Shell ประกาศเจตนารมณ์ของบริษัทในการเป็นพันธมิตรที่ไว้วางใจได้ Trusted Partner for Better Life ตอบโจทย์ด้านพลังงาน และพร้อมอยู่เคียงข้างสังคมไทย เปิดตัวแนวคิดใหม่ #EnergyAmbition พลังงานดี ชีวิตมีสุข เพื่อส่งมอบพลังงานที่ช่วยสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต ในระยะฟื้นฟูหลังการระบาดของ COVID-19 ซึ่งแนวคิดใหม่นี้จะเป็นแผนการดำเนินงานหลักของ Shell (เชลล์) ในช่วงปี 2563 - 2565 เพื่อตอบสนองต่อสภาพเศรษฐกิจ และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดของโรค COVID-19 Shell ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อการส่งมอบพลังงานที่สะอาดขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ และดีต่อสิ่งแวดล้อม
ปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โรคระบาด COVID-19 ได้สร้างผลกระทบ และเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนไปอย่างมีนัยสำคัญ เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทั้งในระดับโลก และในประเทศไทย อาทิ ความกังวลด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น การทำงานจากบ้าน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งรถยนต์ส่วนบุคคลก็เป็นทางเลือกหลักของผู้คนจำนวนมากเมื่อต้องเดินทาง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมไปถึง การเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคมไร้เงินสด และการปรับตัวทางดิจิทอล เศรษฐกิจในอนาคตแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และความท้าทายของ Shell คือ การต้องปรับตัวเข้าสู่สภาวะใหม่ เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังงานของลูกค้า Shell มุ่งมั่นเดินหน้าตามเจตนารมณ์ในการเป็น พันธมิตรที่ไว้วางใจได้ ด้วยแนวคิด #EnergyAmbition "พลังงานดี ชีวิตมีสุข" พลังงานที่สนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนต่อไป
#EnergyAmbition เป็นแนวคิดใหม่สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจระยะฟื้นฟูหลัง COVID-19 โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจใน 5 ด้าน ดังนี้
A = Advanced Energy การใช้นวัตกรรมพลังงานที่มีประสิทธิภาพ เช่น น้ำมัน V-Power, เทคโนโลยี Gas-to-Liquid, ยางมะตอย Bitumen FreshAir และการเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งส่วนธุรกิจและค้าปลีก
B = Brand Trust การเป็นบแรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ โดยทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล คู่ค้าทางธุรกิจ และสังคม เพื่อทำความเข้าใจ และปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการด้านพลังงานของสังคม Shell เป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล และคู่ค้าในไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเห็นได้จาก การดำเนินโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด โครงการวางท่อน้ำมันใหม่ไปในเส้นทางภาคเหนือ และภาคอีสาน การยกระดับการเดินทางและคมนาคมเพื่อเมืองแห่งอนาคต นอกจากนี้ Shell ยังได้พัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่คนไทย เช่น โครงการพลังงานเพื่อชุมชน โครงการ Shell เติมสุข และโครงการออกแบบเมืองแห่งอนาคต
C= Carbon Footprint การดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมเพื่อลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตลอดการดำเนินงานทั้งห่วงโซ่อุปทาน ควบคู่ไปกับการมองหาโอกาสในการส่งมอบพลังงานสะอาดรูปแบบต่างๆ และพลังงานทางเลือกใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง การจัดสรรทรัพยากรที่จำกัดอย่างชาญฉลาด และมีประสิทธิภาพในสถานที่ทำงาน
D = Digitalisation การนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทอล และอี-คอมเมิร์ศโซลูชันใหม่ๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และการเสริมสร้างสุขอนามัยที่ดี เช่น การพัฒนาบริการด้วยการใช้ดิจิทอลเพื่อสนับสนุนการชำระเงินแบบไร้สัมผัส และการริเริ่มนวัตกรรมอี-คอมเมิร์ศในห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจของเรา อาทิ บริการ Pay at Pump ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินแบบไร้สัมผัส ที่สถานีบริการ Shell และร้าน Deli Cafe ทุกสาขา บริการ Home Delivery และบริการแบบ Online-to-Offline ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Shell กับ Lazada ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งน้ำมันเครื่องผ่าน Lazada พร้อมนัดวันเวลา เลือกสถานีบริการน้ำมัน Shell ที่จะทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง Shell ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้ Digitalization ไม่เพียงแต่ยกระดับความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับทั้งบริษัท และลูกค้าอีกด้วย
E = Empowering People การเสริมพลังคนทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ให้มีพลังที่ดีในการดำเนินชีวิต เพื่อรับมือกับผลกระทบจาก COVID-19 และชีวิตวิถีใหม่ New Normal ซึ่งรวมถึงการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ การส่งเสริมศักยภาพพนักงาน และการสนับสนุนจิตอาสา ทั้งนี้ได้มีการจัดการอบรมให้แก่ Service Champions หรือพนักงานให้บริการที่ประจำอยู่ที่สถานีบริการน้ำมัน รวมไปถึงบุคลากรของร้านค้าที่เป็นพันธมิตรกับ Shell ทั่วประเทศ นอกจากนี้ Shell ยังได้มีการปรับสภาพแวดล้อม และสถานที่ทำงาน โดยคำนึงถึงสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของพนักงานเป็นสำคัญ