ข่าวมหกรรมฯ
ฟรี ! รถ 3 บิกไบค์ 1 MOTOR EXPO 2021 แจกจริง จุใจ
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38” หรือ THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2021 ยังคงจัดรายการมอบโชคคืนกำไรแก่ผู้ชมงาน โดยแจกรถยนต์ 3 คัน และบิกไบค์ อีก 1 คัน พร้อมรายการชิงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้ผู้ชมงาน ที่จอง/ซื้อรถยนต์ภายในงาน จะได้รับสิทธิ์ชิงโชคในรายการ “ซื้อรถชิง HYUNDAI IONIQ ELECTRIC มูลค่า 1,749,000 บาท” รถยนต์ HYUNDAI IONIQ ELECTRIC (ฮันเด ไอโอนิก อีเลคทริค) นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลก ที่มีจำหน่ายทั้ง 3 รูปแบบ อาทิ ระบบขับเคลื่อนใน 1 รุ่น ได้แก่ ไฮบริด, พลัก-อิน ไฮบริด และอีวี จุดประสงค์ คือ เป็นรถยนต์มีมลพิษต่ำที่สุด หรือปราศจากมลพิษ และนอกจากจะเป็นรถยนต์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีการขับขี่, การเชื่อมต่อ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย HYUNDAI IONIQ ภายนอกได้รับการออกแบบโดยเน้นที่ปัจจัยหลัก 2 อย่าง คือ เทคโนโลยี และประสิทธิภาพ ทำให้มีบุคลิกของความเป็นรถยนต์แห่งอนาคต รูปทรงตัวรถเป็นแบบแฮทช์แบคทรงสปอร์ท มาพร้อมเส้นสายที่พลิ้วไหว รวมถึงการออกแบบตัวถังในส่วนต่างๆ เช่น ช่องดักลมที่ล้อคู่หน้า, สปอยเลอร์ด้านหลัง, ดิฟฟิวเซอร์ ชายล่างประตูทั้ง 4 บาน แผ่นปิดใต้ท้องรถ รวมถึงล้ออัลลอย ทั้งหมดนี้ทำให้อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถได้อย่างสะดวก และลื่นไหลตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.24 และยังรวมถึงการลดน้ำหนักตัวรถ ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 12.6 กก. เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป รถยนต์รุ่นดังกล่าว เป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ดังนั้น กระจังหน้าจึงถูกออกแบบในลักษณะปิดทึบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งานเพื่อการระบายความร้อนเครื่องยนต์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความพลิ้วไหว และสะอาดตา ด้วยสีเทาเข้ม ไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน ไฟหน้า และไฟท้ายเป็นแบบ LED บริเวณชายกันชนด้านหน้า และด้านหลัง รวมทั้งชายประตูทั้ง 4 บาน ถูกตกแต่งด้วยสีทองแดง ที่สื่อถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ภายใน ออกแบบโดยเน้นถึงความเป็นรถแห่งอนาคต ด้วยแนวคิด “PURIFIED HIGH-TECH” ที่เน้นถึงความเรียบง่าย ลื่นไหล แต่มีความประณีต และใช้งานง่าย ใช้วัสดุที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด มีผิวสัมผัสที่เรียบ ลื่น และให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์ วัสดุภายใน เลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ผ้าหลังคา และพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย เพื่อช่วยให้อากาศภายในห้องโดยสาร มีความบริสุทธิ์, สีพ่นตัวถังมีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง เพื่อให้เกิดประกายของเม็ดสีที่สวยงาม, แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติครีไซเคิลผสมกับผงไม้ และหินจากภูเขาไฟ แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรง และคุณภาพที่ดี นอกจากนี้บริเวณช่องแอร์, คอนโซลกลาง, พวงมาลัย และเบาะนั่ง ถูกตกแต่งด้วยสีส้มทองแดง ซึ่งเป็นสีที่เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในรถยนต์ ได้แรงบันดาลใจจากทองแดงที่อยู่ในคอนดัคเตอร์ของระบบไฟฟ้า เมื่อผู้ขับขี่ปลดลอครถด้วยระบบ SMART ENTRY ระบบ WELCOME FUNCTION จะทำงานด้วยการสั่งให้ไฟหน้า และไฟท้ายส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยขณะจอดรถในที่มืด หรือในยามค่ำคืน และเมื่อผู้ขับเปิดประตูรถ เบาะที่นั่งคนขับจะปรับเลื่อนถอยหลังอัตโนมัติ เข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย เบาะที่นั่งคนขับปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังแบบไฟฟ้า (LUMBAR SUPPORT) ช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่ นอกจากนี้ ยังมีระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้าอีกด้วย ภายในห้องโดยสาร มีความกว้างขวาง และสะดวกสบาย โดยเฉพาะที่นั่งของผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งมีความโปร่ง และกว้างขวางเป็นพิเศษ เนื่องจากระบบเกียร์ ถูกออกแบบให้เป็นระบบกดปุ่ม หรือ SHIFT BY WIRE ติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการเพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ยังมีระบบเบรคมือไฟฟ้าพร้อมระบบ AUTO HOLD ที่ช่วยหยุดรถชั่วขณะในสภาพการจราจรติดขัด และระบบ WIRELESS CHARGING ที่สามารถชาร์จแบทเตอรีโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ เพียงวางโทรศัพท์ไว้บริเวณช่องชาร์จด้านซ้ายของปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์ ระบบความบันเทิง สามารถควบคุมได้โดยผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 5 นิ้ว เลือกฟังค์ชันเพื่อความบันเทิงได้ตามความต้องการ เช่น ระบบวิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องต่อระบบ USB และ AUX หน้าปัดแสดงการทำงานของระบบต่างๆ บริเวณคนขับ ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT ที่แสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระยะทางที่สามารถวิ่งได้/การชาร์จไฟ 1 ครั้ง, ระดับพลังงานของแบทเตอรี รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถที่จำเป็น ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกดูได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย หน้าปัดสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลได้ โดยสามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ ผ่านปุ่ม DRIVE MODE บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL และ SPORT ในโหมด ECO จะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบแอนาลอก เช่นเดียวกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ และแถบสีเขียวบริเวณตัวเลขความเร็ว พร้อมไฟแสดงสถานะโหมด ECO สีเขียว ในโหมด NORMAL จะแสดงมาตรวัดความเร็วในรูปแบบแอนาลอก พร้อมกับมาตรวัดความเร็วแบบรถยนต์ปกติ จากแถบสีเขียวในโหมด ECO จะถูกเปลี่ยนเป็นแถบสีเทา และไม่มีไฟแสดงสถานะโหมด NORMAL ในโหมด SPORT จะถูกเปลี่ยนจากมาตรวัดความเร็ว เป็นมาตรวัดแสดงสถานะกำลังการขับเคลื่อนของรถจาก 0-100 % ในรูปแบบแอนาลอกพร้อมแถบสีแดง ตรงกลางจะแสดงความเร็วแบบตัวเลขดิจิทอล ที่จะถูกไล่ลำดับขึ้นไปตามความเร็วของรถยนต์ ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์เป็นแบบ DUAL ZONE ที่เลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย ควบคู่กับการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น HYUNDAI IONIQ ELECTRIC ยังมีระบบปรับอากาศที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกให้ลมออกจากช่องปรับอากาศเฉพาะผู้ขับขี่อย่างเดียวได้ เพียงกดปุ่ม “DRIVER ONLY” ที่บริเวณแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ เท่านี้ก็จะช่วยลดภาระการทำงานของระบบปรับอากาศ และช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย สำหรับระบบขับเคลื่อนของ HYUNDAI IONIQ ELECTRIC นั้น เป็นการขับเคลื่อนโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 120 แรงม้า (88 KW) แรงบิดสูงสุด 295 นิวตัน-เมตร หรือ 30.1 กก.-ม. เชื่อมต่อผ่านระบบเกียร์แบบ SINGLE-SPEED ที่สามารถเลือกตำแหน่งเกียร์ผ่านปุ่มกดบริเวณคอนโซลกลาง และสามารถขับเคลื่อนที่ความเร็วสูงสุดได้ 165 กม./ชม. แบทเตอรีที่ใช้สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน เป็นแบบลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพการชาร์จไฟที่ดี และมีหน่วยความจำรอบการชาร์จไฟที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับแบทเตอรีแบบนิคเคิล-เมทัล ไฮดไรด์ สำหรับใน HYUNDAI IONIQ ELECTRIC นั้น เป็นแบทเตอรีขนาด 28 กิโลวัตต์ชั่วโม วิ่งได้ระยะทางสูงสุดที่ 280 กม. ใช้เวลาในการชาร์จไฟแบบปกติอยู่ที่ 4 ชม. 25 นาที โดยประมาณ และการชาร์จไฟแบบ QUICK CHARGE ที่กำลังการชาร์จไฟขนาด 50 กิโลวัตต์ จะใช้เวลา 30 นาที และ 23 นาทีโดยประมาณ ด้วยกำลังการชาร์จไฟขนาด 100 กิโลวัตต์ โดยแบทเตอรีนี้ถูกติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งของผู้โดยสารตอนหลัง แต่ยังคงไว้ซึ่งพื้นที่ที่สามารถบรรจุสัมภาระได้สูงสุดถึง 650 ลิตร รถยนต์พลังงานไฟฟ้า IONIQ มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดกับระบบ REGENERATIVE BRAKING SYSTEM ที่สามารถควบคุมได้ด้วยปุ่ม PADDLE SHIFT บริเวณด้านหลังพวงมาลัย มีทั้งหมด 4 ระดับ โดยแต่ละระดับ จะเป็นระดับการนำพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบทเตอรีจากมากไปน้อย เพียงผู้ขับขี่กดปุ่ม PADDLE SHIFT รถยนต์จะลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ระบบเบรคจะทำงานเพื่อให้ระบบ REGENERATIVE BRAKING SYSTEM ทำงาน และนำกระแสไฟกลับเข้าสู่แบทเตอรี เพื่อช่วยให้มีระยะทางการวิ่งที่ยาวขึ้น ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ผลิตจากอลูมิเนียม ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชันบีมถูกปรับแต่งเพื่อให้มีการขับขี่ที่นุ่มนวล มั่นใจ และสะดวกสบาย HYUNDAI IONIQ ELECTRIC ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ปลอดภัยในทุกการเดินทาง ด้วยระบบ BLIND SPOT DETECTION ที่จะทำหน้าที่ตรวจจับรถในจุดอับสายตาขณะขับขี่ โดยทำงานควบคู่กันกับระบบ LANE CHANGE ASSIST ที่จะช่วยตรวจจับรถในเลนด้านข้างในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะเปลี่ยนเลน และยังทำงานร่วมกับระบบ REAR CROSS TRAFFIC ALERT ในขณะที่ผู้ขับขี่กำลังจะถอยรถออกจากที่จอดรถ ระบบจะตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือคนเดินเท้า หากมีวัตถุเคลื่อนไหวบริเวณด้านหลังรถ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ เพื่อความปลอดภัยขณะถอยรถ นอกจากนี้ ยังมีระบบ LANE DEPARTURE WARNING (LDW) โดยระบบ จะใช้กล้องที่อยู่บริเวณด้านบนตรงกลางของกระจกบังลมหน้า ในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร หากรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้นำรถกลับเข้าสู่ช่องจราจรเดิม ระบบ LANE KEEPING ASSIST (LKA) ที่ใช้กล้องตัวเดียวกันในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องการจราจร เมื่อรถกำลังเคลื่อนออกจากช่องจราจร ระบบจะสั่งการให้หักพวงมาลัยกลับมาในช่องจราจร และระบบ SMART CRUISE CONTROL (SCC) หรือระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ โดยระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ที่อยู่บริเวณโลโกบนกระจังหน้า ในการรักษาระดับความเร็วแบบแปรผันตามความเร็วของรถที่อยู่ด้านหน้า และผู้ขับขี่ ยังเลือกระดับการรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้าได้อีกด้วย เพิ่มความสะดวกสบาย และปลอดภัยขณะขับขี่ ระบบ FORWARD COLLISION WARNING (FCW) ที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ หากผู้ขับขี่ขับรถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป และถ้าระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ ไม่เหยียบเบรคเพื่อหยุดรถ ระบบจะส่งเสียงเพื่อเตือนผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ และระบบ AUTONOMOUS EMERGENCY BRAKING SYSTEM (AEB) ที่จะช่วยเบรครถอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองในขณะที่รถกำลังเข้าใกล้รถคันข้างหน้า หรือในกรณีที่คนเดินถนนเดินตัดผ่านหน้ารถในระยะกระชั้นชิด กล้องบริเวณด้านบนกระจกบังลมหน้า และเรดาร์บริเวณกระจังหน้า จะทำหน้าที่ตรวจจับวัตถุ และคนเดินถนน และจะสั่งการให้รถหยุดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ส่วนผู้ชมงานที่ซื้อบัตรเข้าชมงาน มูลค่า 100 บาท จะได้รับสิทธิ์ชิงโชคในรายการ “ซื้อบัตร ชิงรถยนต์ ALL NEW MG5 รุ่น C มูลค่า 559,000 บาท” ALL NEW MG5 เป็นยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่สะท้อนแนวทางการพัฒนาของ MG (เอมจี) ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี (TECHNOLOGY) ความทันสมัย (FASHION) และ ความคุ้มค่า (VALUE) โดยมีรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ทคูเปที่เป็นเอกลักษณ์ มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่ารถยนต์ประเภท B-SEGMENT ทั่วไป จึงให้มีพื้นที่ภายห้องโดยสารที่กว้างขวางนั่งสบาย มีพื้นที่เหนือศีรษะที่สูงโปร่ง พร้อมการตกแต่งสไตล์สปอร์ทพรีเมียม การออกแบบคอนโซลกลางแบบ DRIVER-FOCUS COCKPIT ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ รวมไปถึงการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในระดับมาตรฐานของ B-SEDAN มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED พร้อมระบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ วัสดุภายในเป็นแบบผิวสัมผัสนุ่ม (SOFT TOUCH) ในหลายตำแหน่ง หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ รองรับการเชื่อมต่อ APPLE CAR PLAY และโทรศัพท์มือถือระบบ ANDROID พวงมาลัย แบบมัลทิฟังค์ชัน และปุ่ม PUSH START ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่เหนือระดับเทียบเท่ากับรถ C-SEDAN ได้แก่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ มาตรวัดอัจฉริยะแสดงผลแบบดิจิทอลขนาด 7 นิ้ว ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หลังคาซันรูฟ และเหนือกว่าด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ I-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับรถยนต์ MG ที่โดดเด่นด้วยระบบการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ซึ่งมาพร้อมฟังค์ชันใหม่ล่าสุด คือ กุญแจดิจิทอล (DIGITAL KEY) ที่เจ้าของรถสามารถส่งผ่านมายังโทรศัพท์มือถือ โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท อีกทั้งยังสามารถส่งกุญแจดิจิทอลให้แก่ผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ได้ด้วยการรับ/ส่งโคดผ่านทางแอพพลิเคชัน I-SMART ALL NEW MG5 ให้ความสนุกในการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร มีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 จังหวะ รวมไปถึงระบบช่วยในการขับขี่ และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM) ที่สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นจานเบรค 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อลอค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิคส์ EBA ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และการลื่นไถล ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีรายการ “ซื้อสินค้า ชิงรถ” สำหรับผู้เข้าชมงานที่ซื้อสินค้าภายในงาน (ยกเว้นรถใหม่ รถจักรยานยนต์ และรถใช้แล้ว) จากร้านค้าเดียวกัน ครบทุก 3,000 บาท รับสิทธิ์ “ซื้อสินค้า ชิงรถยนต์ MITSUBISHI MIRAGE 1.2 GLX 5 MT มูลค่า 474,000 บาท” MITSUBISHI MIRAGE (มิตซูบิชิ มิราจ) ยกระดับความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว พร้อมรองรับการใช้งานได้อย่างครบครันยิ่งขึ้น ตอกย้ำการเป็นซิทีคาร์ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่า รองรับการใช้งานได้อย่างครบครัน พร้อมดีไซจ์น ADVANCED DYNAMIC SHIELD อันโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดซิทีคาร์ รูปลักษณ์ภายนอก ดึงดูดทุกสายตามากยิ่งขึ้น ด้วยกระโปรงหน้าดีไซจ์นใหม่ กระจังหน้าตกแต่งด้วยเส้นสายสีแดง กันชนหน้าใหม่ ไฟหน้าแบบ BI-LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิงไลท์ ชุดไฟตัดหมอกแบบใหม่ ไฟท้ายแบบ LED และล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่ขนาด 15 นิ้ว ทั้งนี้ MITSUBISHI MIRAGE ใหม่ ยังมาพร้อมกับสปอยเลอร์หลังดีไซจ์นสปอร์ท MITSUBISHI MIRAGE ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขนาด 1.2 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ที่ให้ความประหยัด และประสิทธิภาพสูงสุด จอง/ซื้อมอเตอร์ไซค์ภายในงาน รับสิทธิ์ชิงโชคในรายการ “ซื้อมอเตอร์ไซค์ ชิงรถจักรยานยนต์ SUZUKI BIG BIKE รุ่น KATANA ราคา 569,000 บาท” SUZUKI KATANA (ซูซูกิ คาตานะ) ใช้เครื่องยนต์พื้นฐานเดียวกับ GSX-S1000 (จีเอสเอกซ์-เอส 1000) เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุ 999 ซีซี สามารถสร้างแรงม้าสูงสุดได้ถึง 150 แรงม้า ที่ 10,000 รตน. แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตัน-เมตร หรือ 11.0 กก.-ม. ที่ 9,500 รตน. ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ 6 จังหวะ และยังมาพร้อมกับสลิพเพอร์คลัทช์อีกด้วย ด้านหน้าของตัวรถ ใช้ไฟหน้าแบบ LED 2 ชั้น แยกไฟสูงกับไฟต่ำออกจากกัน ชอคอับแบบหัวกลับจาก KYB ขนาดแกน 43 มม. ระบบเบรคหน้าเป็นจานเบรคคู่ พร้อมระบบ ABS และดุมเบรค 4 พอท จาก BREMBO หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทอล บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดความเร็ว, มาตรวัดรอบเครื่องยนต์, ไฟบอกเกียร์, มาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, ไฟเตือนระบบ TRACTION CONTROL รวมถึงไฟ SHIFT LIGHT แจ้งเตือนการเปลี่ยนเกียร์ SUZUKI KATANA ถูกออกแบบให้มีเส้นสายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นตัวถังน้ำมันที่มีการเล่นลายเส้น, เบาะนั่งแบบทูโทน ที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากันกับรูปทรงของตัวรถเป็นพิเศษ พร้อมความสวยงามแล้วยังถูกออกแบบให้มีท่าทางการขับขี่ที่นั่งสบาย ทั้งคนขับและคนซ้อน, เฟรมรถ รวมถึงสวิงอาร์ม การออกแบบโดยรวมของตัวรถคันนี้ แนวสปอร์ทแบบฮาล์ฟแฟริงที่เน้นความปราดเปรียว คล่องตัว สามารถใช้งานได้ทั้งในชีวิตประจำวัน และการออกทริพเดินทางไกล โครงสร้างตัวถังแบบอลูมิเนียม ทวินสปาร์ค ที่มีน้ำหนักเบา และการควบคุมรถทำได้อย่างง่ายดาย
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพบริษัท สื่อสากล จำกัด และบริษัทผู้ผลิตนิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2564
คอลัมน์ Online : ข่าวมหกรรมฯ