X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รู้ทันเทคนิค
1 Feb 2011
โบช กับระบบ ESP? 15 ปี ที่ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ความปลอดภัยในการออกแบบและพัฒนาตัวรถนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง มาก่อนความสวยงาม หรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ เป็นที่รู้กันว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่ได้ผลิตรถด้วยตัวเอง 100 % อุปกรณ์และระบบหลายอย่างมาจากซัพพลายเออร์ เช่น ระบบเกียร์, ระบบไฟฟ้า, เบรค หรือแม้แต่ระบบแอคทีฟต่างๆ ที่มักมาจากบริษัทคู่ค้า ประเด็นหลัก คือ การลงทุนในเรื่องเหล่านี้ใช้เงินมหาศาล ไม่คุ้มกับการลงทุนนัก จ้างเขาผลิต หรือซื้อเขามาจะดีกว่า และส่งผลให้ต้นทุนต่ำกว่าด้วย
อีเอสพี (ESP) ระบบเพิ่มความปลอดภัย
โบช (BOSCH) เป็นผู้ผลิตระดับโลกที่มีเทคโนโลยีอันหลากหลาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ถูกกล่าวขานมานาน ผู้ผลิตรถยนต์ต่างให้ความสนใจ และนำไปใช้มากยี่ห้อหนึ่ง เราจะมาเรียนรู้ระบบ ELECTRONIC STABILITY PROGRAM (ESP?) อันที่จริงระบบนี้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ ถูกคิดค้นมานานแล้ว แต่ยังไม่สามารถใช้ได้จริง จนเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา ระบบ ESP ถูกนำมาใช้และเริ่มแพร่หลายมากขึ้น เนื่องจากเป็นระบบแอคทีฟที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถหลายรุ่นไปซะแล้ว สำหรับระบบ ESP ประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญของทั้งระบบ ABS และ TCS (ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ) โดยระบบ ABS จะป้องกันไม่ให้ล้อลอค เมื่อมีการใช้ระบบ ห้ามล้อหรือเบรค ในขณะที่ระบบ TCS จะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อปัดเมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนที่ นอกจากนี้ ระบบ ESP จะตรวจจับการลื่นไถลที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยใช้เซนเซอร์จับสัญญาณ เพื่อเปรียบเทียบทิศทางที่ผู้ขับต้องการไปกับทิศทางที่รถวิ่ง ถ้าทิศทางทั้ง 2 ไม่ตรงกัน ระบบจะทำงานด้วยการลดกำลังของเครื่องยนต์ และใช้แรงห้ามล้อต่างๆ ระบบดังกล่าวช่วยป้องกันการลื่นไถล และช่วยให้รถยนต์ทรงตัวได้อย่างปลอดภัย
บังคับใช้แล้ว ในหลายประเทศ
แม้เป็นระบบที่ให้ความปลอดภัยมากขึ้น แต่ในการใช้งานจริงกลับพบว่ามีรถไม่มากนักที่มีใช้อยู่ การวิจัยพบว่าระบบนี้สามารถเพิ่มความปลอดภัย และลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น ทำให้หลายๆ ประเทศให้ความสนใจในการออกกฎหมายให้ระบบ ESP และระบบ ABS เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานซึ่งจากการศึกษาประโยชน์เมื่อเทียบกับต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยมหาวิทยาลัยแห่งโคโลญน์ ในปี 2550 แสดงให้เห็นว่า การใช้ระบบ ESP ในยุโรปเพียงแห่งเดียว จะช่วยลดตัวเลขการเสียชีวิตบนท้องถนน ได้ถึง 4,000 ราย และลดตัวเลขผู้บาดเจ็บได้ถึง 100,000 รายในทุกปี นอกจากนี้ NATIONAL HIGHWAY TRAFFIC SAFETY ADMINISTRATION ของสหรัฐ ฯ ยังคำนวณไว้ในปี 2549 ว่า 34 % ของอุบัติเหตุ และ 71 % ของการพลิกคว่ำของรถทั้งหมดในสหรัฐ ฯ สามารถป้องกันได้ หากมีการบังคับใช้ระบบ ESP เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน การวิเคราะห์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดกฎหมายฉบับแรกของโลกที่บังคับให้ติดตั้งระบบ ESP ในรถยนต์ใหม่ทั้งหมด เมื่อถึงเดือนกันยายน 2554 ยานยนต์ขนาดเล็กจนถึงขนาด 4.5 ตัน ที่ขายในสหรัฐ ฯ ทั้งหมดจะต้องติดตั้งระบบ ESP ตามด้วยออสเตรเลียในเดือนพฤศจิกายน 2556 ยุโรปในเดือนพฤศจิกายน 2557 และรัสเซียในเดือนมกราคม 2557 ตามลำดับ ล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 กระทรวงคมนาคมของสาธารณรัฐเกาหลี ได้ประกาศมาตรการบังคับใช้ระบบ ESP ในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีประเทศญี่ปุ่นที่ปัจจุบันกำลังทำประชาพิจารณ์กฎหมาย ECE ซึ่งจะบังคับให้ระบบ ESP เป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป ส่วนบ้านเราจะมีหรือไม่ ต้องคอยลุ้นกัน
อ่านต่อ
เรื่องโดย : พหล ฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2554
คอลัมน์ Online : รู้ทันเทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/82506
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
รู้ทันเทคนิค
รู้ทันเทคนิค
22 Dec 2023
HONDA SENSING ELITE ระบบความปลอดภัยยุคใหม่
รู้ทันเทคนิค
22 Nov 2023
หน้าจอรูปตัว V เทคโนโลยีจาก CONTINENTAL ใน HYUNDAI KONA 2023
รู้ทันเทคนิค
19 Oct 2023
TWIN TURBO กลับมาใช้อีกครั้ง ในรอบ 20 ปี