จันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” รวมถึงฟิล์มกลุ่มพิเศษลูมาร์ ผลิตโดยซีพีฟิล์ม อิงค์ มาตรฐานไอเอสโอ 9001 ในเครือบริษัท อีสท์แมน เคมิคัล จากสหรัฐอเมริกา ประกาศความพร้อมในการบุกตลาดฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมียมในประเทศไทยอีกครั้ง
บริษัทได้เปิดตัวฟิล์มเซรามิคตัวจริงรุ่นใหม่ล่าสุด ลามิน่า ดิจิตอล ซีทีเอ็กซ์ เซรามิก เซฟตี้(LAMINA DIGITAL CTX CERAMIC SAFETY) ซึ่งเป็นฟิล์มกรองแสงระดับซูเปอร์พรีเมียมรุ่นแรกและรุ่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก เอส.เอ.ซี.ที. (S.A.C.T.) ให้เป็น The Best Performance Films by CPFilms USA ซึ่งโดดเด่นเหนือกว่าฟิล์มดิจิตอลที่เคยมีในท้องตลาดทุกรุ่น
ฟิล์มเซรามิกสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากอณูนาโนเซรามิกบริสุทธิ์ 100% ผสานเข้ากับเทคโนโลยีฟิล์มนิรภัยชั้นยอดภายใต้มาตรฐานการผลิตระดับโลกจากโรงงานซีพีฟิล์ม ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยคุณสมบัติพิเศษมากมาย ซึ่งสามารถเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับพรีเมียมในประเทศไทยได้ ด้วยราคาการติดตั้งต่อคัน ตั้งแต่ 26,500 – 37,500 บาท โดยเริ่มทำตลาดในประเทศไทยทันที
“ในฐานะผู้นำในตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคารในประเทศไทย เราเชื่อว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่หลากหลายแตกต่างกันไป ทำให้เราไม่หยุดนิ่งที่จะค้นหานวัตกรรมด้านฟิล์มกรองแสงมาตอบสนองอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาคุณภาพของการให้บริการอย่างเหนือชั้น เพื่อให้ผู้บริโภคในประเทศไทย ได้เป็นเจ้าของฟิล์มกรองแสงที่ดีที่สุด ด้วยมาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุดเช่นกัน”
โดดเด่นด้วยคุณสมบัติ 4 ประการ The Best Surface เนื้อฟิล์มหนาถึง 100 ไมครอน หรือ 4Mil. ผิวหน้ากันรอยขีดข่วนระดับ AAA The Best Appearance เนื้อฟิล์มเข้มนอกชัดใน ในทุกสภาพแสงทั้งกลางวัน-กลางคืน The Best Conductive/Reflective/Barrier ด้วย 3 คุณสมบัติพิเศษ กระจาย-สะท้อน-ปิดกั้นทุกความร้อน ทุกรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายได้สูงสุด และ The Best Technology เนื้อฟิล์มรองรับทุกสัญญาณดิจิตอล 100%
สำหรับฟิล์มกรองแสงรุ่นใหม่ล่าสุดมีให้เลือก 2 รุ่น ประกอบด้วย “แอลเอส05 ดิจิตอล ซีทีเอ็กซ์4”สีดาร์ค ชาโคล มีค่าแสงส่องผ่าน 7% การสะท้อนแสง 5% การลดความร้อนจากแสงแดด 43% และการลดรังสีอุลตร้าไวโอเลต 99% และรุ่น “แอลเอส15 ดิจิตอล ซีทีเอ็กซ์4” สีซอฟท์ ชาโคล มีค่าแสงส่องผ่าน 17% การสะท้อนแสง 5% การลดความร้อนจากแสงแดด 41% และการลดรังสีอุลตร้าไวโอเลต 99%
จันทร์นภายังกล่าวถึงแผนการตลาดในปีนี้ว่า เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น บริษัทได้เปิดเผยวิสัยทัศน์ของผู้นำฟิล์มกรองแสงอันดับ 1 พร้อมก้าวสู่นโยบายการตลาดยุคใหม่ 4.0 ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยแนวคิด Passion Performance เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการตลาดที่เปลี่ยนไป และทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจรใน 5 ด้าน ได้แก่
Insight เจาะลึกค้นหาความต้องการภายในของลูกค้าให้พบ Inspire คิดค้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่โดนใจลูกค้า Instant ตอบสนองทุกความต้องการลูกค้าอย่างรวดเร็วทันใจ Interactiveสื่อสารข้อมูลกับลูกค้าอย่างรอบด้านและใกล้ชิด และ International เชื่อมโยงนวัตกรรมสากล มานำเสนอให้ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
“ความต้องการของบริษัทคือ การตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ดีที่สุดในประเทศไทย ต้องยอมรับว่าความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การหาสินค้าใหม่ ๆ มาตอบสนองจึงจำเป็นที่จะต้องตรงกับความต้องการของทุกคน และนำมาคัดสรรนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทั้งซีพีฟิล์มและลามิน่ามี มานำเสนอให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย”
นอกจากนี้ฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคารแล้ว ในฐานะผู้จัดจำหน่ายมืออาชีพระดับเอเชียแปซิฟิค บริษัทฯ ยังนำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มปกป้องสีรถ ลูมาร์ จากสหรัฐอเมริกา อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ ธูเล่ จากสวีเดน ผลิตภัณฑ์เคลือบปกป้องรถยนต์ เรือ อากาศยาน ไทรบอส จากอังกฤษ ลำโพงติดรถยนต์ระดับไฮเอนด์ โซนิค ดีไซน์ จากญี่ปุ่น และฟิล์มนิรภัยติดกระจกด้านนอกรถคุณภาพสูง เบรย์ จากสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายระยะกลางว่าจะต้องมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทภายในปี 2563 และมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย โดยในปี 2561 คาดว่าจะมียอดจำหน่าย 850 ล้านบาท เป็นรายได้จากลามิน่า 95% และรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อีก 5% ซึ่งเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากกว่า 10% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์
สำหรับในปีที่ผ่านมา เทคโนเซลฯ มียอดจำหน่ายรวม 760 ล้านบาท เติบโตขึ้นมา 10% ใกล้เคียงกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งราว 33% ของตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่มีมูลค่าราว 1,500 – 1,700 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปีนี้ ตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์น่าจะมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโต 5 - 10%