เทคนิค(car)
สรีรศาสตร์ซับวูเฟอร์
ฉบับนี้เราจะมาทำความรู้จัก อุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องเสียงกันอย่างละเอียด เช่น ลำโพงลำโพงนับเป็น 1 ในส่วนประกอบของเครื่องเสียงทั้งหมด ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จากอดีตจนกระทั่งปัจจุบัน และในส่วนของเพาเวอร์แฮนดลิง หรือกำลังขับสูงสุดของลำโพง ปัจจุบันนี้คุณภาพของผลิตภัณฑ์มีกำลังขับมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
ทุกวันนี้ ด้วยเทคโนโลยีความล้ำหน้าของการออกแบบแอมพลิฟายเออร์ จึงทำให้ผู้บริโภคต่างขวนขวายเสาะหาเครื่องเสียงที่มีกำลังขับสูงๆ และราคาถูกลง ตรงจุดนี้ส่งผลให้ทางบริษัทผู้ผลิตลำโพงต้องคิดหาวิธีที่จะสร้างซับวูเฟอร์ที่มีพละกำลัง พลังขับสูงๆ จริงๆ จึงทำให้ลำโพงรุ่นใหม่ๆ ที่ถูกผลิตป้อนออกสู่ตลาด มีการตื่นตัวและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สาเหตุที่เพาเวอร์แฮนดลิงสูง
จึงทำให้มีการแข่งขันระหว่างค่ายกันเองอย่างรุนแรงตามสถานการณ์ปัจจุบัน
ดังนั้น ผู้ผลิตจะมีวิธีการอย่างไร ที่จะนำมาปฏิวัติ ความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยีของลำโพง และกลวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ อุปกรณ์ทุกชิ้นส่วนที่นำมาประกอบเป็นซับวูเฟอร์ ต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุง
วัตถุประสงค์ของคอลัมน์นี้ เราจะมาเจาะลึกกันถึงส่วนประกอบต่างๆ ของซับวูเฟอร์ ไม่ว่าจะเป็นโคน แกสเกท เซอร์ราวน์ด และระบบการจัดการกับอุณหภูมิ ก็เพื่อให้ทราบในรายละเอียดของซับวูเฟอร์ในแบบชิ้นต่อชิ้น และหน้าที่การทำงานของชิ้นส่วนแต่ละอย่าง ว่ามันทำงาน และมีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นจากเดิมกันอย่างไรบ้าง ?
แกสเกท
ฟรอนท์ แกสเกท (GASKET) หรือ ประเก็นหน้า เราจะพบอุปกรณ์ชนิดนี้ได้ในซับวูเฟอร์ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ได้รับการตกแต่งสีสันแบบง่ายๆ แต่อย่างไรก็ตาม แกสเกทนี้ แรกเริ่มเดิมทีมันทำหน้าที่เป็นซีลปิดกระชับให้วูเฟอร์อัดตัวแน่นกับบัฟเฟิลเมื่อทำการติดตั้ง ในอดีตผู้ผลิตเครื่องเสียงบ้าน และเครื่องเสียงระดับมือโพรส่วนมาก จะติดตั้งวูเฟอร์เข้ากับบัฟเฟิล โดยไม่จำเป็นต้องอาศัย
แกสเกทเป็นส่วนประกอบปิดทับทางด้านหน้าของลำโพง และในสมัยนั้นแกสเกท ทำจากกระดาษอัดหรือไม้คอร์คอัด แม้ซับวูเฟอร์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันบางยี่ห้อ ก็ยังคงมีการใช้วัสดุเหล่านี้ทำแกสเกทกันอยู่
แต่ส่วนมากจะใช้ยางโฟม พลาสติค ยางหล่อ หรือแม้แต่เหล็กหล่อขึ้นรูป โลโกแกะสลัก และกัดลายด้วยแสงเลเซอร์บนตัวแกสเกท ขณะนี้กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง จึงทำให้แกสเกทในทุกวันนี้ทำหน้าที่เป็นชิ้นส่วนเพื่อความสวยงาม และเป็นส่วนช่วยกระตุ้นแรงจูงใจเพื่อการซื้อขายอีกด้วย
เซอร์ราวน์ด
เซอร์ราวน์ด (SURROUND) ถูกผลิตจากวัสดุนานาชนิด แต่ที่นำมาทำส่วนใหญ่ก็คือ ยางบูทิลซานโทพรีน EPDM และโฟมอัด แม้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้จะก้าวล้ำนำหน้าไปมากแล้ว แต่วัสดุเหล่านี้ก็ยังคงมีการนำมาใช้กันอยู่ ทั้งนี้เพราะเซอร์ราวน์ดที่มีเนื้อยาง และพลาสติคเป็นส่วนผสมคุณสมบัติจะมีความต้านทานต่อการใช้งานได้ดีกว่า แต่โฟมอัดจะมีน้ำหนักที่เบากว่า
วัตถุประสงค์หลักของเซอร์ราวน์ด ก็คือ ยึดจับส่วนบนสุด หรือส่วนนอกสุดของโคนลิเนียร์ ในระหว่างที่มีการเคลื่อนไหว แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตส่วนใหญ่ จะใช้เซอร์ราวน์ดเป็นช่วงของการเบรคิง หรือโคนสตอพพิง จากการเคลื่อนไหวที่เกินจากจุดที่ระบุไว้ จึงทำให้วอยศ์คอยล์เคลื่อนที่ในระยะช่องวางแม่เหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าออกแบบได้อย่างถูกต้อง จะช่วยลดการสึกหรอ หรือการฉีกขาดบนสไปเดอร์
ลำโพงราคาถูกส่วนใหญ่ จะมีค่าดิสทอร์ชัน หรือค่าความเพี้ยนของสัญญาณมากกว่าปกติเล็กน้อยที่วอลูมสูงๆ และหากวัสดุเป็นโฟม ก็จะยิ่งมีปัจจัยจากการสึกหรอมากยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับชิ้นส่วนแล้วส่วนมากเซอร์ราวน์ดขนาดโอเวอร์ไซซ์ ที่ใช้กับวูเฟอร์ในทุกวันนี้นั้นจะเป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายอย่างหนึ่ง และเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถเชิงเอกซ์เคอร์ชันของวูเฟอร์
ดัสต์แคพ
ดัสต์แคพ (DUST CAP) หรือ ฝาปิดกันฝุ่น ชื่อ ก็บ่งบอกวัตถุประสงค์ของมันอยู่แล้วดัสต์แคพจะอยู่ตรงกลางของลำโพง ถูกยึดติดด้วยกาว หรืออยู่เหนือวอยศ์คอยล์จะทำหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมต่างๆหรือฝุ่นละอองไม่ให้เข้าไปในระยะช่องวางแม่เหล็กที่วอยศ์คอยล์ และสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปเหล่านี้จะไปรบกวนขัดขวางการเคลื่อนไหวของโคน จะทำลายคอยล์ ดัสต์แคพที่มีมาในขนาด และรูปแบบที่แตกต่างกันไป บางแบบก็มีโลโกลายนูน บางแบบก็มีการพิมพ์โลโกแบบซิลค์สกรีนหรืออาจมีทั้งแบบลักษณะดัสต์แคพ และก็เช่นเดียวกันกับโคนที่ทำจากวัสดุที่แตกต่างกันไป
รูปลักษณ์ของดัสต์แคพนั้น สามารถบ่งบอกถึงเสียงของลำโพงได้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะปรากฏในลำโพงมิดเบสส์ และมิดเรนจ์ เช่นเดียวกันกับซับวูเฟอร์ วัสดุที่ใช้ นอกจากจะมีความแข็งแรง ทนทาน รูปแบบดัสต์แคพ ยังทำให้ความแข็งแรงแตกต่างกันไป และเพื่อให้เกิดความแข็งแรงกับตัวดัสต์แคพ จึงจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งให้กับโคน ก่อนที่จะประสานชิ้นส่วน 2 ชิ้นเข้าด้วยกัน เมื่อ
นำเอาดัสต์แคพ และโคนมาประสานเข้าด้วยกัน จะช่วยลดความยืดหยุ่นของโคน และเพิ่มค่าจุดแตกหักของโคนได้อีกด้วย
ฉบับหน้ามาว่ากันต่อในเรื่องของกรวย และส่วนประกอบอื่นๆ ครับ
เรื่องโดย : วิโชค
ภาพโดย : อินเตอร์เนท
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : เทคนิค(car)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/54969