ธุรกิจ
ส.ยานยนต์ จับมือ รี้ด เทรดเด็กซ์ฯ จัดสัมมนาใหญ่ “ออโตโมทีฟ ซัมมิท 2018”
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนโลก ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงตามเมกะทเรนด์ และการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ ทำให้ผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนต้องมีการปรับตัว รวมถึงต่อยอดการผลิตเพื่อก้าวไปสู่การผลิตยานยนต์สมัยใหม่
ในส่วนของแนวโน้มการผลิตในประเทศไทยระยะ 2-3 ปีนี้ คาดว่าตลาดการผลิตในประเทศจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการสิ้นสุดของเงื่อนไขการถือครองรถยนต์ตามมาตรการรถยนต์คันแรก ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีการซื้อขาย เปลี่ยนถ่ายโอน และมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน (HEV, PHEV) เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์บางรายต้องผลิตตามแผนที่ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ไว้ในปี 2560 - 2561 รวมถึงการส่งออกไปยังประเทศตะวันออกกลางของไทยฟื้นตัวเนื่องจากราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มที่สูงขึ้น
สำหรับปี 2561 มีการคาดการณ์การผลิตรถยนต์อยู่ที่ 2.0 ล้านคัน สูงกว่าปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 1.95 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1.1 ล้านคัน เท่ากับ 55 % ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 900,000 คัน เท่ากับ 45 % ของยอดการผลิตทั้งหมด ซึ่งไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ที่ผ่านมา สภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังอยู่ในช่วงขยายตัว โดยมีปริมาณการผลิตรถยนต์จำนวน 539,690 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 11 และมีปริมาณการผลิตรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 543,178 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ร้อยละ 5 เป็นผลมาจากการจำหน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากเป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในยุค 4.0
อดิศักดิ์ โรหิตะศุน กรรมการสถาบันยานยนต์ ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ สะอาด ประหยัด ปลอดภัย และรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME ซึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ คือ ผู้ผลิตชิ้นส่วนเป็นส่วนใหญ่ ปรับตัวสู่ยุค Industry 4.0 โดยการปรับเปลี่ยนการทำงานเข้าสู่ระบบดิจิทอล การนำเอาระบบอัตโนมัติและระบบโรโบทิคส์เข้ามาใช้ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติได้
ทางด้าน อิสระ บุรินทรามาตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด เผยว่า แนวคิดของการจัดแสดงเทคโนโลยีและการประชุมสัมมนาในปีนี้ อยู่ภายใต้ปรัชญา “International Car Policy” ชี้วิสัยทัศน์ ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ที่สำคัญของโลก เตรียมความพร้อมสู่อนาคตด้วยแนวคิด "เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อยานยนต์ยุคใหม่"
โดยผลจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำเข้าเทคโนโลยีภายในงาน แมนูแฟคเจอริง เอกซ์โป ในปีที่ผ่านมา พบว่า แนวโน้มการผลิตยานยนต์สมัยใหม่มีการปรับเปลี่ยนโฉม โดยยังคงเน้นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน (ICE) ควบคู่กับการพัฒนารถยนต์ไฮบริด (HEV) และรถยนต์พลัก-อิน ไฮบริด (PHEV) ที่จะมีความต้องการมากขึ้นในอนาคต ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบทเตอรี (BEV) ยังเป็นรถยนต์ทางเลือกที่ยังไม่สามารถทดแทนรถยนต์ใน 3 กลุ่มแรกได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ด้วยแนวโน้มดังกล่าว นำไปสู่ความท้าทายต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยองค์ประกอบที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับยานยนต์ยุคใหม่ คือ การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีน้ำหนักเบาแต่มีความแข็งแรงทนทาน เช่น ชิ้นส่วนตัวถัง และกันชน โดยใช้วัสดุประเภทพลาสติคแทนการใช้วัสดุประเภทโลหะแบบเดิม เพื่อให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้น และยังช่วยลดโอกาสเกิดการบาดเจ็บให้น้อยลงด้วยความยืดหยุ่นของพลาสติคที่มีมากกว่าโลหะ นอกจากนี้ การพัฒนาชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์ในยานยนต์ยุคใหม่ ส่งผลให้เกิดความต้องการชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงโมเดลรถยนต์ที่เพิ่มความทันสมัยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านแม่พิมพ์ที่มีความซับซ้อนและแม่นยำสูงขึ้น ตลอดจนความต้องการด้านการชุบเคลือบชิ้นส่วนรถยนต์และสีผิวของตัวถัง ส่งผลให้ต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในหลายกระบวนการ ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดนี้จะถูกนำมาจัดแสดงในงาน แมนูแฟคเจอริง เอกซ์โป 2018
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การยกระดับขีดความสามารถของคลัสเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อชิงความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่ากว่าร้อยละ 70 ของการนำเข้าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมได้ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาสายการผลิตในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อลดต้นทุน สร้างความรวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการผลิตยานยนต์ยุคใหม่ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อยกระดับคลัสเตอร์ชิ้นส่วนของไทยของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ Tier 2 และ Tier 3 ประมาณ 2,000 โรงงาน โดยนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมาใช้ในระบบการผลิตของตนมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับผู้ประกอบรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใน Tier 1 ทาง รี้ด เทรดเด็กซ์ฯ จึงได้รวบรวมหุ่นยนต์กว่า 17 บแรนด์ จาก 10 ประเทศทั่วโลก นำมาจัดแสดงภายในงาน แมนูแฟคเจอริง เอกซ์โป 2018 ระว่างวันที่ 20- 24 มิถุนายนนี้ เพื่อให้กับผู้ประกอบการทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มการตัดสินใจก้าวสู่การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ด้วยระบบอัตโนมัติ พร้อมกับได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้เชื่อมโยงระบบ (System Integrator)โดยตรงที่จะให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการที่มุ่งยกระดับคุณภาพการผลิต แบบ One Stop Service นอกจากนี้ผู้ประกอบการจะได้สร้างเครือข่ายทางธุรกิจโดยการพบปะผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใน Tier ต่างๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มวิสัยทัศน์ด้วยองค์ความรู้ใหม่
ทั้งนี้ สถาบันยานยนต์ ร่วมกับ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องการนำระบบ ออโทเมชัน และโรโบทิคส์มาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงกำหนดให้มีการจัดงาน “ออโตโมทีฟ ซัมมิท 2018” ซึ่งเป็นการสัมมนาภายใต้งาน แมนูแฟคเจอริง เอกซ์โป 2018 ด้วยแนวคิด "พลิกมิติ อุตฯยานยนต์ไทยสู่ยุคทอง 4.0 ด้วยระบบออโตเมชันและโรโบติกส์" โดยได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดร. อุตตม สาวนายน เป็นประธานในพิธีเปิดงาน และกล่าวปาถกฐาพิเศษเรื่อง “แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมเอสเอ็มอีเข้าถึงระบบอัตโนมัติ เพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมสู่ยุค 4.0” และการบรรยายพิเศษเรื่อง “ความพร้อมของอุตสาหกรรมไทยในการพัฒนาผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ” จาก สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และพบกับผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในวงการระบบออโทเมชันและโรโบทิตส์ มาให้ความรู้และร่วมเสวนา ในวันพุธที่ 20 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 - 15.30 น. ณ ห้องแกรนด์ ฮอลล์ 202-203 ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/223787