นานารถแนวคิด
ซีตรอง เซ-กรอสแซร์
ซีตรอง เซ-กรอสแซร์ (CITROEN C-CROSSER) เป็นรถแนวคิดเอสยูวี นับว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปทรงภายนอก และเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร ที่สามารถปรับเข้าหาไลฟ์สไตล์ต่างๆ ได้ตามความต้องการ ทั้งความสะดวกสบายสำหรับการเดินทาง ความกว้างขวาง และสิ่งอำนวยความสะดวก
ภายในห้องโดยสารมีเนื้อที่กว้างขวางกว่ารถทั่วไป โดยจัดให้ที่นั่งในแถวหน้าค่อนไปทางด้านหน้ามากขึ้น ทำให้ห้องโดยสารมีเนื้อที่กว้าง เบาะนั่งอยู่ในตำแหน่งค่อนข้างสูง ทำให้มีทัศนวิสัยดีกว่าและใกล้ชิดกับสิ่งแวดล้อมภายนอกมากขึ้น สิ่งประทับใจสูงสุด คือ หลังคากระจกพาราโนมาที่ต่อเนื่องมาจากกระจกบังลมหน้า ช่วยสร้างความปลอดโปร่งให้กับภายในห้องโดยสาร ทั้งด้านหน้า และหลัง ที่นั่งแถวหน้ารับผู้โดยสารได้ถึง 3 ที่นั่ง ด้วยเทคโนโลยี DRIVE-BY-WIRE ที่ให้ความอิสระสำหรับคนขับในการเลือกนั่งที่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเบาะซ้าย ขวา หรือกลาง
ด้วยเทคโนโลยี DRIVE-BY-WIRE จึงทำให้กลไกสำหรับระบบบังคับต่างๆ ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป (ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมเครื่องยนต์ พวงมาลัย และเบรค) โดยรวมอุปกรณ์ควบคุมต่างๆ ไว้บนพวงมาลัยเพียงอย่างเดียว
ที่นั่งแถวหลังสามารถรับผู้โดยสารได้ 3 คนเช่นกัน ทั้งยังมีเนื้อที่วางเท้าที่กว้างขวางกว่า ทำให้รับผู้โดยสารได้ถึง 6 คนโดยไม่แออัด การออกแบบคำนึงถึงการตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายสามารถปรับรูปแบบตัวรถเป็นรถพิคอัพได้ โดยการเลื่อนเก็บหลังคาประตูท้ายลงในพื้นง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว แล้วปรับพับที่นั่งหลังลง จะทำให้มีที่ราบสำหรับบรรทุกได้มากถึง 1.90x1.20 เมตร เพื่อให้ที่นั่งในแถวหน้าเป็นสัดส่วนมากขึ้น ยังมีกระจกไฟฟ้าหลังจากแผงพนักเบาะหน้าที่สามารถเลื่อนขึ้นมากั้นระหว่างเบาะหน้า และกระบะหลัง
การนำสัมภาระขึ้นบรรทุกในด้านหลังทำได้อย่างง่ายดายด้วยประตูท้ายแบบสไลด์ นอกจากนั้นพื้นในส่วนหลังที่สามารถปรับเอียงลงได้ถึง 100 มม. ด้วยปุ่มควบคุมระบบอีเลคทรอนิคในด้านหลัง ที่อำนวยความสะดวกสำหรับการบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ หรือมีน้ำหนักมาก ได้ง่ายขึ้น
บนหลังคาสามารถบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวมากเป็นพิเศษ ด้วยราวยึดบนหลังคาที่เลื่อนไปตามแนวหลังคาด้วยระบบอีเลคทรอนิค เพื่ออำนวยความสะดวกในการบรรทุกขึ้นอีกระดับ
การขับขี่ ในเมืองให้ความคล่องตัวขึ้นอีกระดับหนึ่ง ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 HPI ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อที่เพิ่มความคล่องตัวในการจราจรที่แออัดโดดเด่นด้วยระบบรองรับแบบ LONG-TRAVEL HYDRACTIVE 3 ที่ให้การทรงตัวในความเร็วสูงระดับเดียวกับรถซาลูน
ในเส้นทางทุรกันดาร สามารถปรับระดับความสูงใต้ท้องขึ้นจาก 140 มม. เป็น 200 มม. พร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยวิสคัส คัพลิง ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค พร้อมความปลอดภัยในทุกสภาพการขับขี่ด้วยระบบ ESP และ ABS
โดดเด่นขึ้นไปอีกระดับด้วยการควบคุมผ่านระบบอีเลคทรอนิค ทำให้สามารปรับย้ายตำแหน่งของพวงมาลัยได้ตามความต้องการ ซึ่งไม่ถูกจำกัดด้วยตำแหน่งการติดตั้งแป้นเบรค และคันเร่งเหมือนในรถทั่วไป ทั้งยังเป็นการลดการบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุอีกระดับหนึ่งด้วย อุปกรณ์ควบคุมการขับขี่ถูกนำมาติดตั้งอยู่บนพวงมาลัยทั้งหมด โดยเฉพาะการเร่งความเร็ว และการเบรคที่มีการตอบสนองการควบคุมที่รวดเร็วกว่าการสั่งการผ่านแป้นเหยียบด้วยเท้าแบบเดิม
ในชุดควบคุมการขับขี่ จะมีอุปกรณ์ทั้งการเบรค เร่งความเร็ว และเปลี่ยนเกียร์ พวงมาลัยจะเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ด้วยระบบอีเลคทรอนิค ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบความเร็ว และสภาพการยึดเกาะผิวถนนการขับขี่ควบคุมได้ง่ายขึ้น สามารถเร่งความเร็วได้เพียงเลื่อนพวงมาลัยเข้าหาตัว และผลักออกเมื่อต้องการเบรค จะเห็นว่ามีการควบคุมง่ายขึ้น และตอบสนองได้รวดเร็วมากขึ้น เพียงการปรับเลื่อนพวงมาลัยเท่านั้น
นวัตรกรรมล่าสุด คือ ระบบ LONG-TRAVEL HYDRACTIVE 3 ที่สามารถปรับระบบรองรับแบบปีกนกคู่ให้สูง/ต่ำ ตามสภาพการขับขี่ ซึ่งสามารถควบคุมได้ ทั้งจากคนขับ หรือปรับตามสภาพพื้นผิวนั้นๆโดยอัตโนมัติ
ระบบ LONG-TRAVEL HYDRACTIVE 3 ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิค ที่แยกการปรับแรงดันของกระบอกไฮดรอลิคของระบบรองรับได้อย่างเป็นอิสระด้วยกล่องสมองกล ที่สั่งปรับระบบรองรับอย่างรวดเร็วตามสภาพของพื้นผิว โดยจะปรับระดับความสูงใต้ท้อง 140 มม. สำหรับถนนเรียบ และ 200 มม. สำหรับสภาพทุรกันดาร
การบังคับเลี้ยว 4 ล้อไฮดรอลิคควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค จะทำการปรับมุมเลี้ยว และสัดส่วนการหมุนของล้อหลังกับล้อหน้า ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการใช้ความเร็วทำให้นำรถเข้าที่จอดง่ายกว่ารถแบบล้อหลังแบบตรง การปรับมุมเลี้ยวของล้อหลังจะปรับตามความต้องการ โดยในความเร็วต่ำ ล้อหลังจะหมุนสวนทางกับล้อหน้า เพื่อให้มีความคล่องตัวสูงในการจราจรที่แน่นขนัด ส่วนในความเร็วปกติ ล้อหลังจะหมุนทิศทางเดียวกันกับล้อหน้า เพื่อการทรงตัวขณะเปลี่ยนเลนที่มั่นคงกว่า
ระบบเบรคควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคจะแยกสั่งงานไปยังทุกล้อตามความต้องการ จึงทำให้ผู้ขับขี่สามารถเบรคได้แรงเท่าที่ต้องการในทุกสภาพพื้นผิวโดยไม่เกิดอาการล้อตาย เพิ่มความปลอดภัยขึ้นไปอีกระดับด้วยระบบ EMERGENCY BRAKING ASSISTANCE และ DYNAMIC STABILITY CONTROL
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : นานารถแนวคิด
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/57704