ธุรกิจ
กรมการขนส่งทางบก พัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูล
จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก มีความมุ่งมั่น และตั้งใจที่จะลดระยะเวลา การให้บริการแก่ประชาชนที่มาติดต่อดำเนินงานด้านทะเบียน และภาษีรถ รวมทั้งลดขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทอลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้า และไม่ถูกต้องในการรับชำระภาษีรถประจำปี สอดรับกับนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนโยบายรัฐบาลที่ต้องการนำระบบราชการในปัจจุบันยกระดับสู่การเป็นระบบราชการ 4.0 ซึ่งในปัจจุบันการรับชำระภาษีรถยังคงใช้หลักฐานการจัดทำประกันภัยรถที่ยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาความคุ้มครองเป็นเอกสารประกอบ (ในรูปแบบกระดาษ) ทำให้เกิดภาระทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการ และหน่วยงานของรัฐในการจัดเก็บเอกสารหลักฐานดังกล่าว
ดังนั้นแล้ว ความร่วมมือระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และสมาคมประกันวินาศภัยไทยครั้งนี้ เพื่อที่จะพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ จะช่วยแก้ไขปัญหา และเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการให้ได้รับประโยชน์สูงสุด นำมาสู่พัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ เพื่อให้การบริการรับชำระภาษีรถประจำปีมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จากเดิม ประชาชนต้องใช้หลักฐานการทำประภัยรถภาคบังคับในรูปแบบเอกสาร เป็นเอกสารประกอบในการชำระภาษีรถประจำปี เมื่อการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงแล้วเสร็จ ประชาชนไม่ต้องแสดงหลักฐานในรูปแบบกระดาษอีกต่อไป ซึ่งทำให้การรับชำระภาษีรถประจำปีเป็นไปแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทั้งการรับชำระภาษีที่เคาน์เตอร์สำนักงาน ช่องทาง Drive Thru บริการรับชำระภาษีที่ห้างสรรพสินค้า หรือ Shop Thru for Tax หรือผ่านระบบ E-Service ของกรมการขนส่งทางบก และของหน่วยงานหรือหน่วยบริการต่างๆ ทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิศ ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นความร่วมมือในการทำงานแบบเชิงรุกเพื่อส่งมอบบริการที่ดี มีคุณภาพ ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงานทั้งกรมการขนส่งทางบก สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย ในการลดระยะเวลา และขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ลดการใช้กระดาษ และพื้นที่การจัดเก็บเอกสาร การปฏิบัติงานชำระภาษีรถประจำปีถูกต้อง และรวดเร็วยิ่งขึ้น การบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังคงมีความมุ่งมั่น และตั้งใจที่จะพัฒนางานให้บริการในทุกมิติ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทอลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้บริการแก่ประชาชน ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว รวมทั้งปรับปรุงรูปแบบการให้บริการในทุกกระบวนการ เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคปัจจุบัน และการดำเนินชีวิตในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal) เพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชน และประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืนต่อไป
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประชาชนนำเทคโนโลยีดิจิทอลมาใช้ในการดำรงชีวิตมากขึ้น สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานที่กำกับ และส่งเสริมธุรกิจประกันภัย ได้เล็งเห็นถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทอลมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ และชำระภาษีรถประจำปี จึงได้มีการพัฒนาระบบรายงานข้อมูลประกันภัยรถภาคบังคับ (Compulsory Motor Insurance System : CMIS) อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มศักยภาพในการรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลให้ครอบคลุมทุกช่องทางการชำระภาษีรถประจำปีของกรมการขนส่งทางบกให้มีความรวดเร็ว โดยมีการเข้ารหัสทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัย ซึ่งภาพการทำงานของระบบเชื่อมโยงข้อมูลนี้ คือ เมื่อประชาชนมายื่นชำระภาษีรถประจำปี กรมการขนส่งทางบกจะส่งข้อมูลบางรายการเกี่ยวกับรถมายังสำนักงาน คปภ. อาทิ เลขทะเบียนรถ ประเภทรถ เพื่อตรวจสอบประกันภัยรถภาคบังคับ และเมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวในระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. แล้ว ระบบจะมีการแจ้งผลการตรวจสอบไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่อใช้ประกอบการรับชำระภาษีรถประจำปีจนเสร็จสิ้น แล้วแจ้งผลกลับมาทางระบบของสำนักงาน คปภ. อีกครั้ง ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการพัฒนาระบบดังกล่าว จะช่วยลดภาระทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการ และหน่วยงานของรัฐในการจัดเก็บเอกสารหลักฐาน ส่งผลให้ประชาชนได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และครบวงจร ซึ่งจะเป็นการยกระดับการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างแท้จริง ตลอดจนเป็นการส่งเสริมธุรกิจประกันภัยไปสู่การประกันภัยดิจิทอลแบบครบวงจร และสอดคล้องกับนโยบายการเป็นรัฐบาลดิจิทอลอีกด้วย
การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ กรมการขนส่งทางบก สำนักงาน คปภ. และสมาคมประกันวินาศภัยไทย คำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูล จึงได้ตกลงจะเก็บรักษาข้อมูลที่ได้จากความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ไว้เป็นความลับ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เลขาธิการ กล่าวในตอนท้าย
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบก และสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ให้ความสำคัญในการพัฒนา และนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้เพื่อเป็นการส่งเสริม และพัฒนาระบบการประกันภัยรถภาคบังคับ โดยเฉพาะจากเดิมเป็นการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเพื่อการตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ สำหรับการให้บริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปีผ่านช่องทางแอพพลิเคชัน DLT Vehicle Tax และตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (KIOSK) ของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น แต่ในวันนี้ได้มีการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับให้ครอบคลุมการชำระภาษีรถทุกช่องทาง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของรถได้รับประโยชน์ที่แท้จริง ทั้งยังสามารถปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องได้โดยมีความสะดวกและความรวดเร็ว
ในปัจจุบันภาคธุรกิจประกันภัยรถยนต์เอง ได้มีการพัฒนา และปรับเปลี่ยนรูปแบบในการรับประกันภัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถในการจัดหาประกันภัย รวมถึงการส่งเสริมให้มีการเข้าถึงประกันภัยได้ง่าย เช่น การปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับประกันภัยเป็นระบบออนไลน์ การสนับสนุน และส่งเสริมให้มีการรายงานข้อมูลต่อสำนักงาน คปภ. แบบ Real-Time เพื่อให้มีศูนย์ข้อมูลกลางในการตรวจสอบการประกันภัยรถภาคบังคับ รวมถึงได้มีการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการประกันภัยรถภาคบังคับระหว่างหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดต้นทุนในการดำเนินการ และส่งเสริมการพัฒนาระบบการตรวจสอบการประกันภัยรถภาคบังคับให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้รถในประเทศไทยมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้ประชาชน และผู้ประสบภัยจากรถได้รับความคุ้มครองตามเจตนารมย์ที่ได้มีการตรากฎหมายไว้แต่แรก
ในวันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่สมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ในการพัฒนาระบบครั้งนี้ ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทvลที่สมบูรณ์ ทั้งระบบรับประกันภัย และระบบการชำระภาษีประจำปี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นรูปแบบที่มีส่วนส่งเสริม และสนับสนุนประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมต่อไป