ทุกวันนี้ เราใช้เวลาอยู่บนรถมากกว่าวันลาพักร้อนเสียอีก บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีอาริที (Arity) พบว่า ชาวอเมริกันใช้เวลาบนท้องถนนมากถึง 321 ชั่วโมง/ปี ส่วนมากของเวลาที่เสียไปเป็นเวลาระหว่างนั่งรถไปกลับเพื่อไปทำงาน เทียบกับวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ใช้เพียงปีละ 120 ชั่วโมง แม้อาจฟังดูเยอะ แต่ตัวเลขนี้เรียกว่าเทียบไม่ได้เลยกับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดอย่าง "กรุงเทพฯ"
จากงานวิจัยของ บอสตัน คอนซัลทิง กรุพ (บีซีจี) ในปี 2017 เผยว่า คนกรุงเทพฯ เสียเวลาไปกับรถติดถึง 18.2 วัน/ปี ยังไม่รวมเวลาหาที่จอดรถเพิ่มอีก 6 วัน โดยรวมแล้วคนกรุงเทพฯ เสียเวลาบนถนนไปถึง 24 วัน ไม่น่าแปลกใจที่เราจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาทันทีที่คิดถึงการเดินทางไปทำงาน
การแก้ไขปัญหาในเร็ววันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้นแทนที่เราจะจดจ่ออยู่กับปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ ลองหาวิธีที่จะเปลี่ยนจากความเข็ดขยาดการเดินทาง เป็นความรู้สึกเชิงบวกกันดีกว่า
หาเพลงฟัง เพื่อผ่อนคลาย
ส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกเครียดเมื่อติดอยู่บนท้องถนน คือ เวลาที่เสียไปเปล่าๆ ลองฟังพอดคาสต์หรือออดิโอบุคแก้เบื่อ เพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้ใช้เวลาในรถให้มีประโยชน์ บางหัวเรื่องอาจจะน่าสนใจมากจนคุณอยากให้รถติดไปนานๆ คุณจะได้มีเวลาฟังต่ออีกสักตอนด้วยซ้ำ
การเลือกฟังเพลย์ลิสต์ที่ชอบและเพลงโปรดก็ช่วยให้คุณหายเครียดได้เหมือนกัน เพลงจังหวะช้าๆ ได้รับการทดสอบแล้วว่ามีผลต่ออารมณ์ของคนขับในแง่ดี เพียงแค่เปลี่ยนไปฟังเพลงจังหวะช้าๆ พฤติกรรมในการขับรถเปลี่ยนไปในทันที โดยมีอาการใจเย็นลงอย่างรวดเร็วและขับรถได้ดีขึ้น ดังนั้นเมื่อไรที่รู้สึกว่าคุณกำลังจะกลายเป็นมารร้าย ลองเร่งเสียงวิทยุให้ดังขึ้นดู
สร้างกลิ่นหอม ภายในรถ
หลายงานวิจัยศึกษาเรื่องกลิ่นและผลกระทบของกลิ่นต่ออารมณ์ พฤติกรรม และประสิทธิภาพในการทำงานของมนุษย์ นักวิจัยพบว่า "กลิ่นเพพเพอร์มินท์" ช่วยฟื้นฟูจิตใจ เพิ่มศักยภาพทางกีฬา และความตื่นตัวของสมองได้ "กลิ่นชินนามอน" ช่วยเพิ่มสมาธิ และความเร็วในการตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กลุ่มตัวอย่างลดความฉุนเฉียวและซึมเศร้าลง รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากได้เดินในป่าสน
การนำกลิ่นหอมมาช่วยผ่อนคลายระหว่างรถติด นอกจากจะช่วยลดความเครียด ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำหอมดับกลิ่นในรถที่มีขายอยู่ทั่วไป หรือหยดน้ำมันหอมระเหยลงบนแผ่นน้ำหอมที่สามารถทำเองแบบง่ายๆ กลิ่นผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้มหรือมะนาว จะทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ส่วนโรสแมรีมีคุณสมบัติช่วยลดความเครียดและความกังวล อย่างไรก็ดี อย่าให้แผ่นน้ำหอมบดบังวิสัยทัศน์ในการขับรถ และอย่าลืมทดลองก่อนว่า กลิ่นของน้ำมันหอมระเหยที่คุณเลือกใช้ไม่ทำให้รู้สึกเวียนหัว หรือผ่อนคลายมากเกินไป จนทำให้เสียสมาธิในการขับรถหรือเกิดอันตราย
คิดในสิ่งดีๆ ใจเย็นเข้าไว้
ความคิดของเรามีอิทธิพลต่อสิ่งต่างๆ แค่การทำใจให้สบายก็อาจจะเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด เราไม่แนะนำให้ทำสมาธิระหว่างขับรถเพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย แต่การฝึกหายใจให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอก็จะช่วยให้คุณมีสมาธิและใจเย็นลง
วิธีหนึ่งที่ช่วยได้คือ เทคนิคหายใจเข้าออกสลับกัน โดยนับจำนวนวินาทีและหายใจลึกให้เท่ากัน การหายใจลึกๆ ทำให้สูดออกซิเจนได้เต็มปอดมากขึ้น ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ และทำให้ความดันโลหิตคงที่ ตรงกันข้ามกัน การหายใจเร็วซึ่งจะทำให้อากาศเข้าไปถึงชั้นในของปอดได้ไม่เต็มที่ ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและหายใจไม่ทัน
การฝึกสมาธิบางวิธีก็ไม่ควรจะทำระหว่างขับรถ ควรหลีกเลี่ยงการฝึกหายใจที่ทำให้ขับรถลำบาก ต้องไม่ลืมมองถนนตลอดเวลา และอย่าเผลอนับลมหายใจจนเสียสมาธิในการขับรถ
ถ้าชีวิตประจำวัน เราต้องใช้เวลาบนท้องถนนมากกว่าการไปเที่ยวพักผ่อน ก็ควรจะทำให้ช่วงเวลาในรถเป็นนาทีแห่งความสุข เพิ่มรอยยิ้มและคิดบวกเท่าที่จะทำได้