เยอรมนี-เปิดตัวแล้วเมื่อปลายเดือนมกราคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป แต่ต้องรอจนถึงไตรมาส 2 ของปีหมูทองร้องหาแม่นี่แหละจึงจะเริ่มการจำหน่าย คือ รถเก๋งซีดานสุดหรูติดป้ายชื่อ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-7 (BMW 7-SERIES) รุ่นใหม่ไม่ใช่รถรุ่นใหม่แท้ๆ อย่างที่เรียกกันในบ้านเราว่าใหม่หมด แต่เป็นรถรุ่นปัจจุบัน (รุ่นที่ 5) ซึ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อปลายปี 2015 และเพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบยกหน้าช่วงกึ่งกลางชีวิต อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า MID-LIFE FACELIFT นั่นเอง ที่สำคัญก็คือ การปรับปรุงครั้งนี้กระทำทั้งกับตัวถัง และกลไก เช่นเดียวกับรถรุ่นปัจจุบัน รถรุ่นใหม่นี้มีตัวถังให้เลือก 2 แบบ คือ ตัวถังฐานล้อมาตรฐาน กับตัวถังฐานล้อยาว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ ขนาดความยาวของตัวถังทั้ง 2 แบบนี้ เพิ่มขึ้น 2.2 ซม. เป็น 5.120 และ 5.260 ม. ตามลำดับ ในขณะที่ความกว้าง 1.902 ม. และสูง 1.467-1.479 ม. เท่าเดิม ในส่วนของตัวถังภายนอก สิ่งที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันมีอยู่มากมาย ตัวอย่าง คือ แผงกระจังหน้ารูปไตที่ออกแบบขึ้นใหม่ และมีขนาดโตขึ้นถึงร้อยละ 40 กันชนหน้า และกันชนหลังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด กระจกหน้าต่างที่หนาขึ้นถึง 5.1 มม. กระทะล้ออัลลอยแบบใหม่ ฯลฯ ส่วนภายในห้องโดยสารความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ด้วยตามีอยู่ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มคุณภาพวัสดุ ส่วนการเปลี่ยนแปลงด้านเครื่องยนต์กลไกก็มีอยู่มาก มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงสมรรถนะ และประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งในกรณีของเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์ดีเซล และระบบขับไฮบริด กล่าวโดยสรุป ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกตามขนาดเครื่องยนต์ และชนิดตัวถังรวม 14 โมเดล แยกเป็นรถเบนซิน 3 โมเดล คือ BMW 750I XDRIVE-BMW 750LI XDRIVE-BMW M760LI XDRIVE เป็นรถดีเซล 8 โมเดล คือ BMW 730D-BMW 730LD-BMW 730D XDRIVE-BMW 730LD XDRIVE-BMW 740D XDRIVE-BMW 740LD XDRIVE-BMW 750D XDRIVE-BMW 750LD XDRIVE และเป็นรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก 3 โมเดล คือ BMW 745E-BMW 745LE-BMW 745LE XDRIVE