สังคม + ธุรกิจ
มหกรรมยานยนต์ปารีส
มหกรรมยานยนต์ปารีส
เบนซ์ ปะทะ บีเอมดับเบิลยู
แย่งกันอวดโฉมรถอนาคต
ฝรั่งเศส-เมร์เซเดส-เบนซ์ และ บีเอมดับเบิลยู สองผู้ผลิตรถยนต์ "คู่กัด" ของเมืองเบียร์ ใช้เวทีในงานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุด เป็นที่เปิดตัวผลงานพิเศษรวมสามชิ้น สองชิ้นแรก เป็น "รถแนวคิด" ที่กำลังจะเปลี่ยนสภาพเป็น "รถตลาด" ในอนาคตอันใกล้ ส่วนชิ้นที่สาม เป็นรถที่ทำขึ้นเพื่อสร้างสถิติความเร็ว และทดสอบสรรพคุณของเครื่องยนต์ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง
ในงานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นที่นครหลวงของฝรั่งเศส ในช่วงเวลาสองสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 25 กันยายน จนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2004 ค่ายดาวสามแฉกสามารถเรียกผู้คนเข้าสู่พื้นที่จัดงานของตนได้อย่างแน่นขนัดและอึดอัด เหมือนคนตัวโตแต่ใส่เสื้อเบอร์เอส แม่เหล็กดึงดูดผู้คนเหล่านี้ คือ CONCEPT CAR หรือ "รถแนวคิด" จำนวนสองคัน ที่ออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้
คันแรกคือ วิชัน บี คอมแพคท์ สปอร์ทส์ ทัวเรอร์ (VISION B COMPACT SPORTS TOURER) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถอเนกประสงค์ห้าที่นั่ง ตัวถังยาว 4.270 ม.
ซึ่งเป็นต้นแบบของรถตลาดติดตราดาวสามแฉก ที่จะออกจำหน่ายทั้งในยุโรป และสหรัฐอเมริกาในชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ บี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ B-CLASS) พัฒนา
จากรถอเนกประสงค์ขนาดมีนีที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในขณะนี้ คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ A-CLASS) แต่มีตัวถังยาว และสูงกว่ากันเล็กน้อย เครื่อง
ยนต์ที่ค่ายดาวสามแฉกนำมาใช้ในรถแนวคิดคันนี้ โดยติดตั้งใต้ห้องโดยสารในลักษณะ "แซนด์วิช" เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง 140 แรงม้า ที่ออกแบบขึ้นใหม่และประหยัดเป็นพิเศษ ระยะทาง 100 กม. ใช้เชื้อเพลิงไม่ถึง 6 ลิตร
คันที่สองคือ วิชัน อาร์ แกรนด์ สปอร์ทส์ ทัวเรอร์ (VISION R GRAND SPORTS TOURER) เป็นรถแนวคิดขนาด 4+2 ที่นั่ง ตัวถังยาว 4.920 ม. ที่ผสมผสานคุณลักษณะ
ของ รถกิจกรรมกลางแจ้ง รถเก๋งตรวจการณ์ และรถเก๋งซีดานระดับหรู เข้าไว้ด้วยกัน และเป็นต้นแบบของรถที่กำลังจะออกจำหน่ายในตลาดทั่วโลกในชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ อาร์-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ R-CLASS) โดยใช้ พแลทฟอร์มร่วมกับรถรุ่นใหม่อีกสองอนุกรมที่กำลังจะออกตลาดเช่นกัน คือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอม-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ M-CLASS) กับ เมร์เซเดส-เบนซ์ จี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ G-CLASS) และจะใช้โรงงานซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐอลาบามา ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่ผลิต
ส่วนค่ายใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว ซึ่งงานนี้ไม่มีผลงานรถแนวคิด ก็ยังเรียกความสนใจจากผู้คนได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันนัก เพราะมีแม่เหล็ก คือ บีเอมดับเบิลยู เอช ทู อาร์ เรคอร์ด คาร์ (BMW H2R RECORD CAR) รถตัวถังอลูมิเนียม ยาว 5.40 ม. กว้าง 2.00 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.21 ที่ใช้เวลาในการออกแบบ และพัฒนาแค่ 10 เดือน โดยขอหยิบขอยืมเครื่องยนต์ วี 12 สูบ 5,972 ซีซี จากรถ บีเอมดับ เบิลยู 760 ไอ (BMW 760I) แต่ปรับแต่งใหม่ในหลายๆ จุด รวมทั้งเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน เป็นแกสไฮโดรเจน
พิสูจน์กันแล้วที่สนามทดสอบความเร็ว MIRAMAS ในเมืองน้ำหอม ปรากฏว่า รถที่หน้าตาไม่น่าจะเป็นรถคันนี้ สามารถสร้างสถิติความเร็วของรถเครื่องยนต์สันดาปภายในที่
ใช้แกสไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงขึ้นใหม่ รวม 9 รายการ และหนึ่งในจำนวนนั้น คือ ทำระยะทาง 1 กม. ในเวลา 11.993 วินาที (ความเร็วปลาย 300 กม./ชม.)
ย่อยข่าว
* ฝรั่งเศส-ตามตัวเลขของ คณะกรรมการผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศส หรือที่เรียกกันโดยย่อว่า CCFA (COMITE DES CONSTRUCTEURS FRANCAIS D'AUTOMOBILES)
ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2004) รถยอดนิยม เรอโนลต์ เมกาน (RENAULT MEGANE) ยังรักษาตำแหน่งรถขายดีที่สุดในยุโรปไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
เพราะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถใหม่ได้ถึงร้อยละ 4.9 โดยมีรถแบบอื่นๆ ทำได้ดีรองลงไปตามลำดับดังนี้
1. เรอโนลต์ เมกาน 4.9 %
2. ฟอร์ด โฟคัส 3.9 %
3. เปอโฌต์ 206 3.7 %
4. โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ 3.6 %
5. เปอโฌต์ 307 3.3 %
6. เรอโนลต์ กลีโอ 2.8 %
7. โอเพล โคร์ซา 2.5 %
8. เฟียต ปุนโต 2.3 %
9. ฟอร์ด ฟิเอสตา 2.2 %
10. ซีตรอง เซตรัวส์ 2.2 %
11. โอเพล อัสตรา 2.0 %
12. ซีตรอง ซารา 2.0 %
13. บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-3 1.9 %
14. โฟล์คสวาเกน โพโล 1.8 %
15. เอาดี เอ 4 1.7 %
อย่างไรก็ตาม เฉพาะในตลาดเมืองน้ำหอม รถขายดีที่สุดกลับไม่ใช่ เรอโนลต์ เมกานแต่กลายเป็น เปอโฌต์ 206 (PEUGEOT 206) ซึ่งในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ สามารถทำยอดขายได้รวม 84,917 คัน โดยมีรถแบบอื่นๆ ทำยอดขายไล่เรียงกันไปดังนี้
1. เปอโฌต์ 207 84,917 คัน
2. เรอโนลต์ กลีโอ 83,314 คัน
3. เปอโฌต์ 307 77,380 คัน
4. เรอโนลต์ เซนิก 64,334 คัน
5. เรอโนลต์ เมกาน 57,935 คัน
6. ซีตรอง เซตรัวส์ 46,975 คัน
7. ซีตรอง ปิกัสโซ 34,051 คัน
8. เรอโนลต์ ลากูนา 29,551 คัน
9. เรอโนลต์ ทวิงโก 26,818 คัน
10. โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ 21,397 คัน
11. ซีตรอง เซเดอซ์ 16,920 คัน
12. ฟอร์ด ฟิเอสตา 16,242 คัน
13. ฟอร์ด โฟคัส ซี-แมกซ์ 15,720 คัน
14. เรอโนลต์ แอสปาศ 15,375 คัน
15. โตโยตา ยาริส 14,025 คัน
* ฝรั่งเศส-ตามตัวเลขของคณะกรรมการผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศส (CCFA) เช่นกันงานมหกรรมยานยนต์ปารีสครั้งล่าสุด ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 กันยายน-10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้สร้างสถิติขึ้นใหม่อีกแล้ว คือมีรถใหม่ออกอวดตัวแบบ WORLD PREMIER หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ถึง 60 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 10 คัน จากตัวเลขในงานครั้งก่อนซึ่งมีขึ้นเมื่อปี 2002 และหนึ่งในจำนวนรถใหม่ที่ว่านี้ คือ เปอโฌต์ 907 (PEUGEOT 907) ผลงานรังสรรค์ของค่ายสิงห์เผ่น ซึ่งเป็นรถแนวคิด ในรูปลักษณ์ของรถ สปอร์ทซูเพอร์คาร์ ที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับรถประเภทเดียวกันของค่ายดาวสามแฉกคือ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลอาร์ แมคลาเรน (MERCEDES-BENZ SLR McLAREN)
* ญี่ปุ่น-ผลการสำรวจความเชื่อถือได้ของรถที่ใช้อยู่ในญี่ปุ่น โดย เจ ดี เพาเวอร์ เอเชีย แปซิฟิค (J D POWER ASIA PACIFIC) ผู้ชำนัญการด้านวิเคราะห์วิจัยรถยนต์ ครั้งล่าสุด ซึ่งสำรวจจากรถที่จำหน่ายในปี 2002 ปรากฏว่า รถที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ โตโยตา (TOYOTA) ซึ่งเกิดปัญหาขึ้นเพียง 89 ครั้ง ในรถจำนวน 100 คัน โดยมีรถยี่ห้ออื่นๆ ทำได้ดีรองลงไปดังนี้
โตโยตา 89 ครั้ง
ฮอนดา 91 ครั้ง
นิสสัน 108 ครั้ง
ซูบารุ 122 ครั้ง
มาซดา 130 ครั้ง
มิตซูบิชิ 134 ครั้ง
บีเอมดับเบิลยู 144 ครั้ง
โฟล์คสวาเกน 147 ครั้ง
เมร์เซเดส-เบนซ์ 170 ครั้ง
สำหรับค่าเฉลี่ยของรถทุกยี่ห้อที่สำรวจในครั้งนี้ คือ 104 ครั้ง (135 ครั้ง ในปี 2001 และ 157 ครั้ง ในปี 2000)
* เยอรมนี-ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2004) อุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองเบียร์ ผลิตรถออกสู่ตลาดได้รวมทั้งสิ้น 2,706,206 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 4.5 จาก 2,589,544 คัน ในช่วงเดียวกันเมื่อปี 2003 โดยมีผู้ผลิตได้มากที่สุดหกอันดับแรกดังนี้
1.โฟล์คสวาเกน 571,017 คัน
2.ไดมเลร์ ไครสเลอร์ 510,331 คัน
3.โอเพล 430,093 คัน
4.ฟอร์ด 407,752 คัน
5.เอาดี 385,962 คัน
6.บีเอมดับเบิลยู 362,003 คัน
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2547
คอลัมน์ Online : สังคม + ธุรกิจ