ดีไซจ์นประตู เป็นหนึ่งในงานออกแบบที่สะท้อนเอกลักษณ์ของรถได้ชัดเจนที่สุด หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงชิ้นส่วนธรรมดาที่มีไว้เพื่อขึ้น-ลงรถ ซึ่งแต่ละรูปแบบผู้ผลิตมุ่งเน้นให้มีดีไซจ์นแปลกใหม่ แตกต่างกันทั้งด้านความสวยงาม ฟังค์ชัน ความสะดวกสบาย รวมถึงความเหมาะสมต่อการใช้งานจริง วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักประตูรถยนต์เเต่ละประเภท ว่าต่างกันอย่างไร เเละมีแบบไหนบ้าง
เป็นดีไซจ์นประตูที่พบได้มากที่สุด เปิดออกด้านข้างเหมือนประตูบ้าน ใช้งานง่าย ซ่อมไม่ยุ่งยาก และมีความปลอดภัยสูง แต่ข้อจำกัด คือ หากจอดในที่แคบ อาจเปิดไม่สะดวก ต้องการพื้นที่ด้านข้างพอสมควร เหมาะกับรถทุกรุ่น ตั้งแต่ซีดานไปจนถึงเอสยูวี
ตัวอย่างรถที่ใช้ : TOYOTA COROLLA (โตโยตา โคโรลลา), CHANGAN DEEPAL S05 (ฉางอัน ดีพอล เอส 05), BMW 7 SERIES (บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 7)
ประตูแบบ “ปีกนก” เปิดขึ้นด้านบนเหมือนปีกนกจากมุมศีรษะรถ ลดพื้นที่ด้านข้างที่ต้องใช้เวลาเปิด เหมาะกับที่จอดแคบๆ เข้า-ออกได้ง่ายขึ้น ถ้ารถคว่ำ ผู้โดยสารจะออกมาได้ยากต้องใช้ความสูงเพียงพอในการเปิดบานประตู ถ้ามีหิมะ หรือฝุ่นอยู่ด้านบน อาจทำให้เลอะเมื่อเปิดประตูลงมา
ตัวอย่างรถที่ใช้ : MERCEDES-BENZ 300SL (เมร์เซเดส-เบนซ์ 300 เอสแอล), TESLA MODEL X (เทสลา โมเดล เอกซ์)
ประตูที่บานพับอยู่ด้านหลัง ไม่ใช่ด้านหน้า บางทีเรียกว่า “COACH DOORS” เหมาะกับรถซีดาน หรือรถที่ไม่มีเสากลาง (B-PILLAR) สูงเต็มที่ หรือมีเสากลางครึ่งหนึ่ง ช่วยให้ความรู้สึกเปิดโล่ง เข้า-ออกง่าย โดยเฉพาะถ้ารถเปิดแบบไม่มีเสากลางสูงกั้นหน้า-หลัง แต่ความปลอดภัยเป็นประเด็น เช่น เสาหน้า-หลังอาจมีผลกับมาตรฐานเข็มขัดนิรภัย หรือการแข็งแรงของตัวถังเพราะลมอาจดึงประตูเปิดในขณะขับได้
ตัวอย่างรถที่ใช้ : ROLLS-ROYCE PHANTOM (โรลล์ส-รอยศ์ แฟนทอม), LINCOLN CONTINENTAL (ลินคอล์น คอนทิเนนทัล), FERRARI PUROSANGUE (แฟรรารี ปูโรซังกเว)
เป็นลักษณะรูปแบบประตูที่ย่อยของ SUICIDE DOORS ซึ่งบานหนึ่งอาจเปิดแบบบานท้าย (REAR HINGE) โดยมีอีกบานหนึ่งช่วยประคอง หรือปิดไว้ ซึ่งจะออกแนวลักษณะเหมือนประตูตู้กับข้าว เพื่อความพิเศษในเชิงดีไซจ์น
ตัวอย่างรถที่ใช้ : MAZDA RX-8 (มาซดา อาร์เอกซ์-8), BMW I3 (บีเอมดับเบิลยู ไอ 3), FORD F-150 (ฟอร์ด เอฟ-150)
เปิดขึ้นในแนวดิ่ง แทนที่จะเปิดออกด้านข้าง รูปแบบนี้ได้รับความนิยมจากรถยนต์อย่าง LAMBORGHINI เพราะทำให้รถดูเป็น “ซูเพอร์คาร์” มากขึ้น บางรุ่นมีทั้งด้านดี และข้อจำกัด ดีในเชิงดีไซจ์น ทำให้รถดูโดดเด่น แต่การใช้งานจริงอาจไม่สะดวก เช่น ถ้าต้องการเข้า-ออกข้างหลัง ถอยหลัง อาจจะต้องเปิดประตูเพื่อมองภายนอก
ตัวอย่างรถที่ใช้ : LAMBORGHINI COUNTACH (ลัมโบร์กินี คูนทาช), AVENTADOR (อเวนตาโดร์), REVUELTO (เรบูเอลโต), MG CYBERSTER (เอมจี ไซเบอร์สเตอร์)
ประตูที่เอาหลังคารถส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดยกขึ้น เหมือนเป็นฝาคลุมยกขึ้นทั้งหมด มักพบในรถต้นแบบ (CONCEPT CAR) มากกว่าในรถผลิตจริง เพราะโครงสร้าง และกลไกมีความซับซ้อน
ตัวอย่างรถที่ใช้ : SAAB AERO-X CONCEPT (ซาบ แอโร-เอกซ์ คอนเซพท์), FERRARI MODULO (แฟร์รารี โมดูโล),KTM X-BOW GT (เคทีเอม เอกซ์โบ จีที)
ลักษณะประตูเป็นแบบเลื่อนเปิด เหมือนที่พบในรถมีนีแวน หรือรถตู้ เป็นแบบหนึ่งที่เลื่อนเข้าไปในตัวถัง (BODY) แทนที่จะเลื่อนออกมา ซึ่งทำให้ประตูไม่ยื่นออกมาด้านข้าง เมื่อเปิดจึงไม่เปลืองพื้นที่ด้านข้าง
ตัวอย่างรถที่ใช้ : TOYOTA ALPHARD (โตโยตา อัลฟาร์ด), HONDA ODYSSEY (ฮอนดา ออดิสซีย์), GAC M8 (จีเอซี เอม 8)
อยู่ตรงกลางระหว่างประตูแบบมาตรฐานกับ GULL-WING ซึ่งจะเปิดขึ้น และออกพร้อมกัน (BOTH UP AND OUT) ด้านแกนบานอยู่ที่เสา A-PILLAR เปิดกางขึ้น และออกด้านข้างพร้อมกัน สร้างภาพลักษณ์สปอร์ทแต่ยังใช้งานง่ายกว่าปีกนกแท้ๆ
ตัวอย่างรถที่ใช้ : MCLAREN P1 (แมคลาเรน พี 1), FERRARI LAFERRARI (แฟร์รารี ลาแฟร์รารี), BMW I8 (ฺบีเอมดับเบิลยู ไอ 8)
คล้ายกับประตูแบบปีกผีเสื้อ เปิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปิด เพื่อช่วยให้ประตูไม่ชนขอบทางเดินเท้า (CURB) โดยเฉพาะรถที่ตัวถังต่ำ มีเอกลักษณ์คล้ายการกางปีกของหงส์
ตัวอย่างรถที่ใช้ : ASTON MARTIN DB12 (แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 12), VANTAGE (วานเทจ)
เป็นประตูที่มีลักษณะตื่นตาคล้ายแบบ SCISSOR DOOR ซึ่งรวมข้อดีหลายอย่าง แก้ปัญหาการใช้ความสูงในโรงรถ สามารถข้ามขอบฟุตบาทได้ดีขึ้น มีการเคลื่อนไหวแบบหมุน และยกในเวลาเดียวกัน ด้วยกลไกฟันเกียร์เฉียง (BEVEL GEAR) ที่ช่วยให้บานประตูเคลื่อนที่อย่างสมดุล ที่เห็นเอกสิทธิ์ในรถยนต์ระดับไฮเพอร์คาร์อย่าง KOENIGSEGG (โคนิกเซกก์)
ตัวอย่างรถที่ใช้ : KOENIGSEGG JESKO (โคนิกเซกก์ เจสโก), AGERA RS (อเกรา อาร์เอส)
ประตูรถยนต์แต่ละแบบสะท้อนทั้งความคิดสร้างสรรค์ และวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นแบบมาตรฐานที่ใช้ง่ายที่สุด หรือแบบสุดล้ำที่เห็นเฉพาะในซูเพอร์คาร์ หรือรถต้นแบบ สุดท้ายสิ่งที่สำคัญ คือ “ความปลอดภัย” และ “ความเหมาะสมในการใช้งานจริง” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ประตูที่แปลกตาเหล่านี้ คือ ซิกเนเจอร์ที่ทำให้รถคันหนึ่งกลายเป็นตำนาน
บทความแนะนำ

