านในพวงมาลัย ฝั่งหนึ่งเป็นปุ่มสำหรับเปิดการทานของระบบไฟฟ้า ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นปุ่มหมุนสำหรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ (ได้แก่ MAX RANGE, GT, SPORTS และ RUNNING (นอกจากนี้ยังมีโหมด DRIFT แต่กดใช้งานจากปุ่มอื่น) แต่ละโหมดจะมีเสียงเฉพาะตัว และยังมีแป้นแพดเดิล ชิฟท์ หลังพวงมาลัย ไม่ได้มีว้สำหรับการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ แต่ใช้สำหรับปรับระดับแรงหน่วงของชุดมอเตอร์แปลงเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้งาน โดยสามารถเลือกได้ 4 ระดับด้วยกัน ตั้งแต่การขับขี่ที่ไหลลื่น ไปจนถึงการขับแบบไม่ต้องใช้แป้นเบรค หากผู้ขับคุ้นเคยกับการชะลอความเร็วด้วยแป้นคันเร่งแล้ว จะพบว่ามีความสะดวกเทียบเท่าการใช้แป้นเบรคตามปกติเลยทีเดียว
ความลงตัว 3 ประการ
GRANTURISMO รุ่นนี้ มีความพิเศษในตัวหลายประการ นั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้า และระบบส่งกำลัง ภายใต้ขุมพลังที่ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 3 ชุด แต่ละชุดให้กำลังสูงสุดที่ 408 แรงม้า หรือคิดเป็นกำลังสูงสุดรวมกันที่ 1,224 แรงม้า เลยทีเดียว แต่ตัวเลขของกำลังสูงสุดอาจมีความแตกต่างจากการคำนวณโดยตรง ภายใต้ชุดแบทเตอรีที่มีความจุ 92.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในการใช้งานจริงอาจมีการส่งกำลังได้ถึง 760 แรงม้า ขึ้นไป มอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละชุดถูกออกแบบให้ส่งกำลังได้อย่างอิสระ นั่นคือ การส่งกำลังจะถูกปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมตามแต่โหมดการขับขี่ที่เลือกใช้งาน สามารถแยกแยะการส่งกำลังไม่ใช่เพียงล้อคู่หน้า/หลังเท่านั้น แต่สามารถแยกแยะล้อฝั่งซ้าย/ขวาได้อีกด้วยสำหรับมอเตอร์คู่ที่ติดตั้งบริเวณล้อคู่หลัง ทำหน้าที่เสมือนชุควบคุมการกระจายแรงบิดที่พบเจอในรถสปอร์ทหลายรุ่น เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี แทนที่จะส่งแรงบิดไปยังล้อฝั่งฝั่งหนึ่งทั้งหมด ระบบอีเลคทรอนิคจะประมวณผลระดับแรงบิดที่จำเป็นสำหรับการใช้งานสำหรับล้อแต่ละฝั่งได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การควบคุมในทางโค้ง และตัวรถเริ่มมีแรงเหวี่ยงมากขึ้น ทำให้ควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น หลักการทำงานโดยรวมอาจคล้ายกับระบบ ESP แต่ระบบดังกล่าวจะใช้การเบรคเข้ามาช่วยควบคุม และแก้ไขอาการของตัวรถ แต่ระบบของมอเตอร์ไฟฟ้าจะควบคุมระดับของการส่งกำลังที่แม่นยำกว่า
ในโหมด RACING ผู้ขับสามารถปรับระดับการส่งกำลังของแรงบิด รวมถึงการทำงานของระบบป้องันล้อลื่นไถล ทำให้การขับขี่แบบเน้นสมรรถนะมีความเร้าใจ และได้ความมั่นคงอย่างยอดเยี่ยม ทำระบบควบคุมารส่งกำลังของชุดเฟืองท้ายแบบดั้งเดิมดูล้าสมัยไปทันใด
อัตราเร่งใน 2.7 วินาที จากความเร็ว 0-100 กม./ชม. และความเร็วสูงสุดระดับ 320 กม./ชม. แต่บุคลิกการขับขี่ของ FOLGORE ไม่ได้สะท้อนจากตัวเลขเสียทั้งหมด การตอบสนองโดยรวม บุคลิกเฉพาะตัว และความเร้าใจจากสมรรถนะของตัวรถ คือ จุดที่สร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง GRANTURISMO รุ่นนี้มีจุดที่น่าทึ่งอีกหลายประการ แม้จะมีขุมพลังที่ปราศจากลูกสูบ และซุ่มเสียงที่เร้าใจที่คุ้นเคยตลอดมา ในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงมีจุดเด่นที่การทำอัตราเร่งในทางตรง แต่ FOLGORE สามารถเข้าโค้งได้อย่างเฉียบคมด้วย ระบบกระจายการส่งแรงบิดปยังล้อแต่ละตำแหน่งของของชุดมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้รถมีอาการโคลงเพียงเล็กน้อย แม้มีชุดแบทเตอรีติดตั้งอยู่ด้านล่างตัวถัง แทบจะลืมไปเลยว่ารถสปอร์ทคันนี้มีน้ำหนักโดยรวมถึง 2,260 กก. รถยนต์ไฟฟ้าของ MASERATI รุ่นนี้มีความคล่องแคล่วในระดับสูง ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าตัวแรงอย่าง TAYCAN ที่เปิดตัวไป 3 ปีก่อนหน้านี้ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า รถยนต์ไฟฟ้าสามารถสร้างความเร้าใจได้ไม่น้อยหน้าใคร
FOLGORE เปิดมิติใหม่ของโลกยานยนต์สมรรถนะสูง แทบจะลืมไปเลยว่า นี่คือ รถยนต์ไฟฟ้า แม้จะปราศจากซุ่มเสียงที่ดุดัน แต่ชดเชยได้ด้วยการบังคับควบคุมที่เฉียบคม การเข้าโค้งที่หนึบแน่น และการทะยานสู่ช่วงทางตรงด้วยความเร็วสูงในพริบตา นี่คือ MASERATI ที่ทรงพลังอย่างแท้จริง และยังคงเป็น MASERATI ที่หลายคนถวิลหาเสมอมา กับความเร้าใจที่ไม่น้อยน้ารุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป เปิดนิยามใหม่ของการเป็นรถสปอร์ทพลังสูง ส่วนที่เหลือนอกจากนี้ คือ การตัดสินใจของู้ต้องการเป็นเจ้าของ ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสนใจ ว่าจะฟันธงรถสปอร์ทรูปแบบไหน ระหว่าง เครื่องยนต์สสันดาป และมอเตอร์ไฟฟ้า
รุ่น FOLGORE ของรถทดสอบจากผู้ผลิต
เครื่องยนต์
• มอเตอร์ไฟฟ้า ด้านหน้า 1 ชุด , ด้านหลัง 2 ชุด
• กำลังสูงสุดทั้งระบบ 761 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 137.7 กก.-ม.
แบทเตอรี
• ลิเธียม-ไอออน 92.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งาน 83.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
รองรับการชาร์จสูงสุด
• แบบ AC 22 กิโลวัตต์ / DC 270 กิโลวัตต์
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
• ชุดควบคุมการหมุนของมอเตอร์
สมรรถนะ
• ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.
• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 2.7 วินาที
• อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน 5.4 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
• ระยะทำการสูงสุด 450 กม.
มิติตัวถัง และน้ำหนักโดยรวม
• ระยะฐานล้อ 2,930 มม.
• ความยาว 4,960 มม. กว้าง 1,960 มม. สูง 1,350 มม.
• น้ำหนักโดยรวม 2,260 กก.
ราคา
• 230,000 ยูโร (ประมาณ 9,720,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
ข้อมูลทางเทคนิค ระบบไฟฟ้า 800 โวล์ท พลังสูง
รถสปอร์ท GANTURISMO แม้จะเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป จะใช้โครงสร้างตัวถังที่ถูกพัฒนาสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ เน้นความแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม ตามแบบฉบับรถสปอร์ทจากค่ายแห่งนี้ ส่วนรุ่น FOLGORE ใช้ระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันสูงถึง 800 โวลท์ โดยในปัจจุบันมีเพียงรถยนต์ไฟฟ้าไม่กี่รุ่นที่ใช้งานระดับนี้ ได้แก่ PORSCHE TAYCAN (โพร์เช ไทคาน) และรถยนต์ไฟฟ้าของ HYUNDAI (ฮันเด) และ KIA (เกีย) เช่น IONIQ 5 (ไอโอนิค 5) และ EV6 (อีวี 6) ตามหลักการแล้ว ภายใต้กำลังสูงสุดที่เท่ากัน หากมีแรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่าถึง 2 เท่าตัวเช่นนี้ (ระบบไฟฟ้าทั่วไป คือ 400 โวลท์) ส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าแบบ แอมพ์ ลดน้อยลงตามกัน ช่วยให้ส่วนประกอบต่างๆ ของชุดสายไฟมีปริมาณน้อยลงด้วย และยังช่วยลดการใช้สายไฟวัสดุทองแดง นำมาสู่น้ำหนักโดยรวมของตัวรถที่ลดลงด้วย รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ คือ รถยนต์จาก MASERATI ที่มีพละกำลังสูงสุดในประวัติศาสตร์ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า นับเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเล็กน้อยสำหรับค่ายรถที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกับเครื่องยนต์สันดาป โดยมีมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนจำนวน 3 ชุด พร้อมชุดควบคุมการส่งแรงบิดไปยังล้อแต่ละตำแหน่ง เป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานกับรถแข่งไฟฟ้าของรายการ FORMULA-E เป็นชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีส่วนประกอบของวัสดุซิลิกอนคาร์ไบด์ ผสมกับโครงสร้างตัวถังวัสดุเซรามิค มีจุดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบา และความแข็งแกร่ง เทียบเท่ากับโครงสร้างของเพชรเลยทีเดียว ส่วนลักษณะการวางตำแหน่งของชุดแบทเตอรี โครงสร้างรองรับรูปแบบของเครื่องยนต์ที่หลากหลายอยู่แล้ว จำนวนเบาะนั่งไม่กี่ตำแหน่งตามแบบฉบับรถสปอร์ท ทีมงานจากเมือง MODERNA ออกแบบชุดแบทเตอรีที่เรียงตัวเป็นแบบตัว T ช่วยให้มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ขณะที่การชาร์จไฟฟ้า รองรับสูงสุดที่ 22 กิโลวัตต์ สำหรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) และสูงสุดถึง 270 กิโลวัตต์ สำหรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ขณะที่ระบบรองรับเป็นรูปแบบดั้งเดิมของ MASERATI ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ และด้านหลังแบบ มัลทิลิงค์ ระบบช่วงล่างแบบถุงลม พร้อมระบบควบคุมการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า
แบทเตอรีขนาดใหญ่
แบทเตอรีมีความจุมากถึง 92.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งานได้จริง 83.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ประกอบด้วย 32 โมดูล (แยกเป็นชุดเซลส์) ผลิตจากเมือง MIRAFIORI สถานที่เดียวกันกับเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ ดั้งเดิม ทำให้ FOLGORE มีน้ำหนักมากกว่าที่ 450 กก.
มอเตอร์ 17,000 รตน.
ในโหมด OVERBOOST กำลังสูงสุดทั้งระบบจะสูงขึ้นมาถึง 830 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่รองรับรอบการหมุนที่สูงมาก เทียบเท่ากับ TAYCAN โดยมีรอบสูงสุดถึง 17,600 รตน. เลยทีเดียว