เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
24 ชั่วโมงกับ…SWITCH 2
ความคาดหวังที่โอบล้อมการเปิดตัว SWITCH 2 ทำให้ผมตื่นเต้นราวกับเป็นเด็กในคืนวันคริสต์มาสอีฟ นี่แหละ คือ เสน่ห์ของ NINTENDO ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกม จากญี่ปุ่นที่ยังคงไว้ซึ่งความเก่งกาจ ในการร่ายมนต์สะกดใส่ในเครื่องเล่น ทำให้มันเหนือกาลเวลา และยังคงมีความหมายกับทุกคนเสมอ รวมถึงชายวัย 40 กว่า อย่างตัวผมเองด้วย
แม้ตอนนี้ จะผ่านไป 1 สัปดาห์แล้ว หลังจากที่ได้รับเครื่องคอนโซลใหม่ของ NINTENDO ผมก็ยังต้องจัดตารางชีวิตใหม่เพื่อบีบเวลาเข้ามาเล่นเกมให้ได้มากที่สุด และความตื่นเต้นนี้ไม่ได้มาจากความทรงจำในอดีตเพียงอย่างเดียว เพราะถึงแม้ SWITCH 2 จะสามารถเข้าถึงคลังเกมคลาสสิค ที่เรียกว่า NINTENDO CLASSICS ในแบบออนไลน์ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมติดงอมแงมจริงๆ คือ เกมเปิดตัวสุดเอกซ์คลูซีฟ อย่าง MARIO KART WORLD เกมเรือธงของ SWITCH 2
บางคนอาจบอกว่า SWITCH 2 เป็นเพียงแค่รุ่นต่อยอด เครื่องรุ่นดั้งเดิมเมื่อปี 2017 ที่จอใหญ่ขึ้น และสเปคแรงขึ้น ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ในมุมของผม สิ่งที่ NINTENDO ทำได้อย่างยอดเยี่ยม คือ การสร้างคอนโซลที่ทั้งคุ้นเคย และสดใหม่ไปพร้อมกัน เป็นผลงานที่สะท้อนถึงประสบการณ์อันยาวนานของบริษัท
และในฐานะหนึ่งในการเปิดตัวสินค้าที่สำคัญที่สุดของปี 2025 บรรณาธิการของนิตยสาร T3 จึงมอบหมายให้ผมทำภารกิจ “1 วันในชีวิต” เพื่อบันทึกการผจญภัยในโลกเกมของผมตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าทำไม SWITCH 2 ถึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องเกมพกพาสุดยอดเท่านั้น แต่ยังเป็นฝันที่เป็นจริงบนจอใหญ่เมื่อต่อเข้ากับทีวีด้วย
07:00 น. ตื่นเถอะ ! TOTK รออยู่
ปกติแล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ผมมักจะปล่อยให้ตัวเองนอนตื่นสาย แต่สุดสัปดาห์แรกที่ได้ครอบครอง SWITCH 2 ดูเหมือนจะติดตั้งนาฬิกาชีวภาพใหม่ให้ผมลุกจากเตียงได้ทันที ความรู้สึกที่ท้องตอนนั้นไม่ใช่เพราะอยากกินแซนด์วิชเบคอนตอนเช้าวันเสาร์ แต่เป็น “ความหิว” ที่อยากจะได้เวลาเล่น SWITCH 2 ตั้งแต่เช้าเสียมากกว่า
ในเวลาแบบนี้ยังไม่มีใครตื่นขึ้นมาเดินเพ่นพ่าน ผมเลยกดปุ่ม “A” บน SWITCH 2 PRO CONTROLLER (ต้องซื้อแยก ราคา 74.99 ปอนด์ แต่ถ้าใครมี PRO CONTROLLER ของ SWITCH รุ่นแรกก็ใช้ได้เหมือนกัน) เพื่อที่จะได้กลับไปลุย ZELDA: TEARS OF THE KINGDOM อีกครั้ง
ประสบการณ์ TOTK (คำย่อที่เหล่าแฟนๆ ออนไลน์ตั้งให้ด้วยความเอ็นดู) ไม่ได้ตรึงใจผมเท่าไหร่ตอนที่ซื้อมาเล่นบน SWITCH รุ่นแรก อาจเพราะตอนนั้นอารมณ์มันยังไม่ได้ หรืออาจเพราะไม่มีเวลา แต่คราวนี้กับ SWITCH 2 EDITION ที่ดาวน์โหลดมาใหม่ (ราคา 7.99 ปอนด์ หรือฟรีถ้ามีสมาชิก NINTENDO ONLINE+EXPANSION PACK) คำโฆษณา ว่าผู้เล่นจะได้สัมผัสกับภาพกราฟิคที่ดีกว่าเดิม ก็เพียงพอที่จะดึงผมกลับมาอีกครั้ง
ผมเริ่มเกมใหม่ตั้งแต่ต้น ทั้งฉากคัตซีน และทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมซึมซับกราฟิคที่พัฒนาขึ้น ตอนนี้เกมรันที่ความละเอียด 1440P (สูงกว่า FULL HD แต่ยังไม่ถึง ULTRA HD) และทีวี 4K ก็ช่วยอัพสเกลขึ้นได้อย่างสวยงาม ผมมั่นใจว่า ผมจะชอบมันมากกว่าครั้งก่อน
09:00 น. เก็บบอร์ดทรงตัวไว้เถอะ
จำได้ไหม ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 ตอนที่ NINTENDO ปล่อย BALANCE BOARD ออกมาพร้อมกับเครื่อง WII แล้วทุกคนก็พากันคลั่งไคล้ ไปกับเกมออกกำลังสารพัด ผมจำได้ดี แม้แต่ไม่ได้เป็นหนึ่งในคนที่อินกับมันเท่าไร
สำหรับ SWITCH 2 นั้น ไม่ได้เปิดตัวมาพร้อมกับประสบการณ์ออกกำลังกายแบบนั้น (นอกจากคุณจะไปขุด RING FIT มาเล่นเอง) ผมเลยรอดตัวไป แต่ไหนๆ วันนี้อากาศก็ดี เอาจริงๆ แค่ “ไม่ฝนตก” ก็นับว่าเป็นหน้าร้อนอังกฤษที่โอเคแล้ว ผมเลยออกไปปั่นจักรยานระยะทาง 32.2 กม. แทนอยู่ดี เพราะเจ้าจักรยานถนนที่ผ่อนแบบปลอดดอกเบี้ยนี่ยังต้องใช้งานให้คุ้มค่า จะให้เอาแต่เล่นเกมทั้งวัน ทุกวันก็คงไม่ไหว
แต่ระหว่างปั่นอยู่บนถนน ใจก็ยังคิดวนๆ อยู่กับคำถามว่า “จะเล่นอะไรต่อดีนะ” เพราะ SWITCH 2 เล่นเกมจากเครื่องรุ่นแรกได้ทั้งหมด (BACKWARDS COMPATIBLE) ซึ่งผมก็มีเกมเพียบ แถมบางเกมยังได้อานิสงส์กราฟิคที่ดูดีขึ้นจากพลังของเครื่องใหม่ด้วย
กลับถึงบ้าน อาบน้ำ เติมพลัง พร้อมสำหรับช่วงที่เหลือของวัน คราวนี้ก็ถึงเวลาสนุกกับเพื่อนๆ ใน MARIO KART WORLD แล้วล่ะ
12:00 น. กิน “เปลือกเขียว” เป็นมื้อกลางวัน
การที่ MARIO KART WORLD ถูกเลือกให้เป็นเกมเอกซ์คลูซีฟเปิดตัวหลักของ SWITCH 2 ทำให้หลายคนข้องใจว่า “แล้วเกมมาริโอภาคใหม่จริงๆ อยู่ไหน” แต่พอได้เล่นจริง ผมถึงได้เข้าใจว่ามันเป็นตัวเลือกที่ใช่ที่สุดในการโชว์ศักยภาพของเครื่อง โดยเฉพาะในเรื่อง การเล่นกับคนอื่น
เพียงแค่ถอด JOY-CON 2 ออกจากตัวเครื่อง กดปุ่มเล็กๆ ที่ด้านข้างแต่ละฝั่งเพื่อปลดลอคแม่เหล็ก คอนทโรลเลอร์แต่ละข้างก็กลายเป็นจอยเดี่ยวได้ทันที
การนั่งเล่นแข่งกันแบบเคียงข้างนี่แหละ คือ ความมัน ไม่ว่าคุณจะเล่นกับคู่รัก ลูกๆ พ่อแม่ เพื่อนบ้าน หรือใครก็ตาม !
MARIO KART WORLD แก่นแท้ก็คือ เกมแข่งรถ แต่หัวใจของมันอยู่ที่ความวุ่นวายของบรรดาไอเทมเสริม ที่พร้อมจะทำลายเส้นทางของคู่แข่งได้ทุกเมื่อ และด้วยความที่มีผู้เล่นได้สูงสุดถึง 24 คน/สนาม เกมนี้จึงทั้งคึกคัก วุ่นวาย และท้าทายกว่าที่เคยเป็นมา
หลังจากแข่งโหมด GRAND PRIX ไป 2 รอบ ซึ่งแน่นอนว่าผมได้ที่ 1 ทั้ง 2 ชุด 4 สนาม ก็ได้หยุดพัก แต่สิ่งที่ผมชอบในเกมนี้ คือ มันสามารถหยิบมาเล่นสั้นๆ ได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องใช้เวลายาวๆ ก็สนุกได้
14:00 น. รถด่วน Bowser
ผมมีนัดไปหาพี่ชาย เลยไม่สามารถนั่งเล่นเกมทั้งวันในชุดคลุมอาบน้ำกับรองเท้าแตะได้ ผมจึงต้องลุกขึ้นแต่งตัว ซื้อตั๋วรถบัสแล้วมุ่งหน้าไปสถานี
การเดินทางเข้าลอนดอนใช้เวลาประมาณ 1 ชม. และโชคดีที่มีที่นั่งว่างเหลือเฟือ ผมเลยได้โอกาสทดสอบ SWITCH 2 ในโหมดพกพาอย่างเต็มที่
ผมเลือกเก้าอี้สบายๆ ใส่หูฟัง BOWERS & WILKINS PX7 S3 เชื่อมต่อกับ SWITCH 2 ผ่าน BIUETOOTH แล้วก็กลับไปดำดิ่งต่อในโลกของ TEARS OF THE KINGDOM การเดินทางสิ้นสุดลงรวดเร็วราวกับพริบตา และนั่นก็รวมถึงแบทเตอรีของเครื่องด้วย
นี่แหละ คือ ข้อเสียที่เห็นได้ชัดของ SWITCH 2: ด้วยแบทเตอรีความจุ 5220MAH ซึ่งใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงทั่วไป แต่ต้องมาขับเคลื่อนคอนโซลจอ 7.9 นิ้ว ที่สว่างสดใส พร้อมชิพ NVIDIA ที่มีพัดลมระบายความร้อน มันจึงไม่ใช่สูตรที่ทำให้แบทเตอรีอึดนัก
เกมอย่าง MARIO KART WORLD นั้น สามารถรีดพลังงานแบทเตอรีของเครื่องจนหมดได้ภายในเวลาสัก 2 ชม. กว่าๆ ส่วนเกมอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้พลังเครื่องมากนัก น่าจะเล่นได้นานขึ้นเป็น 2 เท่า
แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้ผมรู้สึกเสียดายที่ไปซื้อเพียง NINTENDO SWITCH 2 CARRY CASE แบบทางการ แทนที่จะเลือก BELKIN CHARGING CASE FOR NINTENDO SWITCH 2 (ใช่ ชื่อเต็มยาวมาก) เพราะรุ่นนั้นมาพร้อมแบทเตอรี 10,000MAH ในตัว ช่วยชาร์จได้ง่ายๆ ระหว่างเดินทาง
ผมไม่ได้หอบ DOCK ไปบ้านพี่ชาย ดังนั้น การเล่นบนจอทีวีก็ตัดไป แต่จุดเด่นของ SWITCH 2 คือ ความหลากหลาย จึงยังมีโหมดตั้งโต๊ะ ให้ใช้งาน ด้วยขาตั้งโลหะด้านหลังเครื่องที่แข็งแรง ช่วยพยุงได้อย่างมั่นคง
พี่ชายผมเอง ก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ลองเล่น MARIO KART WORLD ซึ่งเป็นเกมเอกซ์คลูซีฟของ SWITCH 2 เราเลยเสียบสาย USB-C เข้ากับตัวเครื่องเพื่อชาร์จไปด้วย แล้วแข่งกันแบบตัวต่อตัวในรูปแบบการเล่นที่เล็กกะทัดรัดลงกว่าปกติ แต่ก็ยังสนุกไม่แพ้กัน
18:00 น. กลับไปยังอนาคต
หลังจากเล่น MARIO KART ไปหลายชั่วโมง เราก็แทบหมดแรง จึงพักเกมไว้ก่อน และบทสนทนาก็เปลี่ยนไปที่เรื่องอนาคต ว่า “ต่อไปจะมีอะไรออกมาอีก” นี่ถือเป็นประเด็นสำคัญของคอนโซลใหม่จาก NINTENDO เลยทีเดียว เพราะสำหรับบางคน อาจยังไม่มีแรงจูงใจมากพอที่จะควักเงินซื้อ SWITCH 2 ตั้งแต่วันแรกที่วางขาย
อีกไม่นานก็จะถึงคิวของ DONKEY KONG BANANZA ซึ่งผมได้มีโอกาสลองเล่นไปแล้วในงานพรีวิวของ NINTENDO เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มันอาจไม่ใช่เกมใหญ่ระดับ MARIO แต่ก็ยังนับว่าเป็นหนึ่งในเกมเด่นที่จะสร้างกระแสได้แน่นอนเมื่อเปิดตัว
ส่วนสิ่งที่ยังคงทำให้ผมตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ก็คือ บรรดาเกมใหม่ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่มั่นใจได้ว่า NINTENDO จะต้องส่งออกมาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้วยคลังสิทธิ์ฟแรนไชส์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น MARIO YOSHI METROID POKEMON ZELDA และอีกสารพัด แม้ตอนนี้จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเกมไหนจะมาเมื่อไหร่
อีกคำถามที่น่าสนใจ คือ เรื่อง หน้าจอของ SWITCH 2 ที่ยังคงใช้ LCD ไม่ใช่ OLED ซึ่งผม (รวมถึงคนอีกไม่น้อย) คาดว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า เราน่าจะได้เห็นรุ่น SWITCH 2 OLED MODEL ออกมาวางขาย แต่เอาเข้าจริงแล้ว จอ LCD นี้ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเลย ความละเอียด FULL HD 1,080P ภาพสดใส สว่างชัด และในทางทฤษฎีก็รองรับการแสดงผลสูงสุดถึง 120HZ
ส่วน DOCK นั้น ใช้พอร์ท HDMI 2.0 ซึ่งหมายความว่า เกม 4K จะถูกจำกัดไว้ที่ 60HZ (ส่วน 120HZ จะใช้ได้เฉพาะความละเอียดสูงสุด FULL HD 1,080P เท่านั้น) แต่พูดกันตามตรง SWITCH 2 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “เครื่องแรงที่สุด” อยู่แล้ว บัลลังก์นั้นเป็นของ PLAYSTATION 5 PRO มากกว่า สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุด คือ “เกม” ต่างหาก และ NINTENDO ก็ยังคงทำให้เกมของพวกเขามีเสน่ห์ และพิเศษได้เสมอ
21:00 น. LET’S-A-GO! เข้านอน
ถึงเวลาหนังรอบดึกก่อนเข้านอนแล้ว และก็ต้องบอกตรงๆ ว่า SWITCH 2 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่ใช่ว่าผมอยากดูหนังบนจอเล็กๆ แทนทีวีหรอก แต่การที่ยังไม่มีแอพพลิเคชันสตรีมิงก็ยังคงเป็นคำถามเหมือนกับตอน SWITCH รุ่นแรก ผมเองก็อยากใช้มันแทน TABLET ในเวลาที่ต้องออกงาน หรือเวลาต้องพักค้างคืนในโรงแรมเหมือนกัน
บางทีนี่อาจเป็นเจตนาของ NINTENDO ก็ได้ เพราะสุดท้ายก่อนนอน ผมก็ยังคว้า SWITCH 2 มาเล่นในโหมดพกพาอีกครั้ง การดิ่งกลับเข้าสู่โลกของ ZELDA: TOTK ขณะห่มผ้านอนบนเตียงแขก ย้ำเตือนผมอีกครั้งว่านี่คือคอนโซลที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และความพิเศษ
หลายทศวรรษหลังจากครั้งแรกที่ผมได้เล่นเกมคลาสสิค NINTENDO ก็ยังคงมอบความสุขมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อผมค่อยๆ หลับลึกลงไป ผมก็มั่นใจว่าความฝันในคืนนั้นคงเต็มไปด้วยความสุขที่ SWITCH 2 จะนำมาให้ในอนาคตอย่างแน่นอน
“การเดินทางสิ้นสุดลงในพริบตา… เช่นเดียวกับแบทเตอรีของเครื่องที่หายไปส่วนหนึ่ง”
การได้นั่งเล่นแข่งกันแบบเคียงข้างกับเพื่อนๆ หรือจะกับใครก็ตาม คือความสนุกสุดมันส์
3 อุปกรณ์เสริมจำเป็น
BELKIN CHARGING CASE สำหรับ NINTENDO SWITCH 2 ราคา 49.99 ปอนด์, belkin.com
เคสป้องกันที่มาพร้อมแบทเตอรีในตัวขนาด 10,000MAH ช่วยชาร์จเพิ่มได้อีก 2 รอบเต็มๆ
SANDISK MICROSD EXPRESS CARD (256GB) ราคา 49.99 ปอนด์, sandisk.com
การ์ดประเภท “EX” ที่ทำงานรวดเร็ว และเป็นฟอร์แมทเดียวที่เครื่องรองรับในการเพิ่มความจุเก็บข้อมูล
NINTENDO SWITCH ONLINE+EXPANSION PACK X ราคา 34.99 ปอนด์, nintendo.com
ไม่ใช่แค่เอาไว้เล่นออนไลน์เท่านั้น แต่ส่วน “EXPANSION” ยังเพิ่มการอัพเกรดให้แก่เกมที่รองรับ อย่างเช่น ZELDA อีกด้วย
กายศาสตร์แห่ง SWITCH 2
ไม่ว่าจะต่อกับทีวี เล่นโหมดตั้งโต๊ะ หรือพกพา เครื่องนี้ทำได้หมด
CONSOLE
หัวใจสำคัญของทุกอย่าง มาพร้อมชิพ NVIDIA รุ่นใหม่ในตัว หน้าจอ LCD ขนาด 7.9 นิ้ว สำหรับเล่นได้ทั้งขณะพกพา หรือวางบนโต๊ะก็สะดวกด้วยขาตั้ง (KICK-STAND) ที่ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยมอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง
TV DOCK
คือ ฐานหลักของเครื่อง ใช้สำหรับชาร์จ และเชื่อมต่อเข้ากับทีวีผ่าน HDMI เพื่อแสดงผลบนจอใหญ่ที่ความละเอียดสูงสุด 4K/60HZ ลื่นไหล นอกจากนี้ ยังมีพอร์ท USB-A เพิ่มอีก 2 ช่อง สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม
GAMES CARTRIDGES
ไม่ว่าจะเป็นตลับเกมของ SWITCH รุ่นแรก หรือเกมเอกซ์คลูซีฟของ SWITCH 2 เครื่องก็รองรับทีละ 1 ตลับ แต่ถ้าใครว่ามันยุ่งยากเกินไป NINTENDO ก็มี VIRTUAL GAME CARDS ให้ซื้อเพื่อดาวน์โหลดเกมแบบเต็มๆ ลงในเครื่องแทน
JOY-CON 2 CONTROLLERS
คอนทโรลเลอร์รุ่นใหญ่ขึ้นเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องได้ง่ายดายผ่านแม่เหล็ก (หรือจะเสียบเข้ากับ JOY-CON 2 GRIP ที่แถมมาเพื่อใช้งานเป็นจอยเดี่ยวก็ได้) หรือใช้แยกทีละข้างสำหรับการเล่นหลายคนแบบเคียงข้างกันก็สนุกไม่แพ้กัน
ประวัติย่อเครื่องพกพาของ NINTENDO
NINTENDO GAME BOY (1990)
เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นปี 1989 เครื่องจอเขียวขนาดพกพานี้ทำให้ TETRIS กลายเป็นปรากฏการณ์ และขายได้เป็นล้านๆ เครื่อง ต่อมา GAME BOY COLOR ตามออกมาในปี 1998 พร้อมหน้าจอสีที่ทุกคนรอคอย
NINTENDO DS (2004)/3DS (2011)
ฟแรนไชส์ POKEMON คือ แรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยเฉพาะภาค DIAMOND & PEARL ที่ทำให้ DS กลายเป็นความสำเร็จระดับเมกะฮิท ก่อนที่จะต่อยอดด้วย 3DS ที่มาพร้อมหน้าจอ 3 มิติเป็นครั้งแรกของโลก
NINTENDO SWITCH (2017)/OLED MODEL (2021)
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เครื่องพกพา แต่ SWITCH ได้สร้างเสน่ห์ให้คนทั้งรุ่น ด้วยการผสานการเล่นบนทีวี และแบบพกพาเข้าด้วยกันอย่างลงตัวไม่มีข้อจำกัด รุ่น OLED ตามมาในปี 2021 พร้อมจอภาพคุณภาพสูงขึ้น
NINTENDO SWITCH 2 (2025)
ในยุคที่ตลาดเครื่องพกพามีทางเลือกมากมาย ทั้ง STEAM OS และเครื่อง WINDOWS แต่ NINTENDO ก็ยังครองความแข็งแกร่ง ด้วยคลังเกม และตัวละครที่ไม่มีใครเทียบได้
3 เกมแนะนำสำหรับ SWITCH 2
MARIO KART WORLD
เกมเอกซ์คลูซีฟวันแรกที่ทุกคนรอคอย แข่งรถพร้อมต่อสู้สุดมันส์ สนุกได้ทั้งแบบโซโล หรือมัลติพเลเยอร์ จะเล่นข้างๆ กันหรือออนไลน์ก็ลุ้นไม่แพ้กัน
ZELDA: TEARS OF THE KINGDOM [SWITCH 2 EDITION]
เวอร์ชันรีมาสเตอร์กราฟิคใหม่ของ ZELDA บน SWITCH รุ่นแรก เกมผจญภัยที่ซับซ้อน และลึกซึ้งซึ่งเป็น “ต้องเล่น” สำหรับแฟนๆ
NINTENDO SWITCH 2 WELCOME TOUR
บางคนบอกว่าควรแถมฟรี แต่การดาวน์โหลดราคาเพียง 8 ปอนด์ นี้ ก็ถือเป็นการสำรวจฟีเจอร์ใหม่ๆ ของคอนโซลที่สนุก และคุ้มค่า