รู้ทันเทคนิค
ระบบเชื้อเพลิงแบบฟเลกซ์ ฟิวล์ สร้างความหลากหลาย ในการเลือกใช้
การเปิดตัวทายาทล่าสุด แคพทีวา ใหม่ ของค่าย เชฟโรเลต์ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ และอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องยนต์ใหม่ที่มีความน่าสนใจในเรื่องของเทคโนโลยี ที่เรียกว่า "ฟเลกช์ ฟิวล์" เทคโนโลยีตัวนี้มีความหลากหลายในการเลือกใช้เชื้อเพลิง นับตั้งแต่เบนซิน อี 0 ไปจนถึง อี 85 หมายความว่าเครื่องยนต์ตัวนี้ใช้ได้ทั้งน้ำมันเบนซินปกติ, E10, E20 ไปจนถึง E85 ที่มีขายในบ้านเรา ความสามารถในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้หลากหลายนี่เอง มีส่วนช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเติมได้ตามความเหมาะสม เพราะน้ำมันอย่าง อี 20 และ อี 85 นั้นค่อนข้างหาเติมยาก อีกเหตุผลหนึ่งที่เหมาะกับบ้านเรา ก็คือ ราคาน้ำมันที่ผันผวนตลอดเวลา การใช้เชื้อเพลิงทางเลือกได้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
รถยุคนี้ ต้องเชื้อเพลิงทางเลือก
เรื่องเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ ก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทางค่ายนี้ให้ความสำคัญเสมอมา โดยเฉพาะเรื่องของเชื้อเพลิงทางเลือกที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อน ปัจจุบันหลายๆ ประเทศให้ความสำคัญเกี่ยวกับเชื้อเพลิงทางเลือกมากขึ้น และมีใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ การนำมาใช้งานในหลายๆ แห่งก็เกิดปัญหากับเครื่องยนต์ เพราะเครื่องยนต์รุ่นเก่านั้นไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเชื้อเพลิงหลายชนิด เมื่อนำเชื้อเพลิงทดแทน หรือเชื้อเพลิงทางเลือกมาใช้ร่วมกัน มักก่อให้เกิดปัญหาในส่วนของเครื่องยนต์ตามมา หลายครั้งที่พบ ก็คือ เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ อาจจะมีการสั่นสะเทือนเดินไม่เรียบ รวมถึงสมรรถนะลดลง โดยเฉพาะกับเครื่องยนต์เบนซินรุ่นใหม่ๆ ที่ระบบมีความซับซ้อน เมื่อใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่น เครื่องยนต์จะมีอาการแตกต่างออกไป แม้เพียงเล็กน้อยเซนเซอร์ที่มีความละเอียดอ่อนก็จะส่งผลไปยังอีซียูทันที ส่วนใหญ่จะมีการปรับองศาการจุดระเบิด และการจ่ายน้ำมันใหม่ให้เหมาะสมกัน แต่มีบางรุ่นที่ระบบก็ไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์เต็มร้อย เนื่องจากอีซียูไม่มีข้อมูลของเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ เลย
เทคโนโลยีนี้มีเซนเซอร์หลัก ที่มีผลและหน้าที่โดยตรงต่อการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง คือ แลมบ์ดา เซนเซอร์ (LAMBDA SENSOR) ตัวนี้จะทำงานแตกต่างจาก ออกซิเจน เซนเซอร์ (OXYGEN SENSOR) การทำงานของแลมบ์ดา เซนเซอร์ จะมีหน้าที่วิเคราะห์ค่าจากการเผาไหม้ เพื่อให้อีซียูปรับการจ่ายเชื้อเพลิงได้อย่างเหมาะสม แล้วออกซิเจน เซนเซอร์ ทำงานอย่างไร เจ้าเซนเซอร์ตัวนี้จะอยู่หลังแคทาไลทิค คอนเวอร์เตอร์ มันจะมีหน้าที่วัดค่าไอเสีย เพื่อวิเคราะห์ว่าส่วนผสมที่ถูกดูดเข้ามาในห้องเผาไหม้นั้น มีความพอเหมาะพอดีหรือไม่ เมื่อใช้น้ำมันเบนซินปกติ ค่าอุดมคติของส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศนั้นจะต้องอยู่ที่ 14.7:1 เจ้าแลมบ์ดา เซนเซอร์ จะมีหน้าที่วิเคราะห์ว่าส่วนผสมมันใกล้เคียงกับค่า 14.7:1 หรือไม่ ซึ่งอัตราส่วนผสมนี้เราเรียกค่าว่า 1 แลมบ์ดา
แล้วทำไมถึงต้องมาวัดที่หลังแคทาไลทิค คอนเวอร์เตอร์ ? นั่นก็เพราะว่า แม้เซนเซอร์มาตรวัดอากาศ และเซนเซอร์อื่นๆ จะมีการทำงานที่มีความแม่นยำสูง แต่อากาศกว่าจะถูกดูดเข้าห้องเผาไหม้มันต้องผ่านชิ้นส่วนมากมาย อากาศที่เข้าสู่ห้องเผาไหม้จริงอาจจะไม่เท่ากับที่เซนเซอร์วัดได้ ดังนั้นการไปวัดไอเสียจะทำให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด
ทำไมต้องใช้แลมบ์ดา เซนเซอร์ ?
เชื้อเพลิงตั้งแต่ อี 0, อี 10, อี 20 และ อี 85 นั้นมีค่าความเป็นเชื้อเพลิง (ค่าความร้อน) แตกต่างกัน ดังนั้นส่วนผสมระหว่างอากาศและน้ำจะต้องมีการปรับอัตราส่วนให้เหมาะสม รวมถึงองศาไฟจุดระเบิดด้วย
อัตราส่วนผสม 14.7:1 หรือ 1 แลมบ์ดานั้น จะเป็นส่วนผสมที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับอากาศ แต่ถ้าน้ำมันที่มีเอธานอลผสมอยู่ อัตราส่วนผสมจะเปลี่ยนไป ยิ่งเอธานอลมาก ส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันอาจจะเหลือเพียง 9-10:1 เท่านั้น องศาไฟจุดระเบิดก็จะต้องปรับให้มากขึ้นด้วย
แลมบ์ดา เซนเซอร์จะทำหน้าที่วิเคราะห์ปริมาณส่วนผสม ถ้าพบว่ามีปริมาณออกซิเจนในไอเสียเปลี่ยนไป มันจะส่งค่าที่ได้ไปยังอีซียู ซึ่งจะมีการเขียนพโรแกรมถึงค่าออกซิเจนระดับต่างๆ ไว้ เมื่ออีซียูเทียบค่ากับหน่วยความจำที่บันทึกไว้แล้ว จะสั่งให้มีการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสม รวมถึงปรับองศาไฟจุดระเบิดให้เหมาะสมด้วย ตรงนี้จะมีนอคเซนเซอร์ทำงานร่วมด้วยอีก 1 ตัว การปรับและจ่ายน้ำมันจะสัมพันธ์กับองศาไฟจุดระเบิด พโรแกรมในอีซียูจะมีค่าพื้นฐานของเชื้อเพลิงแต่ละชนิดไว้แล้ว โดยพื้นฐานมี 4 พโรแกรมสำหรับเชื้อเพลิงแต่ละชนิด
กรณีที่มีการเติมเชื้อเพลิงผสมกัน เช่น อี 0 กับ อี 85 เมื่อแลมบ์ดา เซนเซอร์วัดค่าปริมาณออกซิเจนได้ และส่งไปยังอีซียู ก็จะมีการเปรียบเทียบค่าที่เหมาะสมเพื่อสั่งจ่ายน้ำมันและปรับองศาไฟจุดระเบิด ทำให้ขจัดปัญหาเรื่องการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงแบบใด หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงใช้การปรับและจ่ายน้ำมัน โดยไม่ไปยุ่งกับการปรับปริมาณอากาศ นั่นก็เพราะว่า เราสามารถควบคุมของเหลวได้ง่ายกว่าอากาศ และการปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำมันมาก หรือน้อยนั้น อีซียูสามารถสั่งงานการยกเข็มหัวฉีดได้ในเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เรื่องโดย : พหล ฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2554
คอลัมน์ Online : รู้ทันเทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/84082