เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
ทดสอบ BOSE SMART SOUNDBAR 600
ทดสอบ BOSE SMART SOUNDBAR 600 ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ซาวน์ดบาร์ตัวนี้ก็ให้เสียง DOLBY ATMOS 3D ที่แท้จริงได้
ราคา 474.95 ปอนด์ bose.co.uk
ความฝันก็คือ การได้เสียงระดับโฮมเธียเตอร์จากลำโพงขนาดเล็ก และวางไว้ในตู้ได้อย่างเนียนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีหลายคนพยายามลอง แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
แน่นอนว่า คำเตือนพวกนี้ไม่เพียงพอจะทำให้บริษัทที่จริงจัง และประสบความสำเร็จอย่าง BOSE ล้มเลิกความพยายามไปได้ และนี่คือ SMART SOUND BAR 600 มีขนาดเล็ก ไม่รกหูรกตา มันถูกตั้งค่าให้ทำเสียงรอบทิศทางได้ และมีราคาพอๆ กับคู่แข่งที่ให้เสียงได้สมจริงที่สุดเลยทีเดียว มาดูกันว่า BOSE จะสานฝันให้สำเร็จได้หรือไม่ ?
BOSE ต้องการผสมผสานความเรียบง่ายแบบ PLUG-AND-PLAY กับความประทับใจของระบบเสียง DOLBY ATMOS เข้าด้วยกัน ดังนั้น ฟีเจอร์ของมันจึงถูกมุ่งเน้นเป็นหลัก สำหรับพวกเราที่ชอบเพลิดเพลินไปกับผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใน 20 นาที หลังจากการแกะออกจากกล่องแล้ว ล้วนแต่เป็นข่าวดีทั้งนั้น
นอกเหนือจากสายไฟหลัก การเชื่อมต่อเพียงอย่างเดียวที่จำเป็นในการดึงเอาประสิทธิภาพสูงสุดจากเจ้า 600 นั่นก็คือ ช่องต่อ HDMI ที่เปิดการใช้งาน EARC ของทีวีไปยังด้านหลังของซาวน์ดบาร์ ไม่ต้องมีการปรับแต่งสภาพห้อง และไม่มีอะไรมาขวางกั้นคุณกับระบบเสียง DOLBY ATMOS ทั้งนั้น แค่เพียงเริ่มคอนเทนท์ที่รองรับระบบ ATMOS จากช่องที่คุณชื่นชอบ และเริ่มดื่มด่ำได้เลย
ฟังค์ชันการเชื่อมต่อซาวน์ดบาร์ตัวนี้มีเพียง USB เท่านั้น สำหรับซับวูเฟอร์ และ IR BLASTER แบบมีสาย หากคุณต้องการใช้ซับวูเฟอร์ และลำโพงหลังไร้สายของ BOSE เพื่อช่วยสร้างระบบเสียงรอบทิศทางเต็มรูปแบบละก็ จัดไปได้เลย
BOSE SMART SOUNDBAR นั้นฟังได้เพลิดเพลิน และติดตั้งง่ายไม่ซับซ้อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สิ่งที่ BOSE ทำให้เกิดขึ้นก็คือ เสียงที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งน่าประทับใจ
ย่านความถี่สูง มีการควบคุมเสียงอย่างมีประสิทธิภาพ ย่านความถี่ต่ำก็ลงลึกอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนช่วงมิดเรนจ์บริเวณที่เสียงประกอบภาพยนตร์ กับเสียงสนทนาถูกแยกออกอย่างคมชัด มีรายละเอียดชัดเจน
เนื่องจากซาวน์ดบาร์ มีลำโพงหันออกไป 4 ทิศทาง ทำให้เวทีเสียงของ 600 ไม่กว้างมาก แต่เพราะลำโพงที่หันออกไป 4 ทิศทางนั่นแหละ ที่ทำให้เวทีเสียงของ 600 มีความสอดคล้องกันอย่างน่าทึ่ง เสียงตรงไปตรงมา เมื่อรวมกับทวีเตอร์ด้านหน้า ทำให้ช่วยเสริมการทำงานของลำโพงฟูลล์เรจน์ด้านข้างได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ลำโพงที่ยิงขึ้นด้านบน สามารถโชว์ประสิทธิภาพของระบบเสียงรอบทิศทางได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เสียงปรากฏออกมาในแนวตั้ง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ซาวน์ดบาร์ราคาระดับนี้ทุกตัวจะทำให้ ความกว้าง และความสูงของเวทีเสียงของมัน ช่วยอธิบายคำจำกัดความของคำว่า “น่าดื่มด่ำ” ได้อย่างถูกต้อง
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ ถึงจะได้เสียงซาวน์ดทแรคที่เป็น DOLBY ATMOS อย่างแท้จริง อัลกอริธึม “TRUE SPACE” ของ BOSE นั้นช่วยมิกซ์เสียง 5.1 ธรรมดาๆ มากขึ้น และในขณะที่มันทำงานได้อย่างน่าประทับใจโดยการช่วยดึงเสียงแนวตั้งออกมาจากเสียงแนวนอน ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นจะแตกกว่าเสียงแนวตรงที่มีความคมชัดมากกว่า
เป็นส่วนหนึ่งของเฟอร์นิเจอร์
ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการให้ซาวน์ดบาร์ปรากฏอยู่ในสายตา และผู้คนเหล่านี้ คือ กลุ่มที่ BOSE คำนึงถึงในการออกแบบ SMART SOUNDBAR 600 ด้วยขนาด 56x694x10 มม. ทำให้มันกะทัดรัดพอที่จะวางไว้ใต้ทีวีที่เล็กสุดได้อย่างสบาย (เล็กที่สุดในที่นี้ หมายถึง ทีวีขนาด 42-43 นิ้ว) ด้วยน้ำหนักเพียง 3.1 กก. ทำให้มันเบาพอที่จะแขวนผนังได้อย่างไม่ต้องกังวล
ส่วนประกอบหลักของ 600 ผลิตจากพลาสติคแข็งแรง มีตะแกรงโลหะที่พื้นผิวด้านบนบางส่วน ซึ่งอยู่ด้านหลัง เป็นที่ของลำโพงสำหรับยิงเสียงด้านบน และมีส่วนที่เป็นโลหะแบบมีรูพรุนอีกหลายส่วนที่ปิดด้านหน้า และด้านข้างของซาวน์ดบาร์ไว้ คุณภาพของการผลิตทำออกมาได้แข็งแรงดี
หากเสียงซาวน์ดทแรคเป็น DOLBY ATMOS ทั้งหมด SMART SOUNDBAR 600 ของ BOSE จะเป็นอะไรที่เหมาะสมแก่การมีไว้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นลำโพงที่ให้เสียงยิ่งใหญ่ และดื่มด่ำได้มากกว่าที่มิติเสียงไหนๆ จะเป็นไปได้ แม้ในบางครั้งอาจดูอบอุ่นเกินไปก็ตาม การยืนหยัดในการพยายามสร้างเสียงรอบทิศทางกับทุกๆ อย่างนั้น เป็นการเปิดช่องให้เพียงเล็กน้อยสำหรับคู่แข่งที่ดีที่สุดที่จะเข้ามาท้าชิง ถึงกระนั้นก็ตาม สำหรับราคาขนาดนี้ ถือว่าเป็นซาวน์ดบาร์ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ : ระบบเสียงที่มั่นใจ และกว้างขวาง กะทัดรัด ผลิตออกมาดี ง่ายต่อการใช้งาน
ควรปรับปรุง : ไม่เหมาะกับคอนเทนท์ที่ไม่ใช่ DOLBY ATMOS การแข่งขันสูง ตัวยึดผนังที่ต้องเสียเงินเพิ่ม
สรุป : เสียง DOLBY ATMOS ขนาดใหญ่จากซาวน์ดบาร์ขนาดเล็ก เป็นอะไรที่ดีใช่ไหม ? BOSE SOUND BAR 600 ให้เสียงหนักแน่น และดื่มด่ำได้เป็นอย่างดี
พบข้อเสนอดีๆ ของ THE BOSE SMART 600 ได้ที่: bit.ly/t3bsbr600
ตัวเลือกอื่นๆ
SONOS BEAM GEN 2 ราคา 449 ปอนด์, sonos.com
BEAM มีราคาใกล้เคียง กะทัดรัด และเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เนื่องจากมันสามารถทำงานได้เพียงลำพัง แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ มันมีความสามารถที่ใกล้เคียงกัน การประมวลเสียงดิจิทอลที่ฉลาด แต่ BOSE 600 ก็ทำให้เห็นชัดเลยว่า มันไม่สามารถทดแทนซาวน์ดบาร์ที่มีลำโพงยิงเสียงขึ้นด้านบนได้
SONOS ARC ราคา 899 ปอนด์, sonos.com
มันมี ATMOS HEIGHT CHANNELS และเสียงที่ไพเราะ ถึงแม้จะมีพอร์ท HDMI เพียงช่องเดียวก็ตาม
ทดสอบ SONY A95K QD-OLED จาก SONY เป็นยุคใหม่ของเทคโนโลยี OLED TV ที่น่าทึ่งมาก
ราคา 2,199 ปอนด์ sony.co.uk
ในขณะที่ SAMSUNG ใช้ QUANTUM DOT OLED (QD-OLED) ซึ่งดีกว่า OLED TV ธรรมดา SONY ก็ใช้เจ้า A95K ยกระดับการปรับแต่ง และคุณภาพของภาพในระดับใหม่เอี่ยม โดยมุ่งไปที่การชมภาพยนตร์ในบ้าน ดังนั้น A95K คือ TV QD-OLED ดีที่สุดที่ควรซื้อในตอนนี้หรือไม่ ?
QD-OLED แตกต่างจาก OLED ทั่วไปตรงที่มีการใช้สารเรืองแสงสีน้ำเงินในการสร้างแสงของแต่ละพิกเซล ซึ่งยิงผ่านชั้นของ QUANTUM DOT สีเขียว และสีแดง เพื่อสร้างภาพ RGB ที่บริสุทธิ์ออกมา กรรมวิธีนี้ทำให้ได้แสงที่สว่างกว่า และไม่ต้องใช้องค์ประกอบสีขาวช่วยเพิ่มความสว่าง เหมือนจอ OLED แบบดั้งเดิม และทำให้ได้ชุดสีที่กว้าง และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ดังนั้น A95K ให้ภาพที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับ QD-OLED หรือไม่ ? คำตอบสั้นๆ คือ ใช่ ในแง่คุณภาพของภาพรอบด้านดีที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นจาก TV ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าในรายละเอียดจะเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของมัน 2-3 ข้อด้วยก็ตาม
ความสว่างสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ TV OLED ทั่วไปที่ดีที่สุด โดยความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 1,020 นิท ซึ่งเพียงพอแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ A95K สามารถแยกสีออกจากสีดำที่ลึก และเข้มที่สุดได้ และความสว่างของพิกเซลไม่กระทบไปถึงพิกเซลสีดำด้านข้าง
ระดับสีดำสนิทของ A95K เป็นระดับเดียวกับที่เราได้จาก TV OLED ทั่วไป ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวก็คือ หากพบว่า TV ของ SONY อยู่ในห้องที่สว่างมาก แสงจะทำให้สีดำสนิทนั้นออกเป็นสีเทาจนกว่าความสว่างของห้องจะหายไป จึงจะกลับเป็นสีดำเช่นเดิม
พโรเซสเซอร์ COGNITIVE XR ของ SONY จะวิเคราะห์ภาพที่เข้ามา และปรับสมดุลองค์ประกอบภาพแบบเรียลไทม์ เพื่อสร้างภาพคล้ายกับวิธีที่ดวงตาของเรารับภาพจากโลกความเป็นจริงมากขึ้น ส่วนนี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่าสี และเงาที่ละเอียดสวยงามนั้นจะช่วยให้ภาพดูมีมิติ สมจริงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้หน้าจอปลดลอคระดับรายละเอียด และพื้นผิวอันน่าทึ่ง รวมถึงมอบประสบการณ์ของภาพระดับ 4K ได้อย่างสุดขั้ว
A95K เป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จของเทคโนโลยี ACOUSTIC SURFACE สิ่งที่น่าประทับใจเป็นพิเศษ คือ เสียงทรงพลังที่สร้างออกมาจากหน้าจอแล้วอัดเข้าหาคุณ เติมเต็มห้องด้วยเสียงที่มีรายละเอียดครบถ้วน กระชากให้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นอย่างแท้จริง โทนเสียงที่ออกมาเข้มข้น หนักแน่น ไม่มีความกระด้างที่ปลายเสียง หรือเสียงเบสส์แตก และเพี้ยนให้ได้ยิน
ย้อนความหลัง
การออกแบบที่ไม่ธรรมดาของ A95K ทำให้เรานึกถึง TV OLED เครื่องแรกของ SONY รุ่น A1E ซึ่งก็คือ การดีไซจ์นแบบวางหน้าจอไว้บนแผ่นโลหะสีดำขนาดใหญ่ ที่ยาวเท่ากับขนาดหน้าจอ คุณสามารถเลือกได้ว่า ต้องการติดตั้งหน้าจอไว้ที่ด้านหน้าของขาตั้งเพื่อให้ดูสะอาดตา หรือติดตั้งขาตั้งไว้ด้านหลังในกรณีต้องการแขวนผนัง
ขนาดของ A95K ค่อนข้างหนาตามมาตรฐานของ TV OLED ในปัจจุบัน นั่นอาจเป็นเพราะว่าต้องบรรจุระบบเสียงอันสุดทรงพลังไว้ ถึงแม้ว่ามันจะเทอะทะ แต่ก็ยังมีสไตล์ ต้องขอบคุณการใช้ที่ครอบแบบหนีบในการเก็บสายไฟด้านหลังด้วย
ในแง่ของอินพุท ประกอบด้วย ช่องต่อ HDMI 4 ช่อง และ USB 3 ช่อง โดย HDMI 2 ช่อง สามารถรองรับ 4K/120HZ และการเล่นเกมที่มีอัตราการ REFRESH สูงได้ น่าเสียดายที่ HDMI ทั้ง 4 ช่องนั้น รองรับความเร็วของการเล่นเกมได้ไม่เต็มที่ และด้วยการตั้งค่าที่พิลึกพิลั่น ทำให้คุณต้องเลือกว่าจะเพลิดเพลินไปกับ DOLBY VISION HDR หรือความละเอียดภาพแบบ 4K/120HZ คุณไม่สามารถใช้ทั้ง 2 อย่างพร้อมกันได้
การพึ่งพาระบบสมาร์ททีวีด้วย GOOGLE TV ไม่ได้ทำให้ A95K ใช้งานง่ายเป็นพิเศษแต่อย่างใด ถึงแม้ว่า GOOGLE TV จะน่าดึงดูดใจ และปรับแต่งได้มากกว่า ANDROID TV รุ่นก่อนๆ แต่อินเตอร์เฟศแบบเต็มหน้าจอ และการจัดการเนื้อหาแบบยัดเยียดในบางครั้ง อาจทำให้การเข้าถึงรายการที่คุณต้องการรับชมได้นั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อ
TV รุ่นเรือธงปี 2022 ของ SONY ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็ใกล้เคียงคำนั้นมาก ใช่แล้ว มันขายในราคาพรีเมียมที่เหนือกว่ารุ่นคู่แข่งอย่าง QD-OLED S95 ของ SAMSUNG และเราเดาว่า มันให้ความรู้สึกที่เหนือกว่า TV OLED ทั่วไป แม้ไม่ระดับก้าวกระโดด แต่ความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยจาก OLED ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ใหญ่แล้ว ผนวกสิ่งนี้เข้ากับ QD-OLED ของ SONY ที่นำเสนอเรื่องการควบคุม และความใส่ใจของผู้ผลิตมากกว่าทางฝั่ง SAMSUNG อีกทั้ง SONY ให้ระบบเสียงที่ดีกว่า แค่นั้นก็ทำให้ SONY ชนะแบบนอนมาได้เลย
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ : ภาพแบบไดนามิค และมีชีวิตชีวา คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม การออกแบบโดดเด่น รองรับฟีเจอร์การเล่นเกมรุ่นล่าสุด
ควรปรับปรุง : สูญเสียระดับสีดำในที่ๆ มีแสงสว่างมาก ไม่มี DOLBY VISION รองรับการเล่นเกมที่มีเฟรมเรทสูง ช่องต่อ HDMI 4K/120HZ เพียง 2 ช่อง อินเตอร์เฟศดูใช้งานยาก
สรุป : มีข้อดีมากมายที่รวบรวมได้จาก A95K โดยพื้นฐานแล้วมัน คือ TV 4K ที่มีความสามารถรอบด้านที่สุดที่เราเคยเห็นมา
พบข้อเสนอดีๆ ของ SONY A95K ได้ที่ : bit.ly/t3snya95K
ตัวเลือกอื่นๆ
SAMSUNG S95B ราคาเริ่มต้น 1,199 ปอนด์, samsung.com
เป็นคู่แข่งที่ทัดเทียมกับ A95K มากที่สุด TV รุ่นนี้ดึงข้อได้เปรียบของเทคโนโลยี QD-OLED ในด้านความสว่าง และสีสันมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ภาพที่ออกมาก็มีความไม่เป็นธรรมชาติบ้างในบางครั้ง และระบบเสียงของมันก็ยังไม่ดีเท่า
SAMSUNG QN95B ราคาเริ่มต้น 1,499 ปอนด์, samsung.com
QN95B ของ SAMSUNG ใช้เทคโนโลยี MINI-LED ในการมอบระบบ HDR ที่สว่างกว่าของ A95K และระบบลดแสงที่น่าประทับใจของสีดำตามมาตรฐานทีวี LCD
ทดสอบ GRADO GS3000X STATEMENT ลายไม้สุดสง่า เสียงน่าทึ่ง ราคาดึงดูดใจ
ราคา 2,199 ปอนด์ selfridges.com
คุณลืมแนวคิดเรื่องความทันสมัยไปได้เลย หากกำลังตามหาหูฟังแบบครอบหูราคาแพงๆ เพราะ GRADO เป็นตัวเลือกค่อนข้างย้อนยุค อย่างน้อยก็ในเรื่องภาพลักษณ์ แล้วเราจะคาดหวังอะไรจากมันได้บ้าง มันจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือไม่ ?
S3000X STATEMENT ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผลิตด้วยความอุตสาหะ และมุ่งมั่น ทว่าหูฟังของ GRADO คู่ไหนยิ่งมีราคาสูงมาก ก็ยิ่งจะเห็นว่ามีการใช้วัสดุธรรมชาติอย่างชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อเสีย แม้แถบคาดศีรษะด้านบนจะให้ความรู้สึกว่าถูกบุมาหยาบๆ แต่ GS3000X ก็เบาจนไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก 515 กรัม เนื่องจากถูกออกแบบเรื่องการจัดวางเป็นอย่างดี ถึงฟองน้ำหูฟัง G-CUSHION จะใหญ่เทอะทะ แต่ก็ยังคงความเย็น และสบาย แม้ในช่วงการใช้งานที่ยาวนาน แม้ว่าสายขนาด 198 ซม. จะดูใหญ่ แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่เลย มันไม่ใช่สายแบบ 12 คอร์ มันมีน้ำหนัก เป็นไปไม่ได้ที่จะยืดสายให้ตรง และง่ายต่อการพันกันเล็กน้อย
GS3000X ให้เสียงเป็นธรรมชาติ มีรายละเอียดชัดเจน หัวเสียง เครื่องดนตรี และเสียงร้อง ถ่ายทอดโทนเสียงได้ครบถ้วนตั้งแต่ความถี่ต่ำไปจนถึงความถี่สูง
การรวมช่วงความถี่ทั้งหมดราบรื่นยิ่งกว่าผ้าแคชเมียร์ ไดนามิคเฮดรูมมีมากพอรู้สึกได้ ข้อเสียของหูฟังรุ่นนี้ มีน้อยมาก คือ มันต้องใช้ไฟล์ต้นทางที่เหมาะสมเท่านั้น
GS3000X STATEMENT เป็นหนึ่งในหูฟังที่เสียงทะลุออกมาข้างนอกมากที่สุดเท่าที่เราเคยทดสอบ นอกเหนือจากนั้น ไม่มีคำใดๆ จะตำหนิประสิทธิภาพของหูฟังนี้อีกแล้ว
หากคุณต้องการเข้าถึงหัวใจของเสียงเพลง และมีงบประมาณมากพอ รวมทั้งไม่รังเกียจที่อาจจะดูแปลกๆ เมื่อสวมใส่ GRADO GS3000X STATEMENT เป็นหูฟังที่เหมาะกับคุณ
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ : เสียงมีรายละเอียดสวยงาม จะมาจากไฟล์ไหนก็ฟังได้ไพเราะ
ควรปรับปรุง : สายเคเบิลไม่ได้ช่วยอะไร มีเสียงรั่วออกมาเยอะที่สุดเท่าที่เคยฟัง รูปลักษณ์สะดุดตาเกินไป
สรุป : ราคาไม่ถูก รูปลักษณ์ดูโดดไป แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นหนึ่งในหูฟังที่น่าพึงพอใจมากที่สุดในการฟังเพลงทุกแบบ
พบข้อเสนอดีๆ ของ GS3000X STATEMENT ได้ที่ : bit.ly/t3grad3kx
ทดสอบ GARMIN INSTINCT CROSSOVER SOLAR สมาร์ทวอทช์กลางแจ้งแบบไฮบริดสุดทนทาน และเป็นนาฬิกาจาก GARMIN ที่แปลกตาสุดในปัจจุบัน แต่อาจแปลกเกินไปสำหรับใครหลายคน
ราคา 530 ปอนด์ garmin.com
ซีรีส์ INSTINCT เป็นรุ่นทดสอบสำหรับ GARMIN มาโดยตลอด ทว่าสมาร์ทวอทช์แบบไฮบริด CROSSOVER SOLAR กำลังเป็นรุ่นที่จะถูกผลักออกไปสู่ตลาดจริง สำหรับท่านที่มาใหม่ มันเป็นนาฬิกามัลทิสปอร์ทสุดทนทาน พร้อมเข็มนาฬิกาแบบแอนาลอก ถึงแม้จะมีนาฬิกาของ GARMIN อยู่มากมายหลายแบบก็ตาม คุณก็อาจสะดุดตากับเรือนนี้ได้ไม่ยาก ดังนั้น หากกำลังมองหาความเป็นเอกลักษณ์อย่างแท้จริง นี่อาจเป็นนาฬิกาที่คุณตามหา
ในแง่ของฟีเจอร์ GARMIN INSTINCT CROSSOVER SOLAR มีลักษณะคล้ายกับรุ่น INSTINCT 2 SOLAR ความแตกต่างหลักๆ มีเพียงอย่างเดียว คือ เข็มนาฬิกาแบบแอนาลอกเรืองแสง ซึ่งถูกวางซ้อนอยู่บนหน้าจอดิจิทอล และจะถูกเลื่อนออกไปโดยอัตโนมัติเมื่อคุณโต้ตอบกับนาฬิกาผ่านปุ่มใช้งาน
นาฬิกาผลิตขึ้นตามมาตรฐาน MIL-810 และนี่คือ สมาร์ทวอทช์ที่ทนทานต่อการใช้งาน และ GARMIN ได้ร่วมงานกับกองทัพสหรัฐฯ เราจึงมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่านาฬิกาของพวกเขามีความทนทานต่อความร้อน การกระแทก กันน้ำได้ถึง 10 ATM ตัวเรือนนั้นไม่ได้เบา หรือบาง มันมีน้ำหนักถึง 65 กรัม และสายไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนได้เช่นกัน
น่าเสียดายที่จอแสดงผล MIP ขนาด 0.9x0.9 นิ้ว (ความละเอียด 176x176 พิกเซล) ไม่ได้มีอะไรให้ตื่นเต้น มันเป็นจอขนาดเล็ก ความละเอียดต่ำ แย่ไปกว่านั้น คือ เข็ม ต่อให้มีขนาดเล็กแค่ไหนก็ตาม มันก็จะบังหน้าจอไปนิด ส่งผลให้หน้าจอที่มีค่าดั่งอสังหาริมทรัพย์มีขนาดเล็กลงไปอีก เราไม่รังเกียจจอแสดงผล MIP แบบขาวดำ อย่างน้อยมันก็ใหญ่พอที่จะแสดงให้เราเห็นถึงค่าสถิติขณะวิ่ง หรือเดินป่า
มันเป็นสมาร์ทวอทช์ที่มีอายุการใช้งานแบทเตอรียาวนาน ตามสเปคระบุว่า มีอายุการใช้งาน 70 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ พร้อมการชาร์จพลังงานด้วยแสงอาทิตย์ (ใช้งานได้ 28 วัน แบบไร้แสงอาทิตย์) และแบทเตอรีในโหมด GPS อยู่ที่ 31 ชม. (25 ชม. แบบไร้แสงอาทิตย์) ทว่า GARMIN กล่าวว่า อายุการใช้งานแบทเตอรีจริงๆ นั้นอาจแตกต่างออกไป เป็นเพราะเราใช้ GPS ค่อนข้างบ่อย ทำให้ต้องชาร์จแบทเตอรี 2 ครั้ง ตลอดช่วงการทดสอบที่ยาวนานถึง 1 เดือน
ตัวสมาร์ทวอทช์อัดแน่นด้วยฟีเจอร์มากมาย ซึ่งรวมถึงเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออพทิคอล การให้คะแนนการหลับ (SLEEP SCORE) การตรวจสอบการนอนหลับขั้นสูง (ADVANCED SLEEP MONITORING) แบทเตอรีร่างกาย (BODY BATTERY) การประมาณค่า VO2 MAX วัดออกซิเจนในเลือด (PULSE OX) การคำนวณความแข็งแรงต่ออายุ (FITNESS AGE CALCULATION) และสถานะ/ปริมาณ/เอฟเฟคท์ของการออกกำลัง
สำหรับความแม่นยำของ GPS นั้น INSTINCT CROSSOVER SOLAR ใช้ระบบ GNSS แบบหลายตัวแต่มีชิพเพียงตัวเดียว ดังนั้น มันจึงต้องดิ้นรนหน่อยในการเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายต่อ GPS จากประสบการณ์ที่เราได้รับ สมาร์ทวอทช์จับสัญญาณได้แทบจะทันที และไม่พลาดเลยสักครั้ง หลังจากที่เราโหลดพโรไฟล์กีฬากลางแจ้งเข้าไป
สมาร์ทวอทช์แบบไฮบริดที่สวยงามมีมากมายในท้องตลาดที่วัดค่า ECG และติดตามการออกกำลังได้ในราคาครึ่งเดียวของ INSTINCT CROSSOVER ถึงแม้ว่า GARMIN จะมีความแม่นยำกว่าสมาร์ทวอทช์เหล่านั้น แต่ในภาพรวมของนาฬิกาไฮบริด คือ การดึงดูดคนที่ไม่ชอบรูปลักษณ์ของนาฬิกาดิจิทอลเข้ามา ถ้าคนเหล่านั้นไม่ชอบรูปลักษณ์ INSTINCT CROSSOVER แล้วอย่างนั้นใครกันล่ะที่จะซื้อ ?
คะแนนจาก T3
น่าประทับใจ : GPS รวดเร็ว และแม่นยำ อายุใช้งานแบทเตอรียาวนาน ฟีเจอร์เกี่ยวกับฟิทเนสส์ และสุขภาพมากมาย
ควรให้ปรับปรุง : ราคาสูง เป็นนาฬิกา GARMIN เฉพาะกลุ่มมากเกินไป จอ MIP ขนาดเล็ก ดีไซจ์นเทอะทะ
สรุป : เมื่อพิจารณาจากราคา และข้อเท็จจริงที่ว่า มันเป็นนาฬิกาแอนาลอกที่ได้รับการอัพเกรดเล็กน้อย คุณอาจสงสัยว่า มันออกแบบมาเพื่อใคร ก็อาจจะสำหรับแฟนนักสะสมนาฬิกา GARMIN ตัวยงเท่านั้น
พบข้อเสนอดีๆ ของ INSTINCT CROSSOVER SOLAR ได้ที่ : bit.ly/t3gmcrsin
ABOUT THE AUTHOR
T3
ภาพโดย : T3นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS