คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการประชุมเป็นประจำทุกสัปดาห์ เป้าหมายในการประชุมก็เพื่อ ประเทศชาติและประชาชน ด้วยการลงมติให้ความเห็นชอบแต่ละโครงการอย่างเหมาะสมเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมระหว่างปลายเดือนประวัติศาสตร์ “ตุลาคมแห่งชาติประชาชน” มีข่าวคณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา 849 เครื่อง วงเงินกว่า 573,000,000 บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพามีราคาซื้อเครื่องละ 675,000 บาท ข่าวนี้ เป็นอาหารโอชะของนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองจากพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือ ประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย วิลาศ จันทร์พิทักษ์ ฝ่ายประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกต ชี้ว่า เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้รัฐบาลมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น THAILAND 4.0 และท่านนายกฯ ก็พูดด้วยว่า ข้อสำคัญข้อหนึ่งในการทำงานของรัฐบาล คือ ...ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนกันเพื่อประหยัดงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน และเพื่อลดปัญหาการทุจริตคอร์รัพชัน... ด้วยข้อสังเกตนี้ วิลาศ จึงมึนตึ้บ เมื่อครม. เห็นชอบ การจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพาดังกล่าว เพราะขัดแย้งกับข้อสำคัญการทำงานของรัฐบาล เช่น มหาดไทยซื้อมาก็ไม่ได้ใช้เอง ส่งต่อให้ตำรวจ ซึ่งมหาดไทยก็ไม่ใช่ต้นสังกัดของตำรวจ อีกประการหนึ่ง งบประมาณเพื่อการจัดซื้อครั้งนี้เป็นการใช้งบกลาง ซึ่งมีหลักการสำคัญว่า ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ข้อสังเกตอีกข้อหนึ่ง คงสำคัญเช่นกัน โดย วิลาศ ระบุราคาเครื่อง เป็นชนวนให้เกิดความแคลงใจ เพราะเดิมทีจะซื้อ 1,064 เครื่อง เฉลี่ยราคาเครื่องละ 900,000 บาท หลังมีก้อนหินโยนถามทางลงมาแล้ว เหลือหกแสนเจ็ดก็ยังแพงอยู่ดี วัฒนา เมืองสุข แกนนำฝ่ายเพื่อไทย โพสต์เฟศบุคสั้นๆ ว่า “ตระกูล ป. เอาอีกแล้ว” วิลาศ เป็นอดีตสมาชิกผู้แทนราษฎร กทม. ผมขอเสนอให้นั่งตำแหน่ง มท.1 ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล ส่วน วัฒนา เมืองสุข อดีตเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ผมเห็นชอบให้นั่งตำแหน่ง รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น่าจะเข้าขากับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟศบุค บางทีมุกระหว่างคนทั้งสองชาติอาจจะทันกัน ผมบันทึกเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังในเดือนสุดท้ายของปีระกา เพราะเห็นชอบว่าเหมาะสมยิ่งถ้าการจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา เป็นมติครม. ส่งท้ายปลายปี และไม่สมควรหวนกลับมาอีกในปีจอ...!