เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
ถนนไฮเทค เส้นทางสู่อนาคต
มาดูกันว่าถนนหนทางจะถูกพัฒนา เพื่อรองรับการคมนาคม ในยุคหน้าได้อย่างไร ?รู้หรือไม่ ? ในสหราชอาณาจักร มีการใช้รถยนต์มากถึง 31.7 ล้านคัน SMART ROAD คือ อะไร ในขณะที่นวัตกรรมยานยนต์ล้ำหน้าขึ้นทุกวัน ถนนหนทางก็สมควรต้องได้รับการพัฒนาตามไปด้วย ในสหราชอาณาจักร มีการใช้ระบบ SMART ROAD กับมอเตอร์เวย์หลายเส้นทาง เพื่อให้บริหารการจราจรได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในมอเตอร์เวย์เส้นหลักๆ เช่น M1 ได้ติดตั้งเซนเซอร์ 2 แบบ แบบแรกใช้ขดลวดทองแดง ติดตั้งใต้พื้นถนนทุกๆ 100 เมตร และเมื่อมีโลหะขนาดใหญ่เคลื่อนผ่าน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ หรือรถบรรทุก ขดลวดเหล่านี้จะส่งกระแสไฟฟ้าไปยังคอมพิวเตอร์ เพื่อประมวลผลเป็นข้อมูลในการคำนวณปริมาณการจราจร และความเร็วของรถ ส่วนเซนเซอร์แบบที่ 2 ติดตั้งขนาบด้านข้างถนน และส่งสัญญาณไปบนถนนทั้ง 2 ฝั่ง เมื่อรถยนต์เคลื่อนที่ผ่าน ข้อมูลต่างๆ เช่น ความเร็ว ขนาด และระยะห่างระหว่างรถแต่ละคันจะถูกบันทึกไว้ ซึ่งไม่ว่าถนนจะใช้เซนเซอร์แบบใดในการเก็บข้อมูล ระบบคอมพิวเตอร์จะประเมินสภาพการจราจรจากความเร็วของรถ และถ้าเห็นว่าสภาพการจราจรหนาแน่น จำเป็นจะสั่งเปิดช่องทางอัตโนมัติ ผ่านสัญญาณไฟจราจร และป้ายสัญญาณทันที อย่างไรก็ตาม ย้อนไปเมื่อปี 2014 ที่ระบบ SMART ROAD เพิ่งเริ่มแพร่หลายในสหราชอาณาจักร กลับมียอดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นจากเลนพิเศษนี้ สาเหตุเกิดจากเมื่อระบบพบว่ามีการจราจรหนาแน่น มันจะส่งสัญญาณเปิดเลนพิเศษเพื่อระบายรถทันที ขณะนั้นซึ่งหากบังเอิญมีรถเสียจอดรอความช่วยเหลืออยู่ในเลน ก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ ยอดอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้นจากกรณีดังกล่าว ทำให้รัฐบาลในสหราชอาณาจักรห้ามใช้เลนพิเศษเป็นช่องทางเดินรถในช่วงการจราจรหนาแน่นอย่างถาวร ปัจจุบันระบบ SMART ROAD ถูกใช้งานเป็นระยะทางกว่า 640 กม. เฉพาะในสหราชอาณาจักร และอยู่ระหว่างก่อสร้างเพิ่มเติมอีกหลายร้อยกิโลเมตร แม้ยังมองไม่ออกว่า ถนนที่สามารถวัดความเร็ว และเปิด/ปิดช่องทางเดินรถได้เอง จะยกระดับการเดินทางของเราได้มากน้อยแค่ไหน แต่ประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลกต่างกำลังพัฒนาถนนหนทางให้เหมาะสมกับเทคโนโลยี เริ่มตั้งแต่ เส้นแบ่งเลนเรืองแสง ตลอดไปจนถึงพื้นผิวระบบสัมผัส ดังนั้น ผู้ใช้รถอย่างเราก็สบายใจได้ว่า ถนนเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น เครือข่าย SMART MOTOR WAY ประเทศอังกฤษมี SMART MOTOR WAY เป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร O เปิดใช้งาน O กำลังสร้าง เส้นทาง SMART ROAD ที่เปิดให้บริการในมอเตอร์เวย์ของอังกฤษ ทั้งขาเข้า และขาออก เมื่อเดือนตุลาคม 2019 SMART ROAD อีกมากอยู่ระหว่างการก่อสร้างในสหราชอาณาจักร โดยรัฐบาลได้ลงทุนกว่า 15 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 610 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2015 เมื่อไอเดียที่ดี ไม่ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน หรือในสนามหญ้า ซึ่งเป็นไอเดียที่ดี แต่การนำแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งบนพื้นถนนกลับไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร เนื่องจากแผงโซลาร์เซลล์ผลิตด้วยกระจกแก้ว ดังนั้น การติดตั้งอุปกรณ์ที่ทำจากกระจกบนพื้นถนน เพื่อรองรับน้ำหนักรถที่ผ่านไปผ่านมาทุกวัน จะส่งผลให้อายุการใช้งานของมันสั้นมาก และเป็นเวลาหลายปีที่บรรดาวิศวกร พยายามพัฒนาวิธีที่จะนำความสามารถในการดูดซับแสงอาทิตย์จากแผงโซลาร์เซลล์มาผนวกกับความทนทานของยางแอสฟัลท์ แต่มีตัวอย่างเพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ในปี 2016 ฝรั่งเศสได้มีการทดลองไอเดียเสี่ยงตาย โดยนำแผงรับแสงอาทิตย์กว่า 2,800 แผง ไปติดตั้งบนถนนกว่า 1 กม. ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง TOUROUVRE-AU-PERCHE ที่นอร์มังดี และตั้งชื่อถนนว่า ‘WATTWAY’ ซึ่งแผงรับแสงอาทิตย์แต่ละแผง แผ่นบางระดับเดียวกับขนมเวเฟอร์ มีความหนาไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น ทีมงานได้ฝังแผงแต่ละแผงลงในพลาสติคเรซินก่อนที่จะติดตั้งบนถนน เพื่อให้เกิดความทนทานต่อความหนาแน่นของรถ ในช่วงแรกแผง ‘WATTWAY’ สามารถทนน้ำหนักของล้อรถที่เคลื่อนผ่านได้ ตรงนี้ทำให้จุดประกายความหวังให้บรรดาวิศวกรในฐานะแหล่งผลิตพลังงานสามารถติดตั้งได้เลย โดยไม่ต้องรื้อโครงสร้างเดิมออก แต่ความหวังนั้นก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว ต่อมา WATTWAY ก็เริ่มเสียหายอย่างหนัก มีเสียงแผงกระจกแตกเวลารถแล่นผ่าน แถมพลังงานไฟที่ได้ ก็ไม่มากอย่างที่คาดการณ์ไว้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะได้ใช้ HIGHWAYS ที่ให้พลังงานโดยใช้โซลาร์เซลล์ ถนนสู่อนาคต หลากหลายวิธีที่จะนำไปสู่ SMART ROAD ถนนที่รีชาร์จพลังได้ การคุกคามของสภาวะโลกร้อน บีบให้มนุษยชาติต้องหาพลังงานทางเลือกใหม่ เพื่อนำมาทดแทนของเก่า ทำไมเราไม่ลองใช้ถนนให้เกิดประโยชน์ เพราะด้วยการพัฒนาที่ถูกวิธี รถยนต์ทั่วโลก จะสามารถสร้างพลังงานได้ทุกที่ที่รถแล่นผ่าน ถนน PIEZOELECTRIC นำยางแอสฟัลท์ผสมกับ PIEZOELECTRIC CRYSTALS หลักการทำงาน คือ เมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านจะสร้างแรงสั่นสะเทือน และทำปฏิกิริยากับ CRYSTALS เหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นพลังงานขึ้นมา ส่วนสิ่งที่ทำให้ CRYSTALS เหล่านี้มีความพิเศษก็คือ ความแตกต่างของโครงสร้างอะตอม ปกติโครงสร้างอะตอมของ CRYSTALS จะเรียงสมมาตรกัน และผูกกันเป็นหนึ่งเดียว แต่โครงสร้างตั้งต้นของ PIEZOELECTRIC CRYSTALS นั้นอสมมาตร เวลาที่โดนแรงกด และคลายตัวจะทำให้อะตอมของมันอยู่ใกล้กัน และสร้างพลังงานออกมาเมื่อมีรถยนต์เคลื่อนที่ผ่าน จึงมีโอกาสที่จะสร้างพลังงานตามทฤษฎีดังกล่าวออกมา กลายเป็นแหล่งพลังงานใหม่ อย่างไรก็ตาม การสร้างพลังงาน PIEZOELECTRIC ไม่ใช่เรื่องล้ำสมัยแต่อย่างใด เพราะเคยมีการทดสอบครั้งแรกตั้งแต่ปี 1880 ทว่าการนำเอาการผลิตพลังงานลักษณะนี้มาต่อยอดในสเกลที่ใหญ่กว่า เช่น บนถนน ยังไม่สามารถทำได้จริง และมหาวิทยาลัย LANCASTER เป็นหนึ่งในสถาบันที่พยายามจะสานต่อแนวคิดนี้ เมื่อปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยได้รับทุนกว่า 4.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 180 ล้านบาท นำมาใช้พัฒนาเทคโนโลยี และแก้ปัญหาเรื่องการใช้พลังงาน รวมถึงการกักเก็บพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไอเดียของมนุษย์ ถนนอัจฉริยะจะเป็นอย่างไรถ้า SMART ROAD ในอนาคต คือ ถนนที่รับรู้ได้ว่ามีคนอยู่บนถนนกี่คน และสามารถอัพเดทสภาพดินฟ้าอากาศในปัจจุบัน รวมถึงสภาพการจราจรด้านหน้า และชาร์จไฟให้รถได้ด้วย ความคิดนี้อาจเป็นความทะเยอทะยานที่เกินจริงในเชิงวิศวกรรม แต่อย่างไรก็ตาม INTEGRATED ROADWAYS บริษัทสัญชาติอเมริกันกำลังพัฒนาไอเดียดังกล่าว การฝังสายใยแก้วนำแสง และซอฟท์แวร์ลงในพื้นถนน จะทำให้ถนนนั้นตรวจจับ และเก็บข้อมูลการจราจรได้จากแรงกดของถนน CEO และหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี TIM SYLVESTER กล่าวว่า “เราพยายามที่จะทำหน้าจอสัมผัสขนาดยักษ์ เพียงแต่เปลี่ยนจากการสัมผัสด้วยนิ้วมือเป็นล้อรถแทน” การติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เนท ทำให้ SMART ROAD สามารถเก็บข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ได้ อีกทั้งยังนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดได้อีกด้วย เช่น การแจ้งเตือนโฆษณาต่างๆ ไปยังผู้ใช้ถนน ทีมงาน INTEGRATED ROADWAYS ได้ทดลองติดตั้งเทคโนโลยีนี้ไปแล้วกว่า 0.8 กม. ที่ LENEXA, ในรัฐแคนซัส และรับรองผลว่า สามารถใช้งานได้จริง ทำให้ TIM SYLVESTER เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดของเทคโนโลยีนี้ ในอนาคตตั้งเป้าว่า จะทำให้ถนนสามารถชาร์จไฟให้รถยนต์ที่วิ่งผ่านได้ “เรากำลังทำให้ถนนเป็น TOUCHPAD ขนาดยักษ์” รู้หรือไม่ ? จนถึงปี 2019 มีถนนเส้นหลักระยะทางกว่า 50,880 กม. ในสหราชอาณาจักร ถนนเรืองแสง SMART ROAD ที่ผสานการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีเข้ากับความมหัศจรรย์ทางเคมี จึงทำให้เรืองแสง สามารถเปลี่ยนสภาพถนนที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ เป็นคอนเซพท์แรกเริ่มตั้งแต่ปี 2014 โดย DAAN ROOSEGAARDE ผู้คิดค้นชาวดัทช์ ได้เปิดตัวผลงาน เส้นเรืองแสง และทำให้โลกได้รู้จักถนนที่ส่องแสงได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาไฟส่องทางอีกต่อไป ROOSEGAARDE ใช้พรายน้ำทาลงบนเส้นแบ่งบนถนนยาวกว่า 4,500 เมตร ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อใช้แสงนี้บอกเส้นทางในเวลากลางคืน สีพรายน้ำ ทำจากการนำสารเรืองแสงผสมลงไปในสี สามารถเก็บพลังงานได้เมื่อรับแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน พอถึงตอนกลางคืนพลังงานที่เก็บไว้ก็จะคายออกในรูปของแสงที่เห็นได้ในระยะสายตาของเรา ขณะนี้ มีนักวิจัยมากมายที่ได้นำแนวคิดนี้ไปต่อยอด เช่น นักวิจัย สาขาการคมนาคมของ UTAH กำลังพัฒนาสีที่ทนต่อทุกสภาพอากาศ และเรืองแสงได้นานกว่าเดิม ROOSEGAARDE สร้างเส้นแบ่งเรืองแสงที่เก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ และเรืองแสงได้กว่า 8 ชั่วโมง ในเวลากลางคืน ถนนที่ไม่เป็นน้ำแข็ง หิมะ และน้ำแข็ง เป็นอันตรายต่อการใช้ถนนอย่างมาก SAN HITECH LTD. บริษัทวิศวกรรมสัญชาติอิสราเอลได้สร้างพโรเจคท์ SNOWLESS เพื่อพัฒนาถนนที่สามารถละลายน้ำแข็งได้เอง การปฏิวัติทางเทคโนโลยีในครั้งนี้ ทำได้โดยนำแถบอัลลอยที่ให้ความร้อนไปฝังบนผิวถนน และใช้เซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้เป็นตัววัดค่าสภาพอากาศ และอุณหภูมิ หากเซนเซอร์ตรวจพบหิมะ หรือน้ำแข็งบนหน้าถนน แถบเหล็กที่ฝังไว้จะให้ความร้อนภายใน 15 นาที อีกทั้งยังใช้งานได้เมื่ออยู่ภายใต้อุณหภูมิต่ำถึง -50 เซลเซียส โครงการนี้ได้รับการทดสอบ และประสบความสำเร็จแล้วในแคนาดา ทั้งในถนนจริง และในลานจอดรถ และมีลุ้นที่พโรเจคท์นี้จะขยายออกไปอีกในปีหน้าด้วย แถบเหล็กที่ฝังไว้ใต้ดิน ผ่านการทดสอบแล้วว่า สามารถละลายน้ำแข็ง เพื่อเปิดเส้นทางเดินรถให้ปลอดภัยได้จริง ด้านในของ SMART ROAD เทคโนโลยีที่ยกระดับถนนให้ฉลาดขึ้น แบ่งปันข้อมูล ในแต่ละชั้นถนนมี ROUTERS 4 ตัว ช่วยแชร์ข้อมูลกับ ROUTERS ใกล้กันตลอดเส้นทาง ใยแก้วนำแสง ฝังใยแก้วนำแสงไว้ในชั้นยางมะตอย ตัวใยแก้วที่ถูกแรงกดเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่าน จะส่งสัญญาณทำให้ทราบถึงข้อมูลจำนวนรถยนต์ที่ใช้ถนนได้ ขาเกี่ยว ใช้หลักการเดียวกับชิ้นส่วน LEGO เพื่อทำให้ถนนแข็งแรง หากมีแผ่นใดแผ่นหนึ่งเสียหาย หรือท่อน้ำด้านใต้ชำรุด ต้องซ่อมแซม ก็สามารถเปิดแผ่นเดียว และประกอบกลับเข้าไปได้ง่าย ไม่เสียเวลา จำแนกความแตกต่าง ถนนสามารถจำแนกความแตกต่างของรถแต่ละคันได้ ด้วยความห่างของล้อทั้ง 4 ซึ่งมีระยะตายตัว และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากัน การเชื่อมต่อ มีสาย LAN ติดตั้งไว้ในพื้นถนนเพื่อการเชื่อมต่อ WI-FI หรือส่งต่อข้อมูลจากเซนเซอร์วัดอุณหภูมิ และตรวจจับสภาพอากาศ ของมันต้องมี GADGET สำหรับครัวอัจฉริยะ R180 HIGH-SPEED SMART TOASTER ราคา 299.95 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 237.50 ปอนด์) www.revcook.com หากต้องการเพิ่มคุณภาพให้กับอาหารเช้าของตัวเอง เครื่องปิ้งขนมปัง R180 คือ อุปกรณ์ที่เหมาะมาก ตัวเครื่องมีหน้าจอระบบสัมผัสให้เลือกเบเกอรีแบบที่ต้องการทำได้ถึง 5 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง BAGELS หรือ ENGLISH MUFFINS จากนั้นก็เลือกระดับความกรอบ เพียงเท่านี้ เบเกอรีที่ใส่ลงไปก็จะเคลื่อนเข้าไปอยู่ในตัวเครื่องปิ้งอัตโนมัติ พร้อมตัวเลขนับถอยหลังให้รู้ว่าขนมปังที่ใส่ไปจะพร้อมรับประทาน และส่งเสียงเตือน เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ R180 มีฟังค์ชันใช้งาน 3 โหมด ได้แก่ โหมดที่ใช้กับเบเกอรีสด (FRESH) โหมดที่ใช้กับเบเกอรีที่แช่เย็น (FROZEN) และโหมดอุ่นร้อน (REHEAT) ใครจะไปคาดคิดว่า เครื่องปิ้งขนมปังจะไฮเทคได้ขนาดนี้ STAGG EKG+ ELECTRIC KETTLE ราคา 199 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 157.50 ปอนด์) www.fellowproducts.com ยกระดับการชงชา และกาแฟ ด้วยกาต้มน้ำไฟฟ้า STAGG EKG+ จาก FELLOW ซึ่งติดตั้งบลูทูธ จะช่วยประหยัดเวลาในการชงกาแฟ เพราะสามารถเปิดสวิทช์ หรือตั้งอุณหภูมิล่วงหน้าได้ตั้งแต่ตอนตื่นนอน เพื่อให้กาแฟพร้อมดื่มทันทีเมื่อลงมาถึงห้องอาหาร STAGG EKG+ มีกำลังไฟถึง 1,200 วัตต์ ต้มน้ำร้อนได้รวดเร็ว สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงที่ได้นาน จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เหมาะสม หากต้องการห้องครัวทันสมัย GE® SMART MICROWAVE ราคา 144 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 114 ปอนด์) www.geappliances.com ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บ้านสมัยใหม่ จะมีไมโครเวฟอัจฉริยะ คำถาม คือ ไมโครเวฟ มันจะอัจฉริยะได้สักแค่ไหน ซึ่ง GE ก็ท้าทายคำถามนี้ ด้วยการสร้างไมโครเวฟที่ทำได้มากกว่าแค่อุ่น หรือประกอบอาหารแบบปกติ แต่สามารถประกอบอาหารได้ผ่านมือถือด้วยเทคโนโลยี SCAN-TO-COOK หรือ “สแกนเพื่ออุ่นอาหาร” โดยใช้แอพพลิเคชันสแกนบาร์โคดของอาหารที่ต้องการอุ่น ไมโครเวฟจะตั้งเวลา และอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วยตัวเอง นอกจากนั้น ยังสั่งการให้ GE อุ่น หรือละลายอาหารผ่าน GOOGLE ASSISTANT หรือ ALEXA ได้ด้วย GENICAN ราคา 149.99 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 118.70 ปอนด์) www.genican.com ทุกคนเคยมีประสบการณ์งงๆ ในซูเพอร์มาร์เกท เพราะจำไม่ได้ว่า ต้องซื้ออะไรบ้าง หรือไม่ก็กลับบ้านไปแล้วถึงนึกออกว่า ลืมซื้ออะไรบางอย่าง ดังนั้น เพื่อให้เรารู้ตัวอยู่เสมอว่า บ้านเราขาดอะไรบ้าง สแกนเนอร์ขนาดกะทัดรัดอย่าง GENICAN จึงเป็นสิ่งจำเป็น คุณสามารถติดตั้งไว้กับถังขยะ เพื่อให้สแกนบาร์โคดของสิ่งที่ทิ้งลงไป หลังจากนั้น GENICAN จะเพิ่มสิ่งที่ถูกทิ้งเข้าไปในรายการที่ต้องซื้อผ่านแอพพลิเคชันอัตโนมัติ หรือถ้าทิ้งของที่ไม่มีบาร์โคด เช่น เปลือกส้ม GENICAN ก็จะถามว่า ของที่ทิ้งไปคืออะไร และเพิ่มไปในรายการของที่ต้องซื้อได้ด้วยเช่นกัน PICO MODEL C ราคา 399 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 315.70 ปอนด์) www.picobrew.com จะดีแค่ไหน ถ้ามีโรงเบียร์ในครัวตัวเอง ได้จิบเบียร์สดๆ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน PICO MODEL C จาก PICOBREW สามารถบันดาลฝันให้เป็นจริงได้ คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเบียร์มาก่อน เพราะเครื่องนี้สามารถหมักเบียร์ได้หลากหลายชนิดจากเมล็ดข้าวนานาพันธุ์ที่จัดจำหน่ายโดย PICOBREW เพียงแค่ใส่เมล็ดข้าวในตัวเครื่อง PICO MODEL C ก็จะตรวจสอบประเภทเมล็ดข้าว และต้มเป็นเวลา 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นคุณก็สามารถหมัก และเพิ่มความซ่าให้กับเบียร์ด้วยถังเบียร์แบบทำที่บ้านได้ทันที MEATER+ ราคา 99 เหรียญสหรัฐฯ/99 ปอนด์ www.meater.com ถ้าคุณเป็นสายเนื้อ MEATER+ คือ อุปกรณ์ที่ควรมีไว้ติดครัว เพราะสิ่งที่ทำให้มันต่างจากเครื่องวัดอุณหภูมิเนื้อทั่วไป คือ MEATER+ จะคอยอัพเดทให้ทราบอุณหภูมิภายใน และเวลาที่ต้องใช้ในการประกอบอาหารผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แถมยังสามารถแนะนำอุณหภูมิที่เหมาะสมตามความแตกต่างของประเภทเนื้อ และดูแลการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิให้อีกด้วย แอพพลิเคชัน และอุปกรณ์เสริม SEAFOOD WATCH ผู้พัฒนา : MONTEREY BAY AQUARIUM ราคา : ฟรี/GOOGLE PLAY/APP STORE ศึกษาที่มาของปลาที่จะทาน ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือร้านอาหาร ด้วยแอพพลิเคชัน SUSTAINABILITY BIGOVEN ผู้พัฒนา : bigoven.com ราคา : ฟรี/GOOGLE PLAY/APP STORE ด้วยสูตรอาหารที่มากถึง 500,000 สูตร และสามารถจัดรายการสิ่งของที่ต้องซื้อ รวมถึงการจัดวัตถุดิบตกค้าง ทำให้แอพพลิเคชันนี้มีประโยชน์ และสร้างแรงบันดาลใจในครัวได้เป็นอย่างดี KITCHEN PLANNER 3D ผู้พัฒนา : ANDREY OVCHINNIKOV ราคา : ฟรี/Google Play ใช้แอพพลิเคชันนี้จะช่วยออกแบบครัว และจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านการลาก และดรอพภาพจำลองเครื่องใช้ที่ตั้งใจจะติดตั้งลงไป เพื่อประกอบการตัดสินใจ TOCA KITCHEN ผู้พัฒนา : TOCA BOCA ราคา : ฟรี/Google Play ส่งเสริมให้ลูกหลานของคุณก้าวสู่โลกแห่งการทำอาหาร ด้วยแอพพลิเคชันแสนสนุก อย่าง TOCA BOCA ที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ หั่น ทอด ต้ม และปรุงอาหารผ่านตัวละครที่ชื่นชอบ
ABOUT THE AUTHOR
H
HOW IT WORKS
ภาพโดย : HOW IT WORKS นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2564
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS