ลับเฉพาะ
AUDIO PROCESSOR
ตอนที่นั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ชาวไทยกำลังส่งใจไปช่วยทีมที่ไปสู้เพื่อปกป้องดินแดนของเรา ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ อยู่อย่างใจจดใจจ่อ สิ่งที่เราทุกคนเห็นร่วมกันได้ชัดเจน คือ คนไทยเมื่อทำงานร่วมกันแล้ว ทุกคนเต็มที่เพื่อชาติครับ ส่วนผลจะเป็นแบบไหน ผมคนหนึ่งที่ไม่โทษทุกท่าน เพราะทุกๆ ท่านทำดีแล้วครับ
ฉบับนี้มาต่อกันในเรื่อง AUDIO PROCESSOR ครับ เราจะกล่าวถึงความน่าสนใจของ AUDIO PROCESSOR แต่ละค่ายซึ่งเป็นที่รู้จักกัน ผมขอเริ่มต้นที่ค่าย AUDISON อิตาลี กันก่อน เนื่องจากเป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน ด้วยสนนราคาที่ไม่เกินเอื้อมนัก แถมยังมีให้เลือกเล่น 2 รุ่น ตั้งแต่กลุ่มนักเล่นที่ระบบเสียงไม่ซับซ้อนมากนัก ระดับ BI-AMPS/TRI-AMPS ก็เล่นในรุ่น BIT TEN ในราคาย่อมเยา (ประมาณ 2 หมื่นบาทนิดๆ) หากเป็นกลุ่มที่เล่นแบบซับซ้อนระดับ QUAD-AMPS ก็ต้องขยับไปเลือกใช้ BIT ONE ครับ ในราคาที่สูงกว่าพอควร (2 หมื่นบาทปลายๆ) โดยที่ผมเชื่อเหลือเกินครับว่า มีหลายๆ ท่านที่ติดไปโดยไม่ทราบเลยว่า เอาไปทำอะไร ร้านเครื่องเสียงจัดมาให้ก็ติดไป บางคนติดแล้วไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ได้จัดระบบให้ถูกต้อง เชื่อหรือไม่ครับว่า เคยเห็นบางคน ติดแล้วไม่ได้ปรับทูนฟังค์ชันภายในเครื่องซักอย่าง ยังเคยเห็นมาให้แก้ไข ผมเองก็มึนๆ ว่า แล้วติดมาได้อย่างไร ดังนั้น วันนี้ขอบอกประโยชน์ทั้งหลายของเจ้า AUDIO PROCESSOR ให้ทราบกันครับ
สำหรับเจ้า AUDISON BIT ONE และ BIT TEN พื้นฐานเบื้องต้นที่ดูจะคล้ายๆ กันก็คือ มันเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณคุณภาพต่ำๆ ประเภทวิทยุราคาถูกที่แถมมากับรถ ให้กลายเป็นของมีคุณภาพดีขึ้นได้ ด้วยการประมวลผลทางดิจิทอลในเครื่อง มันจะทำการอ่านสัญญาณ ตรวจดูความบกพร่อง และความเพี้ยนที่ไม่พึงประสงค์ แล้วทำการชดเชยแก้ไข ให้ดีขึ้นได้พอสมควร ก่อนที่จะส่งต่อไปยังส่วนภาค DSP และ CONVERTER เพื่อไปทำการแปลงสัญญาณเหล่านั้นจากแอนาลอก ไปเป็นดิจิทอล 24 BIT 48 KHZ เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับแต่งเสียงต่อไป
การที่เป็นดิจิทอลนี่แหละครับ ทำให้สามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ทั้งเป็น พรีแอมพ์, 8 แชนแนล ครอสส์โอเวอร์, อีควอไลเซอร์ 31 แบนด์/แชนแนล, TIME ALIGNMENT โดยเจ้า AUDISON BIT ONE นั้น จะสามารถปรับแต่งได้ละเอียดมากกว่า รวมทั้งเอาท์พุทขนาด 4 โวลท์ เลยครับ ถึงจะไม่ได้ออกมาแรงมากมายนัก แต่ทำให้เราไม่จำเป็นต้องไปใส่พรีแอมพ์เพิ่มในระบบ ก็ยังได้ระดับความดังที่น่าพอใจ ยกเว้นพวกระบบที่คิดจะไปเปิดแข่งความดัง อันนั้นก็คงต้องมีพรีแอมพ์อย่างเคยๆ
ด้วยช่องสัญญาณขาออกมากถึง 8 ชุด (BIT ONE) และ 6 ชุด (BIT TEN) เพียงพอที่ท่านจะต่อเข้าเพาเวอร์แอมพ์ไปใช้กับเครื่องเสียงทั้งระบบ จะเลือกลำโพงหน้าแบบ 2 หรือ 3 ทาง แถมด้วยซับวูเฟอร์อีก 2 ตัว ก็ทำได้ เพียงแค่ท่านต่อระบบจากตัวเครื่องเล่นเดิม หรือเครื่องเล่นที่มี เข้ากับ AUDIO PROCESSOR แล้วต่อออกไปยังเพาเวอร์แอมพ์ให้ครบ ทุกอย่างสามารถควบคุมและสั่งงานได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เพราะท่านเพียงลิงค์เข้ากับคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้งานและปรับแต่งระบบเสียงในรถได้อย่างยอดเยี่ยม
ความสามารถด้านการจัดการความถี่ต่างๆ ในระบบให้ถูกต้อง การกำหนดว่าช่วงความถี่ไหน จะส่งไปที่ลำโพงตัวใดในระบบ การกำหนดระดับความดังของลำโพงแต่ละตัวให้เหมาะสมกับระบบ การกำหนดและเปลี่ยนระยะทางของเสียงที่เดินทางจากลำโพงตัวใดๆ ในรถ มาจนถึงจุดที่เรานั่งฟัง ให้พร้อมเพรียงกัน โดยลดความแตกต่างของระยะห่างระหว่างด้านซ้ายกับขวา ได้อย่างยอดเยี่ยม ผลก็คือ ชุดเครื่องเสียงเดิมๆ ที่ท่านเคยฟังตรงตำแหน่งคนขับ แล้วรู้สึกว่าลำโพงด้านขวามันดังมากจนน่ารำคาญ ในขณะที่ลำโพงตัวอื่นๆ ไม่ค่อยได้ยินเสียง เพราะมันอยู่ไกลออกไป ปัญหานั้นๆ ก็จะหมดไป ชนิดที่ว่า ลองหันหน้าไปที่ลำโพงด้านขวาตัวเดิมๆ ท่านยังไม่รู้สึกเลยว่ามันจะมีเสียงดังออกมา แต่เสียงของนักร้อง ดันย้ายขยับขึ้นไปอยู่บนกลางหน้าปัดรถ ผมว่าอ่านมาถึงตรงนี้ คงเริ่มสนใจแล้วใช่ไหมครับ แต่ต้องบอกว่า มันจะเป็นอย่างที่กล่าวมาได้ ต่อเมื่อท่านได้คนปรับแต่งที่รู้จริง และมีประสบการณ์จริงๆ ไม่อย่างงั้นเสียเงินไป 2-3 หมื่นบาท กลับไม่ได้อะไรแตกต่างเลย ดังนั้นก่อนที่จะติดตั้ง AUDIO PROCESSOR คงต้องหาคนทูนเสียงที่ไว้ใจได้ก่อน
ส่วนความสะดวกที่ AUDISON ทั้ง 2 รุ่นให้มานั้น คือ เจ้าตัวที่เรียกว่า DRC ทำหน้าที่เป็น MASTER VOLUME CONTROL, SUBWOOFER VOLUME CONTROL, BALANCE FADER CONTROL, INPUT SELECTION, MEMORY SELECTION โดยท่านสามารถปรับความดังเบาของทั้งระบบเสียง ปรับความดังของลำโพง SUBWOOFER สามารถเลือกเปลี่ยน MEMORY ของการฟังได้ 2-4 แบบอีกด้วย คนมีอาชีพทูนเสียงอย่างผม ยังสนุกเลยครับ ผมเชื่อว่า คนฟังอย่างท่านจะได้ประสบการณ์แบบประทับใจแน่นอน
ส่วนอีกยี่ห้อหนึ่งที่กำลังมาแรง คือ ROCKFORD FOSGATE อันที่จริงนั้น มีการนำเสนอ AUDIO PROCESSOR มาหลายปีแล้ว ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่า AUDISON เลย แต่ในบ้านเราตัวแทนจำหน่ายเดิม ไม่ได้นำเข้ามาทำการตลาดครับ เลยเงียบไปนาน กว่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทย จึงได้มีการนำเข้ามาจริงจังครับ
ROCKFORD 3SIXTY.3 เป็นชื่อรุ่นของค่ายนี้ครับ ค่าย ROCKFORD FOSGATE นั้นก็เก่าแก่ในสหรัฐอเมริกา เป็นอีกค่ายยักษ์ใหญ่ที่ไม่เคยห่างหายไปจากวงการเครื่องเสียง ไม่ว่าออกอะไรมาก็เป็นที่ฮือฮาเสมอๆ สิ่งที่น่าสนใจของเจ้า 3SIXTY.3 นี้ นอกเหนือจากสิ่งพื้นฐานที่เหมือนๆ กันกับค่ายอื่นๆ ทั้งในเรื่องของครอสส์โอเวอร์, อีควอไลเซอร์, TIME ALINGMENT แล้วนั้น เอาท์พุทที่มีขนาดสัญญาณแรงถึง 8 โวลท์ ก็เป็นจุดน่าสนใจครับ กับความสามารถในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ทางบลูทูธได้ด้วย อันนี้เป็นจุดแตกต่างที่น่าสนใจ ราคาค่าตัวไม่แตกต่างกันนัก แต่เรื่องน้ำเสียงนี่ก็คงจะเรียกได้ว่า แฟนค่ายไหน สาวกค่ายไหน ก็คงตามสะดวกครับ
ค่าย ROCKFORD FOSGATE แนวเสียงจะมีความสดกว่า ดุดันกว่า ตามสไตล์อเมริกัน ส่วนทาง AUDISON ก็จะออกไปทางเสียงกลางอุ่นๆ ปลายแหลมนุ่มๆ หน่อย แนวยุโรป ทางใครทางมันครับ แต่หากได้คนทูนดีๆ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใดๆ ที่จะทูนให้เข้ากับแนวที่ท่านชื่นชอบได้ ส่วนภาคอีควอไลเซอร์ จากสเปคแจ้งมาว่า 248 แบนด์ หากแยกเป็น 8 แชนแนล ก็คือ 31 แบนด์ ต่อแชนแนล เท่าๆ กันครับ ช่อง OPTICAL INPUT สำหรับต่อกับอุปกรณ์ดิจิทอลอื่นๆ ภายนอก ก็มีเช่นเดียวกัน เป็น TOSLINK เหมือนกัน ครอสส์โอเวอร์ สโลพ นั้นก็สามารถทำได้สูงสุดถึง 48 ดีบี/ออคเทฟ เช่นกัน ส่วนจะพบจุดแตกต่างอีกบ้าง ก็จะเป็นส่วนของ TYPE OF FILTER ค่าย ROCKFORD FOSGATE นั้นมีชนิดของ FILTER มาให้เลือกใช้งานได้มากกว่า จาก HIGH PASS, LOW PASS, BAND PASS นั้นจะมี HIGH SHELF และ LOW SHELF มาให้เลือกมากกว่า
งานนี้เรียกว่า จุดเด่นจุดอ่อนแตกต่างกันแบบกินกันไม่ลง เป็นทางเลือก 2 ทางที่ตัดสินใจไม่ง่ายนัก แต่ไม่ว่าท่านจะเลือกค่ายไหน ผมว่าก็ได้คุณภาพเสียงที่แตกต่างในทางที่ดีขึ้นมากมายกว่าก่อนแน่นอน ไม่ต้องกังวลครับ อันที่จริงอยากจะเขียนถึงอีกสักหนึ่งค่าย แต่ดูท่าทางแล้วหน้ากระดาษคงจะไม่พอ จึงขอยกยอดไปในฉบับหน้า แต่ก็มีรูปภาพที่น่าสนใจของเจ้า AUDIO PROCESSOR ทั้ง 2 ยี่ห้อที่กล่าวถึง มาให้ชมกัน
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2556
คอลัมน์ Online : ลับเฉพาะ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/90983