ผลทดสอบต่างแดน
แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช เทียบชั้น
ยิ่งกว่านรกแตกเมื่อ นิตยสาร "ทอพเกียร์" จับ แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช มาปะทะกับ แฟร์รารี 550
มาราเนลโล เพราะ แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช เป็น จีที ตัวโหดจากเกาะ อังกฤษ ที่ความสุดยอดใน
ทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง สมรรถนะ เทคโนโลยี ความหรูหรา ขณะที่ แฟร์รารี 550
มาราเนลโล ก็เป็นสุดยอดเอกโซติคคาร์วางเครื่องหน้าขับหลัง ที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาด้วยจุดมุ่งหมาย
เดียวกันกับ แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช ทั้งคู่จึงเป็นคู่แข่งกันโดยปริยาย
แอสตัน มาร์ทิน เกทับด้วยหลักการใหญ่ไว้ก่อนพ่อสอนไว้ กับเครื่องยนต์เบนซิน วี 12 สูบ ความจุถึง
6,000 ซีซี ส่วน 550 มาราเนลโล คัดสุดยอดเครื่องยนต์เบนซิน วี 12 สูบ ที่เล่นกับความจุแค่
5,500 ซีซี ก็พอ แต่ได้เปรียบตรงที่มีน้ำหนักเครื่องน้อยกว่า ด้วยประสบการณ์ที่ทำเครื่องยนต์
ไฮเพอร์ฟอร์มานศ์มาตลอด สามารถขุนม้าพันธุ์ดีออกมาถึง 478 ตัว ขณะที่ แวนควิช ซึ่งคอกใหญ่กว่าแต่มี
ม้าอยู่เพียง 460 ตัว และแรงบิดสูงสุดวัดได้ 55.3 กก.-ม. ที่ 5,000 รตน. ส่วน 550 มาราเนลโล
ในรอบเครื่องเดียวกันสามารถดึงกราฟแรงบิดขึ้นไปถึง 57.9 กก.-ม. เพียงแค่ดูข้อมูลเครื่องยนต์
ก็น่าสนุกแล้ว แล้วถ้าลงไปฟัดกันในแทรคจะดุเดือดขนาดไหน
เมื่อเทียบพิกัดน้ำหนักกันจะๆ แล้ว แวนควิช เสียเปรียบกว่าด้วยน้ำหนักถึง 1,835 กก.(สัดส่วนกำลังต่อ
น้ำหนัก 251 แรงม้า/ตัน) ขณะที่ 550 มาราเนลโล มีน้ำหนักแค่ 1,690 กก. (สัดส่วนกำลังต่อน้ำหนัก
เท่ากับ 283 แรงม้า/ตัน) เบากว่า แวนควิช ถึง 145 กก. นั่นเป็นเพราะ 550 มาราเนลโล มีมิติที่
ย่อมกว่าทั้งความยาว และความสูง แต่จะมีความกว้างมากกว่า
เอาละ...จับมาฟัดกันในแทรคดีกว่าจะคุยทับกันด้วยตัวเลข เริ่มจากการหาอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.
สปรินท์ออกจากเส้นสตาร์ทพร้อมๆ กัน 550 มาราเนลโล กวาดเข็มวัดรอบเข้าเรดไลน์ทุกเกียร์
พุ่งนำเข้าเส้นไปก่อนด้วยเวลา 4.4 วินาที ลากต่อไปถึงความเร็วสูงสุดที่ 318 กม./ชม. แอสตัน
ตามมาติดๆ ด้วยเวลา 5.0 วินาที แต่ยังไม่หายข้องใจอัดต่อไปเข็มวัดความเร็วกวาดไปหยุดสนิทที่
304 กม./ชม.
ตัวเลขในสนามแข่งยังไม่สะใจ ลงไปวัดกันต่อในไฮเวย์ แม้ แฟร์รารี จะมีตัวเลขอัตราเร่งที่สวยกว่า
แต่ในย่านความเร็วระดับกลางบนไฮเวย์ ก็จะเห็น แวนควิช ไล่บี้อยู่ในกระจกส่องหลังตลอด แถมบาง
ช่วงที่ แวนควิช ยังอาศัยจังหวะเปลี่ยนเกียร์ที่คล่องกว่าเสียบขึ้นมาด้านข้างได้อีกด้วย หวังว่าอีกไม่นาน
550 มาราเนลโล คงจะได้เทคโนโลยีจากระบบเกียร์จาก 360 เอฟ 1 มาใช้ ซึ่งจะทำให้ แวนควิช
ต้องเหนื่อยขึ้นอีกเยอะ
อย่างไรก็ตาม แวนควิช ให้ความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่เหนือกว่า แม้ 550 มาราเนลโล จะมีระบบ
ปรับระบบรองรับด้วยอีเลคทรอนิคก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถเทียบชั้นได้กับ แวนควิช ซึ่งเน้นความนุ่มนวล
และสะดวกสบายในการขับขี่ แน่นอน ระบบรองรับของ 550 มาราเนลโล จัดได้ว่าเป็น จีที ที่มีการ
ควบคุมบังคับที่ยอดเยี่ยมตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า แวนควิช ซึ่งมีน้ำหนักตัวมากกว่าจะมีควบคุม
บังคับที่ด้อยกว่า ด้วยระบบรอบรับพร้อมชุดควบคุมการทรงตัวของ แวนควิช ทำให้ แวนควิช จัดว่าเป็น
จีที ที่เข้าโค้งได้นิ่ง และเนียนมาก แม้จะมีน้ำหนักตัวมาก และวางเครื่องหน้าขับหลัง แต่ความคล่องตัว
ไม่เป็นรองใคร ในการใช้งานจริงในเมืองโดยเฉพาะในเขตชุมชนที่มีแท่งปูนดักความเร็วถี่ๆ 550
มาราเนลโล จะค่อนข้างอึดอัดกับการเลี้ยงรอบเครื่องยนต์ ขณะที่ แวนควิช ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเทียบ
เท่ารถระดับลักซ์ชัวรีชั้นดี
การทดสอบการเบรคสามารถทำได้ดีทั้งคู่ แม้ แวนควิช จะมีจานเบรคขนาดใหญ่กว่าแต่ยังไม่เข้ากันกับ
น้ำหนักตัวที่มากกว่า ขณะที่ 550 มาราเนลโล เหนือกว่าทั้งความมั่นใจได้ และสามารถทำระยะเบรค
ได้ดีกว่า
ด้านประโยชน์ใช้สอยภายใน แฟร์รารี 550 มาราเนลโล เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ
ในห้องเก็บสัมภาระในด้านหลังสามารถยัดถุงกอล์ฟเข้าไปได้ถึงสองเซท ทั้งยังมีหนังสือคู่มือประจำรถ
พร้อมกล่องพยาบาลอีกเซทหนึ่ง ในขณะที่เนื้อที่ด้านท้ายของ แวนควิช คับแคบกว่า เพียงแค่พยายามยัด
ถุงกอล์ฟเข้าท้ายรถก็ลำบากแล้ว
ทัศนวิสัยจากภายในก็เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ 550 มาราเนลโล ทำคะแนนนำ โดยเฉพาะเสากระจกหน้าที่
บางกว่าทำให้มีทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่งกว่า ขณะที่ แวนควิช มีน้ำหนักตัวมาก จึงต้องทำเสากระจกหน้า
ขนาดใหญ่ เน้นความแข็งแรง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเวลาพลิกคว่ำ ซึ่งจะรบกวนทัศนวิสัย โดยเฉพาะ
ในช่วงเข้าโค้งที่ต้องใช้สายตากวาดดูให้ทั่วโค้ง
ถ้ามองกันในเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสารของสุดยอด จีที ทั้งสอง คงไม่
สามารถชี้ขาดได้ว่าใครเหนือกว่า อุปกรณ์ภายในของทั้งสองคันจัดว่าถูกคัดสรรมาอย่างดี จะต่างกันใน
เรื่องปลีกย่อยที่ แวนควิช ได้เปรียบ 550 มาราเนลโล ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งสบายกว่า การจัดท่านั่งดี
กว่า และวัสดุดีกว่า ทั้งคู่ไม่มียางอะไหล่มาให้มีเพียงโฟมปะยางบรรจุกระป๋อง แวนควิช มีเซนเซอร์วัด
ความดันลมยาง พร้อมระบบนำทางด้วยคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายดาวเทียม ส่วนที่เหมือนๆ กันคือ ทั้งคู่มี
กระเป๋าเดินทางที่ฟิทพอดีสำหรับห้องเก็บสัมภาระ เครื่องปรับอากาศ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า เครื่องเสียง
พร้อมซีดีเชนเจอร์ 6 แผ่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ อีกมาก
หลังจากได้ทดลองขับ 550 มาราเนลโล แล้วขึ้นขับ แวนควิช นักทดสอบสามารถบอกได้ทันทีว่า แวนควิช
เงียบกว่า มีระบบรองรับที่ดีกว่า ทั้งในความเร็วสูงยังมีเสียงลมรบกวนน้อยกว่า
ถ้าจะให้ชี้ขาดลงไปว่ารูปทรงของคันไหนสวยกว่าคงจะเป็นเรื่องลำบากเพราะทั้งคู่ต่างกันในรูปแบบ
แวนควิช เป็นผลงานออกแบบของ เอียน คัลลัม ที่ให้ความรู้สึกหนาหนัก และดุดัน ขณะที่ 550
มาราเนลโล เป็นผลงานจากสำนักออกแบบ ปินินฟารีนา มีรูปทรงเรียวบาง และลื่นไหลกว่า
นอกจากนั้นซุ่มเสียงของทั้งสองคันยังบ่งบอกถึงบุคลิกที่แตกต่างกันด้วย โดย แวนควิช จะมีเสียงหนักทุ้ม
ส่วนเสียงของ แฟร์รารี แผดสูงกว่า ด้วยเครื่องยนต์ วี 12 สูบ ที่สามารถหมุนได้กว่า 5,000 รตน.
สำหรับรถระดับนี้เรื่องของความสมบูรณ์แบบ คงไม่ต้องพูดกันให้มากความ มันขึ้นอยู่กับความนิยมชมชอบ
ของแต่ละคนมากกว่า ว่าต้องการสปอร์ทผู้ดีค่าตัว 9,796,000 บาท อย่าง แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช
หรือ หรูแต่ดิบค่าตัว 9,424,000 บาท อย่าง แฟร์รารี 550 มาราเนลโล
[table]ข้อมูลจำเพาะ
แอสทัน มาร์ทิน แวนควิช แฟร์รารี 550 มาราเนลโล,,
เครื่องยนต์,,
แบบ, วี 12 สูบ 48 วาล์ว TWIN DOHC,
ความจุ (ซีซี), 5935, 5474
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.), 460/6500, 478/7000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน. ) ,55.3/5000 ,57.9/5000
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย (กม./ลิตร), 6.2, 4.4
สมรรถนะ,,
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) ,5.0, 4.4
ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.), 304 ,318
ราคาที่อังกฤษโดยประมาณ (บาท), 9796000 ,9424000[/table]
ABOUT THE AUTHOR
อ
อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
ภาพโดย : -นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2545
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบต่างแดน