ขอบถนน
แกงค์ "ซิ่ง"
จบครับ จบไปเรียบร้อยแล้วสำหรับความพยายามของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ต้องการจะยกระดับแกงค์ "ซิ่ง" กวนเมืองผิดกฎหมายให้เป็นขวัญใจมหาชนหลังจากที่ ฯพณฯ พยายามฝืนกระแสสังคมผลักดันแนวคิดของท่านจนกระทั่งสามารถจัดการแข่งขันเอาใจวัยโจ๋ขา "ซิ่ง" เหล่านี้ขึ้นมาได้ในที่สุด
แต่การแข่งขันนี้ก็ไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่ท่านคาดหวังเอาไว้ ถึงแม้ว่าท่านจะว่าของท่านว่าท่านทำได้ดี ทำได้สวยแล้วก็ตามที จากภาพโดยรวมที่ปรากฏออกมาสู่สายตาสาธารณชนผ่านทางสื่อมวลชนทั้งหลายจะเห็นว่าในการจัดการแข่งขันที่สนามแข่งรถ คลอง 5 จังหวัดปทุมธานีที่เปิดโอกาสให้เหล่านัก "ซิ่ง" ท้านรกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของท่านมาเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่ต้องเสียค่าสมัครเข้าแข่งขันแต่อย่างใดรวมไปถึงบรรดากองเชียร์ที่สามารถเข้าไปชมการแข่งขันได้ฟรีนั้น ปรากฏว่ามีเหล่าพลพรรคแกงค์
"ซิ่ง" ตอบรับสิ่งที่รัฐพยายามสนองตัณหาของเจ้าพวกเหล่านี้ไปร่วมการแข่งขันเพียงเศษเสี้ยวของจำนวนผู้ที่นำรถเข้าแข่งขันเท่านั้น พวกที่ไปแข่งขันกันจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นบรรดานักแข่งรถที่เคยแข่งกันอยู่ในสนามที่จัดการแข่งขันอย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว หรือไม่ก็เป็นนักแข่งที่มีผู้ปกครองให้การสนับสนุน ดูแลอย่างใกล้ชิด พวกนี้เขายอมรับกฎกติกาในการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของสังคมอยู่แล้ว มีการฝึกฝนและเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันอย่างถูกต้อง และเห็นว่าการแข่งรถเป็นเกมกีฬาชนิดหนึ่ง ที่มีรูปแบบและกฎกติกามารยาทที่ต้องปฏิบัติตาม ไม่ได้สร้างความเดือนร้อนรำคาญให้แก่ผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เหมือนกับเจ้าพวกแกงค์กวนเมืองทั้งหลาย
มันจะเอาอย่างไรกันอีก ให้รัฐยกระดับพวกมัน หาสถานที่ให้มันได้นำรถแข่งที่อาจจะเป็นพาหนะนำไปสู่ความตายของพวกมันมาเข้าร่วมการแข่งขันตามที่พวกมันต้องการ ก็ไม่มาบอกว่าไกลบ้าง ไม่ตื่นเต้นบ้างแข่งกันทีละสองคันในแบบทางตรงยาวๆ ไม่มัน ไม่ได้ซิกแซกหลบรถยนต์ หรือยานพาหนะอื่นๆของผู้บริสุทธ์ที่เขามีสิทธิ์อย่างสมบูรณ์เต็มที่ที่จะใช้ถนนสาธารณะในการสัญจรไปมา สำหรับเจ้าพวกนี้แล้วมันต้องแข่งกันตามท้องถนนทั่วไป บิดกันไปทีละเป็นฝูงมีหญิงซ้อนท้ายบ้างมีติดปลายนวมกันบ้างเฉี่ยวกันเองหรือรถราของชาวบ้านชาวช่องที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราว บาดเจ็บล้มตายกันไปบ้าง นี่ต้องอย่างนี้มันถึงจะมันสะใจ โธ่ ไอ้พวกบัวใต้ปูนซีเมนท์ไม่ใช่ใต้โคลนเสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าอยู่ใต้โคลนยังมีโอกาสโผล่พ้นโคลนมาเป็นบัวใต้น้ำได้บ้าง แต่ไอ้พวกนี้มันอยู่ใต้ปูนซีเมนท์โอกาสโผล่ขึ้นมามันเป็นศูนย์แน่นอน
หลังจากที่การจัดการแข่งขันครั้งแรกผ่านพ้นไป และก่อนที่ท่านเสนาบดีจะดำเนินการจัดการแข่งขันครั้งต่อไปตามที่ท่านหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ว่าอาจจะไปจัดแข่งที่สนามรัชมัลคลากีฬาสถาน หรือที่อื่นๆ ที่ท่านหมายตาเอาไว้อีกหลายที่ แนวคิดอันบรรเจิดเลิศล้ำเกินกว่าสมองของคนทั่วไปที่มีรอยหยักของสมองอาจจะน้อยกว่า หรือไม่เท่าเทียมท่านจะคาดคิดได้ก็ถูกติดเบรคเสียก่อน ให้ท่านนำแนวคิดของท่านกลับไปทบทวนเสียใหม่ โดยผู้ที่กดแป้นเบรคท่านเป็นผลสำเร็จก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไม่ได้เป็นเสียงร้องคัดค้านว่าไม่เห็นด้วยจากผู้คนทั่วทั้งประเทศ แต่เป็นเสียงของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พตอ. ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นนายใหญ่ที่สุดของท่านนั่นเอง ตามข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อสารมวลชนก่อนหน้านี้ท่านนายกให้ทบทวนให้ดีแยกแยะให้ออกระหว่างรถแข่งกับรถ "ซิ่ง"
ซึ่งในที่สุดก็นำมาสู่แนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไปของท่านเสนาบดีเจ้ากระทรวง แต่ท่านก็ออกมาแก้ขวยว่าจะเปลี่ยนรูปแบบของการจัดงานเสียใหม่ ไม่มีการแข่งขันในเรื่องของความเร็วอีกแล้ว เพราะยังไงๆ ไอ้พวกที่อยากให้มาแข่งมันก็ไม่มาอยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นจัดสถานที่ชุมนุมให้พวกที่ชอบแต่งรถเพื่อความสวยงามนำรถมาอวดกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผลักดันให้มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาไปสู่การคิดค้นเครื่องยนต์ที่ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง หรือรถสำหรับคนพิการ ครับไอเดียนี้เป็นไอเดียที่ดีน่าสนับสนุนถ้าหากทำได้สำเร็จเชื่อแน่ว่าจะต้องมีเสียงปรบมือชื่นชมกับแนวคิดของท่านตามที่ท่านต้องการได้ยินในที่สุดอย่างแน่นอน
ส่วนพวกแกงค์ "ซิ่ง" ผิดกฎหมายที่ทำเอาท่านเสียหน้าไปพอสมควร อุตสาห์ส่งเทียบเชิญตัวแทนมาสอบถามความต้องการว่าต้องการอย่างไร อยากได้สถานที่ที่มีทางตรงยาวๆ เพื่อจะได้นำรถมาแข่งกัน เอ้า จัดให้ แล้วเป็นไง ส่วนใหญ่ของพวกมันก็ไม่มา ไอ้ส่วนน้อยที่มาก็มาในทำนองขอเป็นผู้สังเกตการณ์ดูก่อน อู้หู มันยิ่งใหญ่เรื่องมากซะเหลือเกินนะ พวกนรกส่งมาเกิดพวกนี้ ก็ปล่อยให้เรื่องของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับชีวิตและทรัพย์สินของราษฎรตาดำๆ ไปหาวิธีการที่จัดการกับเจ้าพวกนี้ต่อไป
เมื่อใดที่พวกมันทำผิดกฎหมายก็จัดการว่ากันไปตามกฎกติกาของบ้านเมือง ไม่ต้องไปอะลุ้มอล่วยให้แก่พวกมันต่อไป กฎหมายว่าอย่างไรท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ว่ากันไปตามนั้นเลย ถูกต้องแล้วดีแล้ว พวกขุนไม่ขึ้นพวกนี้ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด ให้โอกาสแล้วไม่หยิบฉวยโอกาสนั้นก็ช่างมัน ไว้ให้สมองของมันมีรอยหยักมากขึ้นหรือให้มันเห็นคนที่มันรักมันห่วงต้องบาดเจ็บล้มตายจากความคึกคะนองของพวกมันอาจจะคิดได้บ้างแต่ก็ไม่รู้จะสายเกินไปหรือเปล่า
ว่าไปแล้วถ้าท่านนายกรัฐมนตรีลงมาติดเบรคไว้ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ตอนที่ท่านรัฐมนตรีออกมาเปิดประเด็นในเรื่องนี้ เชื่อว่าเรื่องก็คงไม่ยืดยาวมาจนถึงตอนนี้ ทำให้ท่านรมต. ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมทุกชนชั้นในทางลบเสียอ่วมอรทัยขนาดนี้ บ้านเมืองของเราในขณะนี้ไม่ใช่เวลาจะมาลองผิดลองถูกอีกแล้ว ผู้บริหารบ้านเมืองแต่ละท่านก็ไม่ใช่มือใหม่หัดขับล้วนแต่เป็นผู้มีวิจารณญาณ มีความสามารถมีฝีมือทั้งสิ้น แต่ละความคิดแต่ละไอเดียก่อนที่จะออกมานำเสนอต่อสาธารณชนควรต้องผ่านการกลั่นกรองมาแล้วอย่างละเอียดถี่ถ้วนไม่ใช่เป็นการออกมาโยนหินถามทางไปเรื่อย เมื่อมีเสียงคัดค้านที่มาจากคนส่วนใหญ่ก็ต้องรับฟังกันบ้าง ไม่ใช่ต้องให้คนระดับนายกรัฐมนตรีลงมาสั่งการดูแลในทุกเรื่อง งานของท่านก็มากมายอยู่แล้วยังมีปัญหาใหญ่ๆ ที่รอการแก้ไขรอการพิจารณาจากท่านนายกอยู่อีกมากมายหลายเรื่อง สังคมประชาธิปไตยต้องฟังเสียงข้างมากด้วยว่ามีความคิดความเห็นอย่างไร
จริงๆ แล้ว ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ท่านนี้ก่อนที่ท่านจะมารับตำแหน่งนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งได้รับคำชมเชยความชื่นชมจากบรรดาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอย่างมาก ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่สำคัญในความพยายามที่จะผลักดันให้ไทยเป็นดีทรอยท์ออฟเอเชียอย่างจริงจังและท่านเป็นผู้หนึ่งที่ได้ผลักดันโครงการรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงและมีราคาถูกหรือที่เรียกว่า อีโคคาร์ ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็น เอศคาร์ ในภายหลังจนเดินหน้าเป็นรูปเป็นร่างไปได้มากแล้วซึ่งถ้าสำเร็จจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านเลยก็ว่าได้
แต่พอท่านเปลี่ยนกระทรวง ท่านรมต.อุตสาหกรรมคนใหม่ก็พับโครงการของท่านเก็บเข้าลิ้นชักไปเสียแล้วเนื่องจากท่านเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้ชะลอโครงการไปเสียก่อน เฮ้อ น่ากลุ้มแทนที่พี่น้องประชาชนที่เบื้ยน้อยหอยน้อยซึ่งคาดหวังว่าในอนาคตอันใกล้จะมีโอกาสได้ใช้รถยนต์ราคาถูกประหยัดทั้งเงินตรา และพลังงานเชื้อเพลิง ก็ต้องร้องเพลงรอต่อไปอีกนานเท่าไรก็ยังไม่รู้
ส่วนท่านหลังจากย้ายมาอยู่กระทรวงใหม่ที่ชื่อก็บอกอยู่แล้วเกี่ยวข้องกับการดูแลพัฒนาความเป็นอยู่และความมั่นคงของผู้คนในสังคม กลับมีแนวคิดที่เปลี๋ยนไป๋ แต่ละไอเดียของท่านล้วนได้รับการโจษขันกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในแง่ลบตลอดนับตั้งแต่ไอเดียเรื่องแกงค์ "ซิ่ง" กวนเมืองนี้ตามมาด้วยไอเดียยกลูกหรือให้รัฐเลี้ยงลูก ไปจนถึงไอเดียที่จะให้นักศึกษาอาชีวะเป็นหน่วยไล่ล่าขอทานซึ่งแต่ละไอเดียของท่านเล่นเอาชาวบ้านชาวช่องที่มีสมองไม่มีโอกาสได้รับการพัฒนาให้เท่าเทียมท่าน
คิดตามท่านหรือตีโจทย์แตกกระจายแบบท่าน มึนตึ้บกันไปเป็นแถว คงต้องรอดูว่าจะมีไอเดียอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ออกมาอีกเพื่อที่ว่าชาวบ้านอย่างเราๆ จะได้มีโอกาสพัฒนาสมองให้ได้เรียนรู้ รู้จักคิด รู้จักมุมมองของคนระดับเสนาบดี เผื่อโชคดีบุญมาวาสนาส่งจะได้เป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง ถึงชาตินี้ไม่ได้เป็นชาติหน้าก็ยังดี
ABOUT THE AUTHOR
&
"หลวงเลียบเมือง"
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ขอบถนน