Quattroruote ทดสอบ
PORSCHE 911 รถสปอร์ทดั้งเดิมยังจำเป็นหรือไม่
ข่าวนี้เป็นหนึ่งในข่าวที่เป็นกระแสพอสมควร คล้ายๆ กับตอนที่ซีรีส์ 996 ออกมาในปี 1997 เป็นปีที่เปลี่ยนผ่านจากการระบายความร้อนด้วยอากาศมาเป็นน้ำ ในยุคนั้น ผู้ที่นิยมความดั้งเดิม คิดว่า 911 จบสิ้นแล้ว และแม้กระทั่งทุกวันนี้ เมื่อคำนึงถึงการมาถึงของการใช้ระบบไฟฟ้าในเครื่องยนต์บอกเซอร์ แบบ 6 สูบ ก็ยังมีผู้คนสงสัยเกี่ยวกับชะตากรรมในอนาคตของรถสปอร์ทที่โดดเด่นที่สุดจากเมืองชตุทท์การ์ท เป็นเรื่องจริงที่เมื่อพิจารณาจากช่วงหลังๆ นี้
กลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านของ PORSCHE ที่กล้าเปลี่ยนโมเดลที่ขายดีที่สุดอย่าง MACAN (มาคัน) ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ไม่มีทางเลือกเครื่องยนต์สันดาป ก็อาจเกิดข้อสงสัยขึ้นได้บ้าง: มีคนเคยกังวลกับแนวคิดเกี่ยวกับ 911 ที่ใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริด กับน้ำหนักตัวร่วม 2 ตัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนี่เป็นโมเดลที่ต้องใช้งานด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง และที่บริษัทผู้ผลิต พวกเขารู้ดีถึงเรื่องนี้ การก้าวไปสู่ยุคไฮบริดของซีรีส์ภายใต้รหัส 992.2 (ซึ่งมีการปรับแต่งด้านการขับขี่เล็กน้อยด้วย) จึงดำเนินการอย่างชาญฉลาด และไม่ยุ่งยากเกินไป
เบื้องหลังคำย่อ T-HYBRID คือ สิทธิพิเศษเฉพาะของรุ่น GTS ของ 911 รุ่นมาตรฐานที่มีกำลังสูงสุด 394 แรงม้า ยังคงเป็นเครื่องยนต์สันดาปล้วน มีระบบไฮบริดที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เครื่องยนต์บอกเซอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำ แต่ครอบคลุมช่วงการใช้งานทั้งหมด แม้กระทั่งเมื่อผู้ขับใช้งานอย่างหนักจริงๆ ถือเป็นวิธีหนึ่งในการก้าวไปข้างหน้าในการทำงานโดยคำนึงถึงกฎระเบียบเรื่องมาตรฐานไอเสีย EURO 7 ที่จะเข้มงวดยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังคงต้องมีการกำหนดขอบเขตอย่างชัดเจน การขับรถ 911 ภายใต้ระบบไฮบริด ในทางปฏิบัติหมายถึงอะไร ? จริงๆ แล้วไม่มีอะไรน่าตกใจเป็นพิเศษ ประสบการณ์การขับขี่ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้น ความเพลิดเพลินในการขับขี่จึงไม่ลดน้อยลงเลย เนื่องจากส่วนประกอบแต่ละชิ้นของระบบไฮบริดได้รับการออกแบบมาไม่ให้รบกวน หรือลดทอนคุณลักษณะเฉพาะบางอย่างของรถ ตัวอย่างเช่น น้ำหนักโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียง 50 กก. และแทบจะไม่รู้สึกได้แม้จะขับด้วยความเร็วสูงสุด แบทเตอรีลิเธียมที่วางไว้ด้านหน้าจะไม่กินพื้นที่จากช่องเก็บของด้านหน้าอันมีค่า ซึ่งยังคงใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย และรถยนต์ไม่มีการขับเคลื่อนในโหมดไฟฟ้า ดังนั้น จึงไม่มีผลกระทบต่อระบบไฮบริดเต็มรูปแบบพร้อมการจุดระเบิดซ้ำด้วยความร้อนอย่างต่อเนื่อง กล่าวโดยย่อ ทุกสิ่งที่อาจรบกวนผู้ที่คาดหวังต่างก็ได้การปรับแต่งมาเป็นอย่างดี ความสนุกสนานในการขับขี่กับ 911 ยังถูกรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี
แนวคิดที่ลงตัว
หากมีบางประเด็นที่น่าสนใจ คือ ระบบไฟฟ้าที่ทำงานกับเครื่องยนต์สันดาปที่ตั้งอยู่ระหว่างชุดเกียร์ และขุมพลังสูบนอน บอกเซอร์ ด้วยกำลังสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 54 แรงม้า เสริมอัตราเร่งได้ดี อาจไม่ชัดเจนนักขณะทำอัตราเร่งเต็มที่ แต่ในช่วงอัตราเร่งสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งจากจุดหยุดนิ่ง หรือขณะออกจากโค้ง ทำให้มีอัตราเร่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในระหว่างการทดสอบ ทีมงานของเราเริ่มเล่นกับโหมด MANUAL ของเกียร์ พยายามเพิ่มความเร็วด้วยเกียร์สูง และรอบเครื่องยนต์ต่ำ ประสิทธิภาพก็น่าทึ่งจริงๆ ณ จุดนี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากทางผู้ผลิต คือ 9.5 กม./ลิตร เทียบกับตัวเลขที่ 9.3 กม./ลิตร ของรุ่นก่อนหน้านี้ แม้ว่าอัตราเร่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่หลายคนใส่ใจ ซึ่งเราจะทดสอบบนสนามแข่ง VAIRANO เพื่อประเมินประสิทธิภาพของเครื่องยนต์มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผู้ขับ 911 เลย ตรงกันข้าม นวัตกรรมทางเทคนิคยังคงถูกพัฒนาต่อไป โดยที่รุ่น GTS ติดตั้งระบบบังคับเลี้ยวล้อคู่หลังเป็นมาตรฐาน และเหล็กกันโคลงของ PORSCHE เสริมการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ระบบ 400 โวลท์ ของไฮบริด จึงตอบสนองได้ดีขึ้น (เช่นเดียวกับระบบยกความสูงของช่วงล่างด้านหน้าซึ่งใช้เวลาเพียง 1 วินาทีในการยกตัวรถสูงขึ้นได้อีก 40 มม.) เมื่อรวมกับการปรับแต่งช่วงล่างที่หนึบแน่นขึ้น และระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิค (พร้อมจานเบรคหน้าขนาด 420 มม. ซึ่งมากกว่าเดิมอย่างชัดเจน) สิ่งเหล่านี้ช่วยให้รุ่น GTS เป็นรถที่คุ้มค่ามาก แม้กระทั่งสำหรับการใช้ในสนามแข่ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่สายพันธุ์ตัวแข่ง GT3 และไม่ต้องการจะเป็นตัวแรงมากมายขนาดนั้น แต่สิ่งที่น่าประทับใจกับความนิ่งของตัวถังเมื่อถึงขีดจำกัด: อาการโคลงของตัวถังเพียงเล็กน้อย ความแม่นยำที่ยอดเยี่ยมของล้อคู่หน้า และความเสถียรที่โดดเด่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ 911 รุ่นมาตรฐานในการเบรค และเข้าโค้ง อย่างไรก็ตาม ระหว่าง GTS ขับเคลื่อนล้อหลังกับขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ความแตกต่างที่น่าสังเกตเพียงอย่างเดียว คือ อาการท้ายปัดที่มากขึ้นเมื่อเข้าโค้ง
สำหรับภายในห้องโดยสาร ความประณีตส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ใช้งานที่ทันสมัย แม้ว่าจะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอีกประการหนึ่งด้วย: ในการสตาร์ทเครื่องยนต์สูบนอน บอกเซอร์ กับปุ่มใช้งานทางฝั่งซ้ายมือผู้ขับที่คุ้นเคยอยู่ซึ่งใช้งานได้จริง แต่ค่อนข้างแตกต่างจากท่าทางปกติของมือในการหมุนกุญแจครั้งแรก และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การสตาร์ทแบบลูกบิด ซึ่งเป็นคุณลักษณะเด่นของ 911 ทุกคันมาโดยตลอด ชวนให้นึกถึงการใช้งานแบบดั้งเดิมไม่น้อย แผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับมาตรวัดถูกใช้งานครั้งแรก โดยในรถสปอร์ทรุ่นนี้เป็นแบบดิจิทอลทั้งหมด (ก่อนหน้านี้มาตรวัดรอบจะยังเป็นแบบหน้าปัดแอนาลอก) ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยนให้มองเห็นได้ในทุกสภาพ โดยในอดีต เม็ดมะยมบนพวงมาลัยจะซ่อนปลายไว้ มาตรวัดสามารถกำหนดค่าได้หลากหลาย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานแผนที่แบบเต็มหน้าจอ มาตรวัดทรงกลมแบบคลาสสิค 5 อัน เป็นต้น และยังมีมุมมองของมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่ชวนให้นึกถึงรถแข่ง PORSCHE รุ่นอื่นๆ
ในอดีต การทำงานของเข็มวัดจะตวัดแบบทวนเข็มนาฬิกาเพื่อแสดงรอบเครื่องยนต์สูงสุดที่ด้านบนตรงกลาง แน่นอนว่า ระบบเครื่องเสียงรองรับ APPLE CAR PLAY ถูกผสานเข้ากับระบบความบันเทิงมากขึ้น พร้อมรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI ด้วย ตอนนี้ผู้ขับสามารถจัดการทำงานของระบบควบคุมเสียง และการแสดงผลสภาพอากาศ และมีแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายสูงสุด 15 วัตต์ ติดตั้งบริเวณใต้ที่วางแขน
พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่หมด
เครื่องยนต์สูบนอน บอกเซอร์ (ความจุ 3.6 ลิตร) มีตำแหน่งต่ำลงมาจากเดิม 110 มม. สำหรับอุปกรณ์ระบบไฮบริด มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ พร้อมระบบเทอร์โบแบบไฟฟ้า
รุ่น CARRERA GTS
ข้อมูลของรถทดสอบจากผู้ผลิต
เครื่องยนต์
- วางด้านท้ายตามยาว
- แบบ เบนซิน เทอร์โบ 6 สูบนอน
- ความจุ 3,591 ซีซี
- กำลังสูงสุด 357 กิโลวัตต์/485 แรงม้า ที่ 6,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 570 นิวทันเมตร/58.1 กก.-ม. ที่ 1,500-5,500 รตน.
ระบบไฮบริด
- มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ 400 โวล์ท
- กำลังสูงสุด 41 กิโลวัตต์/56 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 150 นิวทันเมตร/15.3 กก.-ม.
กำลังทั้งระบบ
- กำลังสูงสุด 398 กิโลวัตต์/541 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 610 นิวทันเมตร/62.2 กก.-ม.
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
- ระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.0 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.5 กม./ลิตร
- ค่าไอเสียเฉลี่ย 238 กรัม/กม.
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,450 มม.
- ความยาว 4,550 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,290 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,595 กก.
ราคา
- 177,518 ยูโร (ประมาณ 6,230,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
ข้อมูลทางเทคนิค ยกระดับขุมพลังอีกขั้น
จุดเด่นสำคัญของเครื่องยนต์ไฮบริดของ PORSCHE มีชื่อเรียกว่า T-HYBRID มี 2 ประการด้วยกัน นั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้าถูกติดตั้งต่อจากชุดเกียร์ และติดตั้งระบบเทอร์โบแบบไฟฟ้า ภายใต้ระบบแบทเตอรีแบบ 400 โวล์ท มีความจุที่ 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยส่วนของมอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุดที่ 40 กิโลวัตต์/54 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 150 นิวทันเมตร/15.3 กก.-ม. ส่งกำลังร่วมกับเครื่องยนต์สูบนอน บอกเซอร์ ไม่มีชุดคลัทช์แยก ทำให้มีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางสั้นๆ (ระบบไฮบริดทั้งหมดมีน้ำหนักเพียง 50 กมม. จากน้ำหนักทั้งหมดของตัวรถ) การทำงานหลักจึงเป็นการเสริมกำลังให้กับเครื่องยนต์สันดาปมากกว่า ถัดมา คือ ระบบเทอร์โบควบคุมด้วยไฟฟ้า หรือเรียกชื่อว่า E-TURBO ทำหน้าที่ระบบอัดอากาศ ขณะที่มอเตอร์ขนาดเล็ก กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์/15 แรงม้า ถูกติดตั้งบริเวณแกนเทอร์โบ และชุดแกนส่งกำลังทำหน้าที่หมุนใบเทอร์โบ ทำให้มีการตอบสนองคันเร่งที่ฉับไว นอกจากนี้วาล์วปรับแรงดันเทอร์โบก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ชุดเทอร์โบสามารถทำหน้าที่เป็นตัวสร้างกระแสไฟฟ้าได้ด้วย (ทั้งการชาร์จไฟฟ้าสู้แบทเตอรี หรือการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า) ควบคุมแรงดันเทอร์โบได้คงที่ (สูงสุด คือ 1.3 บาร์) มีกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้งานมากยิ่งขึ้น ทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ระบบไฮบริดมีประสิทธิภาพตลอดเวลา เนื่องจากการมีกระแสไฟฟ้าป้อนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสมแม้ในขณะที่ขับขี่แบบเน้นอัตราเร่ง การควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าถูกนำมาใช้งานกับเครื่องยนต์สันดาปแบบสูบนอน รวมถึงชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ PDK โดยเครื่องยนต์สันดาปถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ มีความสูงลดลงมาอีก 110 มม. เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับระบบไฮบริด และมีความจุกระบอกสูบเพิ่มขึ้น จาก 3.0 เป็น 3.6 ลิตร ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติคลัทช์คู่ถูกปรับปรุงให้รองรับแรงบิดสูงได้ดียิ่งขึ้น
แบทเตอรี
ระบบไฟฟ้าแบบ 400 โวล์ท กับแบทเตอรีความจุ 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประกอบด้วยระบบเซลส์แบทเตอรีตำนวน 216 เซลส์ มีน้ำหนักที่ 27 กก. เท่านั้น และภายใต้น้ำหนัดังกล่าว มาจากการใช้งานชุดแบเทตอรีแบบลิเธียม-ไอออน แทนที่แบบวัสดุตะกั่วแบบดั้งเดิม มีน้ำหนักเพียง 7 กก.
เครื่องสูบนอน บอกเซอร์
ส่วนเครื่องยนต์ถูกลดระดับลงมา 110 มม. เพื่อการมีพื้นที่ติดตั้งชุดระบบไฮบริด ระบบไฟฟ้าแบบ AC/DC และชุดระบบไฟฟ้าติดตั้งอยู่ด้านบนของชุดควบคุมกระแสไฟฟ้า สำหรับการใช้งานระบบเครื่องนต์แบบไฮบริด
ยกระดับระบบเกียร์ PDK
ชุดเกียร์ถูกติดตั้งต่อเนื่องจากส่วนท้ายรถที่วางเครื่องยนต์อยู่ เชื่อมต่อกับชุดมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 41 กิโลวัตต์/56 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 150 นิวทันเมตร/15.3 กก.-ม. พร้อมเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะแบบ PDK พัฒนาชุดคลัทช์ให้รองรับพละกำลังได้ดีขึ้น
โครงสร้างตัวถังแข็งแกร่ง
ระบบช่วยเลี้ยวล้อคู่หลังเป็นหนึ่งในอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น GTS พร้อมระบบเหล็กกันโคลงที่แปรผันการตอบสนองได้ ช่วยให้การตอบสนองขณะหักเลี้ยวมีความมั่นคง และฉับไวยิ่งขึ้น ภายใต้ระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ไฮบริดแบบ 400 โวล์ท
ระบบ E-TURBO
ภายในชุดเทอร์โบมีการติดตั้งชุดสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ากับแกนเทอร์โบ มีกำลังในการสร้างกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่ 11 กิโลวัตต์ และสามารถใช้แรงหน่วงของเทอร์โบแปลงเป็นหลังงานไฟฟ้าอีกทางหนึ่ง
ส่วนท้ายของตัวรถถูกปรับปรุงตำแหน่งของป้ายทะเบียนบนกันชนหลัง ในรุ่น GTS ท่อไอเสียถูกติดตั้งบริเวณตรงกลางด้านล่างของกันชนท้าย ด้านหน้ามีการติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายแบบยกตัวขึ้นอัตโนมัติ และไฟหน้าแบบ แอลอีดี ปรับการส่องสว่างได้หลากหลาย