ประเทศญี่ปุ่น เตรียมผลักดันรถยนต์ที่บินได้ ให้เกิดผลโดยเร็วที่สุด ภายในศตวรรษหน้า โดยมีบริษัทต่างๆ หลากหลาย ร่วมมือกัน ตั้งแต่ Uber Technology Inc., Airbus, NEC, Cartivator ท่ี่หนุนหลังโดย Toyota, ANA Holding, JAL, Yamato Holding และกลุ่มบริษัทที่รัฐบาลผลักดันหลายบริษัท ราว 20 รายการพัฒนายานยนต์ที่บินได้ของบริษัทต่างๆ มากมายทั่วโลกนั้น เกิดจากสภาพการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเกิดขึ้นในแทบจะทุกประเทศ โดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วน ทำให้ทุกคนต่างก็คิดถึงอากาศยานจากภาพยนตร์อวกาศ ที่สามารถเดินทางได้ในหลากหลายวิธีการ ทำให้บริษัทที่เพิ่งเริ่มต้นกิจการทั้งหลาย พากันพัฒนายานพาหนะในลักษณะเดียวกันมากมาย ขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น กำลังมุ่งหน้าไปยังรถไฟฟ้า และยานยนต์ไร้คนขับ แต่ภาครัฐแสดงความสนใจในเทคโนโลยีอากาศยาน พัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานเพื่อให้ภาคเอกชนสามารถพัฒนาต่อยอดได้โดยง่าย และมีผู้ให้ความสนใจที่จะต่อยอดในด้านนี้บ้างแล้ว ค่าย Uber เตรียมที่จะลงทุนราว 23 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 690 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เพื่อพัฒนารถยนต์ที่บินได้ สำหรับการให้บริการในกรุงปารีส โดยตั้งเป้าที่จะเปิดบริการเชิงพาณิชย์ในธุรกิจ Air-Taxi Business ภายในปี 2566 ขณะที่ Kitty Hawk บริษัทเพิ่งเกิดใหม่ในแคลิฟอร์เนีย ที่สนับสนุนโดย Larry Page แห่ง Google เปิดเผยรถบินคันต้นแบบ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเป็นรถบินที่นั่งเดี่ยว เพื่อความบันเทิง ส่วนค่ายรถยนต์ระดับโลกก็ให้ความสนใจในบริการการเดินทางชนิดใหม่นี้เช่นกัน ตั้งแต่ ค่าย Audi เครือ Volkswagen Group, Daimler และ Geely Automobile Holdings จากจีน แต่ยังไม่มีรถญี่ปุ่นค่ายใดประกาศแผนงานออกมาอย่างชัดเจน Hiroshige Seko รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า รถบินจะช่วยทำให้การจราจรแถบชานเมืองคล่องตัวขึ้น สามารถช่วยสนับสนุนให้การเดินทางบนเกาะ หรือแถบภูเขา ทำได้ง่ายขึ้น กรณีเกิดภัยพิบัติ รวมทั้งนำไปใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยวด้วย และในลักษณะของการเดินอากาศ เทคโนโลยีใหม่นี้ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบและยินยอมจากผู้ดูแลรายละเอียดหลายฝ่าย ที่ต้องใช้เวลาทำงานนานหลายปีทีเดียว รวมทั้งต้องกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับด้านการบิน แต่บรรดาผู้รู้ระบุว่า ญี่ปุ่นต้องการเป็นผู้นำในการร่างกฎระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมชนิดใหม่นี้ เพราะปัจจุบัน ผู้ร่างกฎระเบียบด้านการบินส่วนใหญ่ มักเป็นของยุโรป และสหรัฐอเมริกา เท่านั้น