Lamborghini โชว์เทคโนโลยีล้ำ กับระบบการปรับมุมล้อแบบอัตโนมัติ ที่สามารถปรับมุมล้อได้ตามลักษณะการขับขี่ โดยร่วมมือกับ Audi ทดสอบใน Lamborghini Huracan Evo RWD ปรับได้ทั้งมุมแคมเบอร์ และมุมโท
มุมล้อ ซึ่งประกอบด้วย มุมแคมเบอร์ กับมุมโท ไม่ว่าจะเป็นแบบบวก หรือลบ จะมีทั้งข้อดี และข้อด้อย อยู่ด้วยกันแบบได้อย่างเสียอย่าง ดังนั้น หากรถสามารถปรับมุมล้อได้เองขณะขับ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น มีความแม่นยำในทางตรง และโดดเด่นในทางโค้ง ก็คงจะดีไม่น้อย ซึ่งล่าสุด Lamborghini ได้นำเสนอระบบปรับมุมล้ออัจฉริยะแบบที่ว่าในชื่อ “Active Wheel Carrier”
ปัจจุบันระบบนี้ยังเป็นงานต้นแบบ และได้ทดลองติดตั้งเพื่อทดสอบกับ Lamborghini Huracan Evo รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง โดยเป็นการพัฒนาร่วมกับวิศวกรของ Audi ซึ่งแนวคิดนี้ได้พัฒนาให้ล้อขับเคลื่อน สามารถปรับมุมแคมเบอร์ได้เอง โดยมุมแคมเบอร์สามารถปรับเป็นบวก ได้มากถึง 2.5 องศา และสามารถแบะออกเป็นแคมเบอร์ลบ ได้ถึง 5.5 องศา ส่วนมุมโท สามารถปรับได้มากถึง 6.6 องศา ทั้งโท-อิน และโท-เอาท์ หัวใจของระบบนี้ คือ มอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลท์ ที่ใช้ขับเคลื่อนฟันเฟืองที่ติดตั้งเข้ากับ “ดุมล้อหลัง” ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนมุมล้อได้อย่างรวดเร็ว ถึง 60 องศา/วินาที
ดังนั้น ในการใช้งานจริงที่มีการปรับเพียงไม่กี่องศา จึงทำได้ภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น โดยเป็นการทำงานอัตโนมัติจากข้อมูลที่ประมวลผลจากเซนเซอร์ต่างๆ ในรถ มอเตอร์ไฟฟ้าระบบ 48 โวลท์ ทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าแบบ 400 โวลท์ ที่พัฒนาขึ้นใช้แก่รถรุ่น พลัก-อิน ไฮบริด และรถไฟฟ้า ของค่าย Volkswagen และ Audi โดยข้อมูลจากเซนเซอร์ทั้งหมดจะถูกใช้งานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Stability Control) ระบบกระจายแรงบิด (Torque Management) และระบบอากาศพลศาสตร์ จากการทดสอบ ระบบ Active Wheel Carrier ช่วยลดเวลาต่อรอบในการทดสอบที่สนามต่างๆ ลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็น เวลาต่อรอบที่สนาม Nardo ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ลดลงถึง 2.5 วินาที และเวลาต่อรอบที่สนาม Nurburgring ลดลงถึง 4.8 วินาที !
ที่มาภาพ https://www.pistonheads.com/news/ph-driven/lamborghini-reinvents-the-wheel-carrier/48219
ผลลัพธ์นี้ได้มาจากการที่ล้อหลังสามารถปรับเปลี่ยนมุมล้อที่ดีที่สุด สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ แม้ว่าจะเป็นมุมเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถยกระดับของการขับขี่ได้อย่างมาก เพราะมันทำให้เข้าโค้งได้ด้วยแรงจีที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 25 % เทียบเท่ากับการเปลี่ยนจากยางสปอร์ทติดรถ ไปใช้ยางประเภท Semi Slick เลยทีเดียว เทคโนโลยีนี้ยังเปิดโอกาสให้วิศวกรได้ทดลองความเป็นไปได้ใหม่ๆ อาทิ ใช้ยางหน้ากว้างขึ้น หรือลดความแข็งของสปริง ไปจนถึงการใช้ยางหน้า และหลังที่มีเนื้อยางแตกต่างกัน เพื่อหาส่วนผสมที่ลงตัวร่วมแก่ระบบปรับมุมล้ออัตโนมัตินี้ เนื่องจากระบบนี้จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในรถที่มีระบบไฟฟ้าแรงดันสูง ดังนั้น จึงเชื่อว่ามันจะกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถรุ่นใหม่ ที่จะมาแทนที่ Lamborghini Huracan ซึ่งจะใช้ขุมพลังแบบ วี 8 สูบ ทวินเทอร์โบ พลัก-อิน ไฮบริดอย่างแน่นอน