บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดกิจกรรม "ALL-NEW ISUZU D-MAX...INFINITE POTENTIAL PRESS TRIP" ชวนสื่อมวลชนร่วมขบวนขับรถท่องเที่ยวบนเส้นทางเชียงใหม่-เชียงดาว สัมผัสธรรมชาติบริสุทธิ์ อากาศหนาวเย็นบนยอดดอย และได้ลองขับ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ใหม่ พลานุภาพ...พลิกโลก ! รุ่นล่าสุด โดยพาหนะคู่ใจในทริพนี้ เป็นรถรุ่น 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิด 46.0 กก.-ม. (450 นิวตัน-เมตร)ขบวนเริ่มต้นจาก อ. เมืองเชียงใหม่ หลังจากฟังบรรยายสรุปพโรแกรม และเส้นทางจาก อ. พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการจัดทริพ เรามุ่งหน้าสู่โป่งแยงจังเกิลโคสเตอร์ และซิพไลน์ อ. แม่ริม ระยะทางช่วงแรก 36.1 กม. เพื่อร่วมกิจกรรมสุดแอดเวนเจอร์ พื้นที่โดยรอบเป็นป่า และเขา เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย ตื่นเต้น ท้าทาย และเร้าใจ โดยมีอุปกรณ์เครื่องเล่นมากกว่า 5 ประเภท อาทิ จังเกิลโคสเตอร์, ซิพไลน์, ปั่นจักรยานบนเชือกสลิง, ชิงช้ายักษ์ และควิคจัมพ์ เป็นต้น เราใช้เวลาพอสมควร สนุกสนานกับเครื่องเล่นต่างๆ จากนั้นขบวนเริ่มออกเดินทางต่อ โดยมีจุดหมายที่ไร่ชาลุงเดช ระยะทางประมาณ 59.9 กม. บนถนนสารพัดรูปแบบ ทั้งทางเรียบ ทางตรง ทางลูกรัง ขรุขระ ทางชันบนภูเขา แต่ประสิทธิภาพของ อีซูซุ ดี-แมกซ์ ใหม่ "เอาอยู่" การขับขี่เชื่อใจได้ในประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ทรงพลัง อัตราเร่งแซงฉับไว ไว้ใจได้ทุกสถานการณ์ เราลองทำอัตรา สิ้นเปลืองเฉลี่ยแบบคร่าวๆ ในเส้นทางช่วงสั้นๆ พบว่า ตัวเลขที่ระดับ 15.2 กม./ลิตร เป็นตัวเลขที่ดูดีมากกับการขับขี่ที่ต้องใช้ความเร็วในการเดินทาง และมีการเร่งแซงเป็นช่วงๆ สิ่งที่ประทับใจในรถคู่ใจครั้งนี้ นอกจากหน้าตาที่ปรับใหม่ ให้ดูเฉี่ยว คม และดุดันแล้ว การคัดสรรวัสดุมาผลิตห้องโดยสารดูดีมาก พื้นผิวสัมผัสต่างๆ ยกระดับความเนี้ยบ และหรูขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ดีไซจ์นห้องโดยสารแบบ SHARP HORIZONTAL LAYERS เล่นระดับ ทำให้ห้องโดยสารดูมีมิติกว้างขึ้น สะใจกับหน้าจอระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ ขนาด 9 นิ้ว ให้คุณภาพระดับ HD ใช้งานง่าย พร้อมฟังค์ชันมากมาย และรองรับระบบ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO...ขอชมจากใจเลยว่า การดีไซจ์นแผงหน้าปัดรูปแบบใหม่นี้ สวยงาม และดูหรูหรามากๆ กลับมาที่ไร่ชาลุงเดชกันต่อ ซึ่งตั้งอยู่ใน อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่ ใกล้ๆ กับโครงการหลวงม่อนเงาะ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชม. เป็นไร่ชาที่มีการปลูกต้นชาตามแนวขั้นบันไดไล่ลงไปตามแนวสันเขา และมีไฮไลท์อยู่ที่บ้านพัก ซึ่งหันหน้าออกสู่ไร่ชา ทำให้ได้บรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด เบื้องหน้าเป็นวิวขุนเขา และยังสูดโอโซนบริสุทธิ์ได้เต็มปอดอีกด้วย เราเดินทางออกจากไร่ชาลุงเดชในช่วงเย็น รับชมแสงอาทิตย์ก่อนลับเหลี่ยมขุนเขา ทำให้ได้เห็นภาพที่งดงามของธรรมชาติ...เป้าหมายต่อไปของการเดินทางวันแรก เรามุ่งหน้าเข้าที่พักใน อ. เชียงดาว ด้วยระยะทาง 56 กม. แต่โหดพอสมควร กับเส้นทางวิ่งตามแนวสันเขา ลัดเลาะผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวอำเภอ วันรุ่งขึ้น เราตื่นเช้ามาสัมผัสอากาศเย็นประมาณ 12 องศา ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า วันนี้เราเคลื่อนขบวนคาราวาน เดินทางอีกประมาณ 16.8 กม. มุ่งหน้าสู่ศูนย์ฝึกช้างเชียงดาว เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่น่าแวะไปชม ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขา อยู่ขนานกับลำน้ำปิง เราแวะมาดูการแสดงของช้างที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การอาบน้ำให้ช้าง ช้างลากซุง และอื่นๆ หลังจากแวะชมศูนย์ฝึกช้างเชียงดาวแล้ว เราเดินทางต่ออีก 38.5 กม. วิ่งลัดเลาะตามทางหลวงหมายเลข 1096 มุ่งหน้าเข้าสู่ อ. แม่ริม เพื่อแวะทานอาหารกลางวัน และเดินทางอีก 22.2 กม. เข้าตัวเมืองเชียงใหม่ มาปิดท้ายทริพที่โชว์รูม อีซูซุ บริษัท ธารา จำกัด สาขาสนามบิน เพื่อส่งคืนรถ ก่อนที่จะบินกลับกรุงเทพฯ เป็นการปิดทริพ 2 วัน 1 คืน ที่หนีร้อน...ไปนอนหนาวที่เชียงดาว
บทความแนะนำ