เมื่อปลายเดือนมิถุนายนขณะที่เราเขียนเรื่องนี้ น้ำมันของโลกเป็นข่าวใหญ่ ผลกระทบชีวิตชาวโลก ประการแรก ชั่วเวลาพรึ่บเดียวเผาชีวิตมนุษย์ตายเป็นร้อย ขณะที่ในทะเลน่านน้ำมาเลเซีย น้ำมันดีเซลถูกลำเลียงจากสิงคโปร์มาไทย ถูกโจรสลัดปล้น 1.5 ล้านลิตร และประการสุดท้าย ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกตกเหวการซื้อขายน้ำมันเป็นรองแค่ทองคำ เพราะพลังงานของโลกได้จากน้ำมัน ผู้ผลิตน้ำมันรวยทุกคน ดัชนีราคาหุ้นน้ำมันในตลาดหลักทรัพย์ คือ ผู้กำหนดสภาพตลาด ที่ปากีสถาน แคว้นปัญจาบ เช้าตรู่ของวันอาทิตย์เกิดอุบัติภัยบนถนน รถบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่/ยางแตก ขณะวิ่งจากท่าเรือเข้าเมืองลาฮอร์ พลิกคว่ำทำให้น้ำมัน 40,000 ลิตร ไหลท่วมถนนทางหลวง ชาวบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุเฮโลเข้าไปตักน้ำมันอย่างอลหม่าน ราวกับงานเทกระจาดนับ 100 คน การตักเก็บน้ำมันดำเนินไปได้ประมาณ 10 นาที เกิดโศกนาฏกรรมไฟลุกพรึบในชั่วพริบตาเดียว ทะเลน้ำมันบนทางหลวงกลายเป็นทะเลเพลิงในบัดดล ในชั่วเวลาพริบตาเดียวนั้นเอง ไฟกระชากชีวิตมนุษย์ไปกว่า 100 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน ที่ตายตามไปอีกไม่รู้เท่าไร มรณกรรมครั้งนี้ไม่จำกัดเพศและอายุ มีทั้งหญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย นอกจากชีวิตมนุษย์ล้มตายแล้ว ทรัพย์สินยังวินาศ รถยนต์จอดอยู่ในบริเวณใกล้เคียง 8 คัน จักรยานยนต์อีกกว่า 30 คัน ไม่เหลือซาก ตามข่าวที่รายงาน พบว่า มีผู้พยายามจุดบุหรี่สูบ เป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรม วันเดียวกัน เรือบรรทุกน้ำมันดีเซลชื่อ C.P. 41 สัญชาติไทย ลำเลียงน้ำมันจำนวน 3.8 ล้านลิตรจากสิงคโปร์ นำส่งท่าเรือที่สงขลา แล่นเรือมาถึงน่านน้ำเมืองกวนตัน ประเทศมาเลเซีย มีโจรสลัดเข้าปล้น วิธีการปล้น ก็คือ ขับเรือเร็วประกบเรือน้ำมัน ตัดสัญญาณการสื่อสารบนเรือเรียบร้อย ก่อนขนถ่ายน้ำมันลงเรือโจรไปได้ 1.5 ล้านลิตร หลบหนีลอยนวล กัปตันและลูกเรือทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย ห้วงเวลาดังกล่าว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ร่วงกราวใหญ่ จาก 50 เหลือ 40 เป็นการร่วงหล่นจำนวนเงินมหาศาล มีอิทธิพลและความหมายต่อโลก ธนาคารสหรัฐอเมริกามองว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเห็นทีจะไม่รอด 30/บาร์เรล นี่คือน้ำมัน ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อทุกครอบครัวชาวปากีสถาน กรณีอุบัติภัยอันน่าสยดสยอง เป็นกรรมวิธีได้มาซึ่งน้ำมันที่แตกต่างกับการเข้าปล้นของโจรสลัดราวกับฟ้าดิน ส่วนราคาน้ำมันดิบที่ร่วงกรู ไม่ถึงสัปดาห์ ดีดกลับขึ้นมาเล็กน้อย นอร์เวย์ มีรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าสูงสุด โดยเฉพาะกรุงอสโล ผมจะเขียนเรื่องน้ำมันอีกทีก็เห็นจะเป็นวันที่กรุงเทพฯ กลายเป็นอสโลนั่นแหละครับ...!