ฉับพลันที่สิ้นเสียงชวนจากพีอาร์สาวสวย 2 อนงค์ที่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ชักชวนให้ร่วมเดินทางไปสัมผัสเส้นทางธรรมชาติ และร่วมพูดคุยกับดีเลอร์รายใหญ่ ในจังหวัดเชียงใหม่ ผมตอบรับหมายเชิญ โดยระบุสั้นๆ ว่า ทริพนี้ขอลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท 4WD รุ่นทอพ เพื่อค้นหาสมรรถนะที่แท้จริงวันแรกเรานัดหมายที่สำนักงานใหญ่ แถวรังสิต เพื่อฟังบรรยายสรุปต่างๆ 8 โมงเช้า ล้อหมุนเริ่มต้นกิจกรรม ช่วงแรกจากกรุงเทพ ฯ มุ่งหน้าสู่ จ. ตาก ขบวนรถ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท, ทไรทัน และแลนเซอร์ อีเอกซ์ จำนวน 7 คัน ยังไม่รวมรถสตาฟฟ์ ที่นำหน้า และปิดท้ายขบวนด้วยรถเซอร์วิศ เราห้อกันเต็มเหยียด เดินทางตามเส้นทางหลวงสายเอเชีย มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ผ่าน จ. พระนครศรีอยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี, ชัยนาท แวะพักยกแรกที่ จ. นครสวรรค์ จากนั้นเดินทางต่อถึง จ. ตาก ในเวลาเที่ยงวัน เพื่อแวะพักทานอาหาร ระยะทางช่วงแรก 379.8 กม. ความเร็วเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 150 กม./ชม. บางครั้งเข็มไมล์ขึ้นไปแตะถึงระดับ 180 กม./ชม. ทำให้เราได้รู้ถึงสมรรถนะความจัดจ้านของเจ้า ปาเจโร สปอร์ท คันสีน้ำตาล พาหนะคู่ใจในทริพนี้ สามารถทำความเร็วช่วงต้นได้พอตัว ส่วนความเร็วช่วงปลาย หลังเข็มไมล์ผ่าน 120 กม./ชม. ฝูงม้าจำนวน 178 แรงม้า พรั่งพรูออกมาจนเราเพลิดเพลินกับการขับขี่ ช่วงล่างดี มั่นใจได้ทุกรอยต่อถนน ทั้งหลุม และเนิน ไม่สะทกสะท้าน ห้องโดยสารโอ่โถง ทัศนวิสัยในการมองไกลชัดเจนดี เบาะนั่งสบาย ไม่เมื่อยล้า แม้ต้องเดินทางไกล เส้นทางช่วงที่ 2 กว่า 270 กม. จาก จ. ตาก มุ่งหน้าสู่ จ. เชียงใหม่ โดยไม่ผ่านลำปาง ! ใช่แล้วครับ เราเดินทางเข้า จ. ลำพูน โดยใช้เส้นทางขนส่งในอดีต ทางหลวงหมายเลข 106 ผ่าน อ. ลี้ อ. บ้านโฮ่ง อ. ป่าซาง วิ่งขึ้นเขาเพื่อลองกำลังเครื่องยนต์อยู่สักพักหนึ่ง วิ่งผ่านแยกลำพูน ก่อนที่จะเข้า อ. สารภี และเข้าสู่ที่พักใน จ. เชียงใหม่ วันรุ่งขึ้น เราเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการของตัวแทนจำหน่าย มิตซูบิชิ รายแรก บริษัท แสงชัยมอเตอร์เซลส์ จำกัด บริหารงานโดย ธารินทร์ โตแสงชัย มาเล่าภาพรวมของตลาดรถในเชียงใหม่ ยอดขายของเราดีขึ้น เดิมเดือนละ 40-50 คัน เพิ่มขึ้นเป็น 80-90 คัน ส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 5 % ยอดขายต่อปี 900 กว่าคัน รุ่น ปาเจโร ขายดีสุด รองลงมา คือ กระบะ ทไรทัน โดยเฉพาะรุ่น CNG ส่วนภาพรวมของตลาดรถใน จ. เชียงใหม่ รถเก๋งประมาณ 50 % กระบะอีก 50 % ส่วนอีโคคาร์ จะเป็นพโรดัคท์ใหม่ที่จะทำให้ยอดขายของเราเพิ่มขึ้น ส่วนอีกหนึ่งราย คือ บริษัท มิตซูเชียงใหม่ จำกัด บริหารงานโดย ณัฐพล วิชิตชาญ เราเป็นน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดมา 2 ปี จึงต้องสร้างงานขายและบริการให้ดีที่สุด เรามี 2 สาขา คือ ที่ดอกจั่น และหางดง แต่ละเดือนมียอดขายกว่า 100 คัน ส่วนแบ่งตลาดใน จ. เชียงใหม่ เราเริ่มจาก 4.2 % ขยับขึ้นมาเป็น 6.1 % กลุ่มลูกค้าเราเน้นคนวัยทำงาน ตลาดรถใน จ. เชียงใหม่ เน้นรถกระบะ เป้าหมายการจำหน่าย ปี 2554 ตั้งไว้ 900 คันผ่านมา 7 เดือนแรกขายได้มากกว่าครึ่ง และมียอดรอส่งมอบอีก 100 กว่าคัน เราคาดหวังว่า ปีหน้าอีโคคาร์ จะเป็นตลาดที่สร้างสีสันให้กับเรา โดยเฉพาะยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น หลังจากนั้นก็เริ่มต้นกิจกรรมคาราวานท่องเที่ยว ช่วงที่ 3 สะเมิง-แม่ริม ใช้ทางหลวงหมายเลข 1264 วิ่งอยู่บนเขาเกือบชั่วโมง ก่อนที่จะแวะทานข้าวกลางวันที่โป่งแยงแอ่งดอย จากนั้นเราก็ตกลงกันใหม่ ว่าจะเปลี่ยนเส้นทาง เพราะดูท่าทีแล้ว ไม่น่าจะทัน ถ้ายังไปตามแผนเดิม เราลัดเลาะลงจากเขาแล้ววิ่งไปบ้านแม่กำปอง ผ่านหมู่บ้านชาวเขาที่ยังอนุรักษ์กลิ่นอายความเป็นอยู่แบบเดิมๆ ก่อนที่จะลงมาวิ่งทางเรียบ ผ่าน จ. แพร่ และเข้า จ. สุโขทัย วันนั้นเรากินข้าวมื้อเย็นในเวลาเกือบ 4 ทุ่ม แต่ก็สนุก รับรู้ได้ถึงอรรถรสความมันของเส้นทาง วิ่งไปวิ่งมากว่า 502 กม. เช้าวันที่สาม พโรแกรมเบาๆ เยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพ ฯ อีก 600 กว่า กม. เบ็ดเสร็จตลอดทริพ ระยะทางรวมกว่า 1,700 กม. ผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์ ฝ่าเส้นทางเรียบ ทางฝุ่น ทางลูกรัง ฝ่าทุกสภาพอากาศ ทำให้เราได้รับความสนุกสนานจากการเดินทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติ