Quattroruote ลองของแรง
CHEVROLET CORVETTE Z06
เทียบชั้นค่ายม้าลำพอง
เครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ วางกลางลำ สมรรถนะร้อนแรง มาพร้อมตัวรถที่ตอบสนองได้อย่างฉับไว คุณสมบัติเหล่านี้จะเพียงพอต่อฉายา FERRARI จากแดนคาวบอยหรือไม่ ?
เป็นเวลากว่า 70 ปีแล้วที่ CHEVROLET CORVETTE (เชฟโรดลต์ คอร์เวทท์) มุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่าง และพัฒนาตัวเองจากรถสปอร์ทสมรรถนะสูง สู่การเป็นซูเพอร์คาร์เต็มตัว ที่ถือเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปนัก หากมองในแง่ที่ว่า นี่คือ รถยนต์ที่แพงที่สุดในกลุ่มยี่ห้อ CHEVROLET ภายใต้องค์ประกอบที่มีความแตกต่างจากรถร่วมค่ายรุ่นอื่นๆ โดยสิ้นเชิง กับหนึ่งในซูเพอร์คาร์ที่ไม่อาจมองข้ามได้ ภายใต้ราคาที่เหมาะสมอีกด้วย โดดเด่นด้วยรูปแบบตัวถังที่วางเครื่องยนต์ตรงกลาง กับทายาทลำดับที่ 8 ของสายพันธุ์ที่อัดแน่นความยอดเยี่ยมเอาไว้หลายประการ ไม่แพ้ตัวแรงจากค่ายรถสปอร์ทเจ้าอื่นแม้แต่น้อย
รอบเครื่องที่สูง กับตัวถังน้ำหนักเบา
CHEVROLET CORVETTE แต่ละรุ่นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของสมรรถนะ และการขับขี่ มาถึงรุ่นล่าสุดภายใต้รหัส Z06 มาพร้อมกับความลงตัวยิ่งขึ้น กับความเป็นซูเพอร์คาร์เต็มตัวในที่สุด ต่างจากบรรดาตัวแรงในอดีตของสายพันธุ์ ทั้งหมดที่ว่ามาเริ่มต้นมาจากแนวคิดของค่ายรถจากรัฐแคนตักกี้ กับการรังสรรค์รถสปอร์ทประสิทธิภาพสูงอย่างแท้จริง โดยมีแรงบันดาลใจจากตัวแรงค่ายม้าลำพองอย่าง FERRARI 458 ITALIA (แฟร์รารี 458 อิตาลีอา) และความฉับไวของการตอบสนองอย่าง PORSCHE 911 GT2 RS (โพร์เช 911 จีที 2 อาร์เอส) แต่ละคันล้วนเป็นรถสปอร์ทที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง แนวทางของ Z06 ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน กับความสปอร์ทแบบยุโรปที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนา CORVETTE รุ่นล่าสุดขึ้นมา ยังคงรักษาคุณลักษณะที่โดดเด่นเอาไว้ ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่เคยนำมาใช้งานมาแล้ว เห็นได้จากขุมพลังขนาด 5.5 ลิตร ของรุ่น Z06 ชวนให้นึกถึงเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ ของ FERRARI
การรังสรรค์รถสปอร์ทรุ่นนี้ อยู่บนพื้นฐานของสปอร์ทเครื่องยนต์วางกลางลำ เบาะนั่ง 2 ตำแหน่ง อย่างที่เคยทำมาแล้วกับรุ่นก่อนหน้านี้ รถสสปอร์ท 2 ที่นั่งแต่มีความแตกต่างในการใช้งานอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น ด้านหลังผู้โดยสารจะไม่มีการตกแต่งเพื่อการโดยสารอีกต่อไป เบาะคู่หน้าอยู่ในระดับต่ำแต่ยังมีทัศนวิสัยที่ดี พื้นที่ห้องโดยสารโดยรวมมีน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ เพื่อเหตุผลด้านความกระชับแน่นสไตล์รถสปอร์ทขนานแท้ สามารถนั่งได้สบายแม้แต่ทีมงานของเราที่มีความสูงกว่า 180 ซม. ถือเป็นความสะดวกสบายที่ทางผู้พัฒนาสามารถประนีประนอมได้ดี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สังเกตได้เพิ่มเติม คือ แผงหน้าปัดแบบดิจิทอล แสดงผลได้หลากหลาย รูปแบบของคอนโซลหน้าที่มีลักษณะโอบล้อมผู้โดยสาร รวมถึงผู้ขับที่อยู่หลังพวงมาลัย คอนโซลทรงสูง และแบ่งที่นั่งออกเป็น 1 ฝั่งชัดเจน แม้จะมีพื้นที่หลังเบาะหน้าเล็กน้อย แต่ซูเพอร์คาร์คันนี้จัดเป็นรถสปอร์ทแบบ 1+1 ที่นั่ง
การออกแบบโดยรวมของห้องโดยสารตัวรถมีความสวยงาม ดุดัน อย่างลงตัว แต่ละสัดส่วนบ่งบอกถึงอารมร์การขับขี่ที่ร้อนแรง ปุ่มใช้งานต่างๆ อยู่รายล้อมรอบผู้ขับ นับคร่าวไ ได้จำนวนประมาณ 20 ปุ่มเลยทีเดียว แม้จะดูตื่นตาตื่นใจ แต่บางครั้งอาจสร้างความสับสนแก่ผู้ขับได้เช่นกัน ต้องอาศัยการทำความคุ้นเคยในช่วงแรก ซึ่งการทดสอบของเราอาจไม่ใช้เวลานานพอสำหรับการทำความคุ้นเคยดังกล่าว ผนวกกับการให้ความสนใจไปที่การขับขี่แบบเน้นสมรรถนะของรถสปอร์ทรุ่นนี้มากกว่า องค์ประกอบอื่นๆ คือ พวงมาลัยที่หักมุมเป็นทรงเหลี่ยม อาจดูเร้าใจ แต่ตำแหน่งการวางมือของผู้ขับอาจแตกต่างจากปกติเล็กน้อย การหักเลี้ยวทำได้อย่างคล่องแคล่ว แต่การเลี้ยวแบบต่อเนื่อง ในบางครั้งข้อศอกของผู้ขับอาจกระทบกับด้านข้างของห้องโดยสารได้
การเลือกใช้วัสดุตกแต่งห้องโดยสารประกอบด้วยผ้าแบบเส้นใยไมโครไฟเบอร์ เสริมด้วยวัสดุหนังกลับ และส่วนประกอบแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ทีมผู้ออกแบบสะท้อนความสปอร์ทอย่างเปิดเผยและองค์ประกอบต่างๆ ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อแสดงออกถึงระดับของตัวรถด้วยความยิ่งใหญ่ แม้ในบางแง่มุมแล้ว สิ่งต่างๆ ที่ถูกออกแบบขึ้นมาอาจลดทอนความเรียบง่ายของห้องโดยสารเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชดเชยได้ คือ อารมณ์ความตัวแข่งของรุ่น Z06 รวมถึงตำแหน่งการขับขี่ที่ลงตัว แป้นเหยียบ และเบาะนั่งมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี โดยผู้ขับสามารถเลือกรูปแบบการตกแต่งได้ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ แบบ GT2 หรือตามแบบฉบับตัวแข่งเต็มตัว เหมือนรถที่เรานำมาทดสอบในครั้งนี้ แต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยแบบหลังจะมีความกระชับแน่นของห้องโดยสารมากกว่า ปุ่มสำหรับการใช้งานสไตล์รถแข่งเช่นกัน ราวกับเครื่องบินรบก็ว่าได้ การใช้งานต่างๆ จะโอบล้อมผู้ขับ สร้างความแตกต่างที่น่าเร้าใจได้ดีมาก การเจ้าเกียร์ทำได้ฉับไว และหนักแน่น สมกับการเป็นซูเพอร์คาร์อันร้อนแรง การตอยสนองของการหักเลี้ยวมีความเฉียบคมอย่างยอดเยี่ยม
อัดแน่นราวกับห้องนักบินรบ
CORVETTE รุ่นนี้ไม่อิงกับกระแสความทันสมัยแบบดิจิทอลมากเกินไป รวมถึงการพึ่งพาระบบไฮบริดตามสมัยนิยม ทางค่ายรถเน้นไปการลดน้ำหนักของตัวรถโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้างโดยรวม เครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ ขนานแท้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลผลิตของเมืองมาราเนลโลที่ก่อนหน้านี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาเสริม เป้าหมายของ CORVETTE รุ่นล่าสุด เรียบง่าย แต่ชัดเจน นั่นคือ ความเป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ การออกแบบโดยรวมชวนให้นึกถึงรถสปอร์ทของ FERRARI เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วมาก กับการไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศมากเกินไป เน้นไปที่รอบเครื่องยนต์ที่จัดจ้าน (รอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมอยู่ในระดับ 6,500 รตน. และสูงสุดที่ระดับ 8,600 รตน.) เป็นอีกหนึ่งความสมบูรณ์แบบของสมรรถนะ โดยมีปริมาตรของกระบอกสูบที่เหมาะสม แตกต่างจากสปอร์ทสัญชาติอเมริกันยุคดั้งเดิมที่เน้นเครื่องยนต์บลอคใหญ่โต
อันที่จริงเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ ก็มีลักษณะเฉพาะตัว มีระดับไอเสียที่ผ่านเกณฑ์ของประเทศยุโรป ภายใต้พละกำลังเริ่มต้นที่ 670 แรงม้า และการติดตั้งตัวกรองอนุภาคไอเสียทำให้เสียงรบกวนน้อยลงด้วย แต่ซุ่มเสียงโดยรวมยังรักษาความเร้าใจได้เป็นอย่างดี จัดเป็นเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยม มีความลงตัวในระดับหัวแถวของรถสปอร์ทระดับเดียวกัน อาจจะเป็นรองบ้างก็เพียงแค่เครื่องยนต์จากค่ายรถสัญชาติอิตาเลียนเท่านั้น กับความเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ของ FERRARI การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมในทุกย่านความเร็ว รอบเครื่องยนต์ที่สูงอย่างที่ไม่มีอาการล้าให้เห็น การตอบสนองของอัตราเร่งอันเร้าใจ และที่ขาดไม่ได้ คือ เสียงเครื่องยนต์อันแผดดัง ราวกับรถแข่งขนานแท้ เป็นที่มาของความเร้าใจที่หลายคนอยากสัมผัส (และมีเสน่ห์อันเย้ายวน) การเปลี่ยนจังหวะเกียร์ทำได้อย่างหนักแน่น สามารถไต่ความเร็วได้อย่างเฉียบคม ไม่แพ้สปอร์ทตัวแรงจากสารพัดค่ายชั้นนำอย่าง LAMBORGHINI FERRARI หรือแม้แต่ MCLAREN นั่นเชียว องค์ประกอบของ Z06 สามารถเทียบเคียงได้อย่างสูสี และเหนือสิ่งอื่นใดยางกึ่งสลิคช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ การขับขี่ที่ให้การยึดเกาะถนนอย่างยอดเยี่ยม แต่สถานที่ที่จะปลดปล่อยความโดดเด่นของรถสปอร์ทรุ่นนี้ คือ สนามแข่งรถเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทั้งหมดของซูเพอร์คาร์รุ่นนี้ ยางที่ใช้งาน คือ MICHELIN PILOT SPORT CUP จะมีประสิทธิภาพสูงสุดในสภาวะการใช้งานที่อุณหภูมิที่สูงขึ้นของเนื้อยาง ทำให้การเกาะถนนมีประสิทธิภาพสูงสุด (ตามที่ตัวอักษรแสดงให้เห็น)
การตอบสนองของล้อคู่หน้า และคู่หลังสอดประสานได้อย่างลงตัว และมีระบบบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ เปี่ยมด้วยคุณภาพ ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ตามต้องการ ผ่านการหักเลี้ยวที่เฉียบคม แม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความแม่นยำ และความต่อเนื่องของการตอบสนอง ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ Z06 มีความมั่นคงอย่างยอดเยี่ยมในช่วงความเร็วสูง การตอบสนองคันเร่งที่ฉับไวในพริบตา ตลอดจนการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ในทางตรงข้าม ผู้ขับมีสมาธิกับการควบคุมรถอย่างยิ่งยวด เมื่อรถอยู่ในตำแหน่งที่มั่นคง จะช่วยให้การเข้าโค้งทำได้ตามขีดจำกัดของตัวรถ ตามที่เราอธิบายในกรอบหน้าถัดไป แสดงให้เห็นการขับขี่ในแต่ละส่วนอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น การกดคันเร่งสุด การหักเลี้ยวของพวงมาลัยคง เมื่อคุณอยู่ใกล้ขีดจำกัดของตัวรถขณะเข้าโค้ง ส่วนท้ายเริ่มมีอาการไถลเล็กน้อย แต่ยังสามารถคาดคะเนอาการของตัวรถได้ และแก้ไขการหักเลี้ยวไปยังทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อลดอาการท้ายปัดอย่างได้ผล การถ่ายเทน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 61 % สู่ล้อคู่หลัง ถือว่ามากเกินไปหน่อย เพราะหากมากกว่า 60 % การควบคุมจะเริ่มยากยิ่งขึ้น ซึ่งจัดเป็นปัญหาดั้งเดิมของ PORSCHE 911 (และในปัจจุบันได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว)
สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ CORVETTE คันนี้ คือ การตอบสนองการขับขี่ที่มีความดิบห้าวแบบดั้งเดิมแฝงอยู่คล้ายรถสปอร์ทในอดีต เมื่อปิดระบบช่วยเหลือต่างๆ แล้ว การบังคับควบคุมจะตรงไปตรงมากับผู้ขับอย่างแท้จริง แม้แต่ระบบช่วยเหลือต่างๆ ก็เป็นปัจจัยรองลงมาเท่านั้น (ซึ่งผู้ขับสามารถตั้งค่าได้แตกต่างออกไปตามความต้องการ) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่สามารถปรับแต่งได้ คือ น้ำหนักโดยรวมของตัวรถที่ 1,776 กก. ถือว่ามากเกินความจำเป็นของรถสปอร์ทสมรรถนะสูงไปเล็กน้อย ยิ่งเมื่อเทียบกับรถสปอร์ทที่มีน้ำหนักเบาเป็นจุดเด่นอย่าง FERRARI นับว่ายังห่างไกลกันพอสมควร โดยยังมีความแตกต่างที่ 200-300 กก. ถึงอย่างนั้นการตอบสนองโดยรวมยังคงทำได้เร้าใจ การผสมผสานกันระหว่างน้ำหนักโดยรวม และความฉับไวของการตอบสนอง ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่น้อยหน้ารถสปอร์ทระดับเดียวกันแม้แต่น้อย เป็นที่มาของการขับขี่ที่เร้าใจ และน่าประทับใจตามแบบรถสปอร์ทพันธุ์แท้ยุคดั้งเดิมเคยทำได้
มุมมองโดยรวมของแผงหน้าปัด บ่งบอกบุคลิกของตัวรถได้ชัดเจน อุดมไปด้วยการแสดงผล และปุ่มใช้งานมากมายรายล้อมผู้ขับ ทำให้ดูราวกับเป็นส่วนบังคับควบคุมของห้องเครื่องบินรบก็ว่าได้ การขับขี่สามารถเลือกโหมดได้ 4 รูปแบบพื้นฐาน และอีก 2 โหมดสามารถกำหนดค่าได้ตามความต้องการของผู้ขับ โดยมีโหมดการใช้สำหรับการขับขี่ทั่วไปมาให้ด้วย การใช้งานทำได้สะดวกสบายในแง่ของการเป็นรถสปอร์ทสมรรถนะสูง ขณะที่การตอบสนองในระบบอื่นๆ ยังมีให้เลือกอีกถึง 5 รูปแบบด้วยกัน รวมถึงการทำงานของระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ ไปจนถึงโหมด PERFORMANCE TRACTION ให้การตอยสนองที่ใกล้เคียงกับรถแข่งเต็มพิกัด มีความคล่องแคล่วขณะเข้าโค้งที่เฉียมคมอย่างถึงที่สุด
1. จอภาพแผงหน้าปัดแบบดิจิทอล ขนาด 12 นิ้ว
2. จอแสดงผลหลักขนาด 8 นิ้ว ทำมุมเอียงเข้าหาผู้ขับขี่ พร้อมระบบความบันเทิงระดับพรีเมียมของ CHEVROLET รุ่นที่ 3
3. ระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติ
4. ปุ่มหมุนสำหรับเลือกโหมดการขับขี่ถึง 5 โหมด และอีก 2 โหมดสำหรับการปรับแต่งความต้องการ ได้แก่ MY และ Z
5. ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ และการปรับอุณหภูมิของเบาะนั่ง
โอเวอร์สเตียร์ฉุดเวลาต่อรอบสนาม
พิจารณาจากการเป็นรถสปอร์ทสมรรถนะสูง CHEVROLET COVETTE Z06 รองรับการขับในช่วงความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องอาศัยการบังคับควบคุมที่มากเกินไป การเช้าโค้งความเร็วสูงด้วยความเร็วที่ใลก้ขีดจำกัดของตัวรถ สิ่งที่ทีมงานของเราพบหลังจากทะยานเข้าโค้งด้วยความเร็ว และเติมคันเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป นั่นคือ ส่วนท้ายของรถมีอาการท้ายปัดเล็กน้อย การแก้ไขไม่ยากเย็น เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่แบบทันทีทันใด และผู้ขับเพียงควบคุมพวงมาลัยอย่างเหมาะสมตามการคาดคะเนอาการที่เกิดขึ้นกับตัวรถที่กำลังจะเกิดอาการท้ายปัด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เสียเวลาต่อรอบสนามไปบางส่วนด้วย ในขณะที่โค้งความเร็วต่ำ การตอบสนองแบบค่อยเป็นค่อยไป และการเปลี่ยนทิศทางของตัวรถที่มีอาการหน่วงเล็กน้อย ต่างก็ส่งผลต่อเวลารอบสนามแข่งเช่นกัน ทำให้เวลาต่อรอบสนามด้อยกว่าคู่แข่งบางรายอย่างน่าเสียดาย ส่วนเครื่องยนต์ และชุดเกียร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวงมาลัยน่าจะตอบสนองได้ฉับไวกว่านี้ แต่การส่งผ่านความรู้สึกจากพื้นถนนสู่ผู้ขับทำได้ยอดเยี่ยม การหักเลี้ยวของล้อคู่หน้ามีความแม่นยำ พร้อมกับระบบเบรคที่ไม่มีอาการล้าให้สัมผัส และยังเบรคได้อบ่างหนักแน่นภายใต้การขับขี่แบบเน้นอัตราเร่งเต็มพิกัด ยางที่ใช้รองรับสมรรถนะได้อย่างยอดเยี่ยม สเปคที่ถูกปรับแต่งมาสำหรับ CORVETTE โดยเฉพาะ กับรหัสของยางสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ นั่นคือ รุ่น CUP 2 R เราจึงนำรถสปอร์ทรุ่นนี้ไปทดสอบในสนาม VAIRANO ที่ปรับแต่งสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ รองรับแรงเหวี่ยงในการเข้าโค้งได้สูงสุดถึง 1.4 จี
ระบบบันทึกอัตราเร่ง
เหล่านักขับที่ชื่นชอบการประลองสถิติความเร็วในสนามแข่งสามารถใช้งานระบบ PERFORMANCE ของตัวรถที่จะทำหน้าที่บันทึกข้อมูลต่างๆ รวมถึงบันทึกคลิพวีดีโออีกด้วย เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมากับตัวรถ ผู้ขับสามารถบันทึก แบ่งปันข้อมูล และวิเคราะห์ความเร็วในแต่ละช่วงของสนามแข่งได้ คลิพที่ถูกบันทึกมีความละเอียดสูง (ที่ 1080 พิกเซล ระดับ FULLHD) ตัวกล้องถูกติดตั้งด้านหลังของกระจกหน้า ขณะทำการบันทึกข้อมูล ผู้ขับสามารถมองเห็นการแสดงผลได้ผ่านหน้าจอหลัก หรือเซฟไฟล์บนคาร์ด SD ได้ การแสดงผลจะบอกข้อมูลของความเร็วที่ใช้ รอบเครื่องยนต์ แรง จี ขณะขับขี่ เส้นทางของสนามแข่ง และเวลาต่อรอบสนามที่ทำได้ นอกจากนี้ยังระบุอัตราเร่งในแต่ละช่วง และระยะเบรคอีกด้วย
การสืบทอดตำนานถึง 8 รุ่น
ตำนานของยอดรถสปอร์ทจากแดนคาวบอยเริ่มต้นขึ้นในปี 1953 เมื่อค่ายรถบริษัทแม่ในเวลานั้น นั่นคือ GM ต้องการพัฒนารถสปอร์ทสมรรถนะสูงตามคำเรียกร้องของลูกค้า แน่นอนว่าภายใต้ราคาที่ไม่สูงเกินไป การพัฒนารถสปอร์ทรุ่นแรกมีความน่าสนใจที่การนำวัสดุไฟเบอร์กลาสส์มาใช้กับตัวถังภายนอก ทายาทรุ่นที่ 1 (รหัส C1) ถูกเปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ขนาด 3.9 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติ 2 จังหวะ โดยในอีกไม่กี่ปีต่อมาขุมพลังถูกอัพเกรดเป็นแบบ วี 8 สูบ โดยบิดาผู้ให้กำเนิดสายพันธุ์ CORVETTE นั่นคือ วิศวกรชื่อ ZORA ARKUS-DUNTOV และด้วยชื่อของบุคคลผู้นี้ ถูกนำมาใช้เป็นชื่อของรุ่นพละกำลังสูงเป็นพิเศษ มีพละกำลังมากกว่ารุ่นล่าสุดรหัส C8 ด้วยซ้ำ โดยถูกเปิดตัวหลังรุ่นปกติหลังจากนั้นไม่กี่ปี มีชื่อว่า ZORA โดยจะถูกสลักชื่อไว้ในมุมลับสายตาที่ใต้ฝากระโปรงหน้า และต่อมามีการเพิ่มรุ่นติดตั้งระบบซูเพอร์ชาร์จเข้ามากับเครื่องยนต์ 5.5 ลิตร มีรหัส คือ Z06 กับกำลังสูงสุดถึง 1,000 แรงม้า เลยทีเดียว ในปี 1961 ทายาทรุ่นที่ 1 รหัส C1 ยังทำตลาดต่อเนื่อง มีจุดเปลี่ยนแปลง คือ การติดตั้งไฟหน้าทรงกลมคู่ และเป็นรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของรถสปอร์ทสายพันธุ์นี้เป็นเวลาหลายทศวรรษ บ่งบอกบุคลิกของตัวรถ และรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังสะดุดตาไม่เปลี่ยนแปลง ในปีเดียวกันก็ได้เวลาของการเปิดตัวทายาทรุ่นที่ 2 กับความโดดเด่นที่แตกต่างจากรุ่นแรกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบสปอร์ทคูเป (พร้อมกับฉายาที่เป็นตำนาน นั่นคือ STINGRAY) ไฟหน้าแบบพอพ-อัพ และเส้นสายที่เย้ายวนระดับคลาสสิค รุ่นถัดมา คือ รหัส C3 ที่มีอายุการทำตลาดยาวนานมากๆ กินเวลานานกว่า 3 ทศวรรษ ตั้งแต่ปี 1967 ถึง ปี 1982 โดยในปี 1973 มีการติดตั้งกันชนหน้าที่ใช้วัสดุพลาสติค มาถึงทายาทลำดับที่ 4 เปิดตัวในปี 1983 คือ รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่ง รหัส C4 โดยในปี 1986 ถูกเพิ่มทางเลือกด้วยรุ่นสปอร์ทเปิดประทุนอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานหลายปีกับตัวเลือกดังกล่าว ต่อมาก็ได้เวลาของการเพิ่มทางเลือกกับรหัสความแรงพิเศษ ZR-1 ถูกปลดลอคกำลังสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเวลานั้น (ที่ 375 แรงม้า) โดยในปี 1997 กับทายาทรุ่นถัดมา รหัส C5 มีการนำรหัสความแรง Z06 มาใช้อีกครั้ง โดยมีกำลังสูงสุดในช่วงแรกที่เปิดตัว คือ 385 แรงม้า และเพิ่มเป็น 405 แรงม้า ในเวลาต่อมา ถัดมา คือ ทายาทรุ่นที่ 6 ยอดรถสปอร์ทสัญชาติอเมริกันไม่มีไฟหน้าแบบ พอพ-อัพ อีกต่อไป รวมถึงการแยกจากบแรนด์ CHEVROLET (เป็นเหตุผลทางการตลาดที่ต้องแยกแยะรถสปอร์ทรุ่นนี้กับรถยนต์ที่ทำตลาดทั่วไปของยี่ห้อนี้ และมีการส่งออกทำตลาดในภูมิภาคอื่น) โดยมีรหัส คือ C6 มาถึงรุ่น C7 กับการนำฉายาดั้งเดิมของรุ่นก่อนหน้านี้มาใช้อีกครั้ง นั่นคือ STINGRAY หลายรุ่นที่กล่าวมาล้วนถูกนำมาทดสอบแล้วโดยทีมงานของ QUATTRORUOTE โดยการทดสอบครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 1997 โดยตารางด้านล่างแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะของทายาทแต่ละรุ่น
จุดแข็ง
แม้ผู้ขับต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่นับว่าคุ้มค่า เพราะเบรกแบบคาร์บอนเซรามิคมีจุดเด่น คือ ความทนทานของระบบเบรค เหมาะกับรถสปอร์ทสมรรถนะสูงของ CORVETTE
แพคเกจ Z07
ตัวย่อรหัส Z06 ย้อนกลับไปในปี 1963 ล่าสุดกับการนำเสนอเป็นครั้งที่สองของรถสปอร์ทรุ่นนี้ เดิมทีเป็นรหัสของตัวแข่งเมื่อหลายปีก่อนกับ CORVETTE รุ่นที่ 5 (ปี 1997) และต่อมากลายเป็นชื่อของรุ่นตกแต่งพิเศษ และเสริมสมรรถนะขึ้นมาจากรุ่นปกติ ด้วยอุปกรณ์เสริมสมรรถนะรอบคัน และใช้ชื่อรหัสว่า Z07 ซึ่งติดตั้งในรถทดสอบครั้งนี้ด้วย โดยแพคเกจนี้สนนาคาที่ 8,995 ยุโร สิ่งที่เสริมเข้ามา คือ ชุดเบรคแบบคาร์บอนเซรามิคของ BREMBO ยางกึ่งสลิค (ของ MICHELIN PILOT SPORT CUP 2 R) และการตั้งค่าเฉพาะสำหรับระบบกันสะเทือนแปรผันการตอบสนองด้วยสนามแม่เหล็ก นอกจากนี้ยังมีชุดเสริมหลักอากาศพลศาสตร์ให้กับตัวถัง ราคา 10,495 ยูโร ประกอบด้วยชุดตกแต่งตัวถังวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ปีกด้านหน้าตัวถัง (ทำให้ความยาวของตัวรถขสก 4,690 มม. เป็น 4,720 มม.) และสปอยเลอร์หลังรูปทรงโฉบเฉี่ยว
ล้อแมกคาร์บอนไฟเบอร์
หลังจากที่ FORD MUSTANG นำเสนอล้อแมกประเภทนี้ (กับรุ่นพิเศษ SHELBY GT350R) และตัวแรงของ FERRARI (เช่น 488 PISTA, SF90 STRADALE และ 296 GTB)
รถสปอร์ทระดับซูเพอร์คาร์ของ CHEVROLET ก็มีให้เลือกติดตั้งเช่นกัน (กับราคาที่ 11,995 ยูโร) และได้ประโยชน์ คือ การลดน้ำหนักลงอีก 18.6 กก.
จุดอ่อน
น้ำหนักตัวรถที่ 1,776 กก. ถือว่ามาเกินความเหมาะสม หากมองในแง่ของการเป็นรถสปอร์ทสมรรถนะสูง ระดับซูเพอร์คาร์ ที่มีคู่ปรับตัวฉกาจมากมาย
สัญลักษณ์ยานอวกาศ
บริเวณแคมชาฟท์ของเครื่องยนต์ทั้ง 2 ฝั่ง กับการทำงานคู่กันให้กับเครื่องยนต์รหัส LT6 มีฉายาว่า GEMINI ซึ่งเป็นคำที่พ้องกับชื่อของยานอวกาศ เห็นได้จากรูปยานอวกาศที่ถูกสลักลงไปบริเวณดังกล่าวของเครื่องยนต์ วี 8 สูบ และเป็นการบ่งบอกว่า CORVETTE คือ หนึ่งในรถสปอร์ทที่บรรดานักบินอวกาศมีความต้องการที่จะครอบครองมากที่สุด เครื่องยนต์แต่ละบลอคจะประกอบด้วยมือโดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมลายเซ็นด้านบนตัวเครื่อง