รถล่าสุด
รีวิวฉบับเต็ม ! All New MG5 ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 20 กค. นี้
All New MG5 (เอมจี 5 ใหม่) รถยนต์สปอร์ทคูเปซีดาน ที่มาพร้อมนิยาม Born to be Beyond "คิดให้เหนือกว่า เพื่อทุกความเป็นคุณ" ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในทุกด้าน ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด Brit Dynamic ให้ความเหนือชั้นทั้งด้านสมรรถนะ (Performance) การควบคุม (Handling) การออกแบบ (Design) และความปลอดภัย (Safety) เพื่อให้เป็นยนตรกรรมที่มีความสปอร์ท พร้อมความสะดวกสบาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ด้วยฟังค์ชัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
MG ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2556 และเริ่มจำหน่าย MG6 (เอมจี 6) รถยนต์รุ่นแรกในเดือนกรกฎาคม ปี 2557 โดย MG5 รุ่นแรก ถูกผลิตโดย SAIC Motor เปิดตัวครั้งแรกปี 2555 ในประเทศจีน และเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อปี 2558 ต่อมา MG5 ก็ถูกยกเลิกสายการผลิตไปในปี 2561 ทั้งในไทย และจีน เนื่องจากไม่ประสบความสำเร็จในยอดขายเท่าที่ควร
ล่าสุด All New MG5 กลับมาทำตลาดใหม่ที่จีนอีกครั้ง เมื่อเดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา โดยได้ขัดเกลาหน้าตาใหม่ทั้งหมด มาในรูปแบบตัวถังซีดาน 4 ประตู สไตล์คูเป และพร้อมแล้วที่จะมาเปิดตัวให้แฟนชาวไทย ได้จับจองกันในวันที่ 20 กรกฎาคม นี้
มิติตัวถังของ All New MG5 (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) ยาว 4,675 (+63) มม. กว้าง 1,842 (+38) มม. สูง 1,480 (-8) มม. ระยะฐานล้อ 2,680 (+30) มม.
และเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
Honda City (ฮอนดา ซิที) : 4,553x1,748x1,467 มม. ระยะฐานล้อ 2,589 มม.
Nissan Almera (นิสสัน อัลเมรา) : 4,495x1,760x1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม.
Toyota Corolla Altis (โตโยตา โคโรลลา อัลทิส) (TNGA Platform) : 4,630x1,780x1,435 มม. ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
Mazda 3 (Sedan) (มาซดา 3 ซีดาน) : 4,662x1,797x1,445 มม. ระยะฐานล้อ 2,725 มม.
Honda Civic (Sedan) (ฮอนดา ซีวิค ซีดาน) : 4,673x1,800x1,415 มม. ระยะฐานล้อ 2,735 มม.
คู่แข่งของ All New MG5 คือ รถในกลุ่มอีโคคาร์ ระดับ B-Segment ที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน เช่น Honda City (ฮอนดา ซิที), Toyota Yaris ATIV (โตโยตา ยารีส เอทีฟ), Nissan Almera (นิสสัน อัลเมรา), Mazda 2 (มาซดา 2), Suzuki Ciaz (ซูซูกิ ซีอัส) และ Mitsubishi Attrage(มิตซูบิขิ แอททราจ) แต่ All New MG5 มีมิติตัวถังพอๆ กับรถในระดับ C-Segment
Beyond Design สะท้อนให้เห็นกระจังหน้าแบบ 3 มิติ Digital Burning Grille ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบใหม่ล่าสุดของ MG พร้อมตัวถังเพรียวยาวตามสไตล์รถยนต์สปอร์ทคูเปซีดาน ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติแบบ LED Projector พร้อม Daytime Running Lights
ไฟท้ายแบบ LED ดีไซจ์น Leopard Claw ไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซจ์นใบพัด 5 ก้าน
Beyond Space พื้นที่ภายในกว้างขวางอย่างลงตัว พร้อมความสะดวกสบาย แม้การออกแบบภายในจะดูสปอร์ท แต่ยังเด่นในเรื่องความกว้างขวางของพื้นที่ห้องโดยสาร
และมีพื้นที่เหนือศีรษะ (Headroom) ที่สูงโปร่ง พร้อมหลังคาซันรูฟ การตกแต่งภายในสไตล์สปอร์ท มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และฟังค์ชันที่ตอบไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว
เบาะนั่งเป็นหนังทรงสปอร์ทโอบรับสรีระ ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางในด้านคนขับ แผงคอนโซล 3D Diamond Design ลวดลายสปอร์ทพรีเมียม ดีไซจ์นคอนโซลกลางแบบ Driver-Focus Cockpit ที่เหมาะสมกับตำแหน่งคนขับ
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทอลขนาด 7 นิ้ว หน้าจอ Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน Rack and Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) สามารถปรับระดับน้ำหนักได้ 3 ระดับ มึปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ/วางสายโทรศัพท์
หลังคาซันรูฟ กระจกมองหลังแบบตัดแสง ระบบกรองอากาศ PM2.5 พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รองรับระบบเชื่อมต่อมัลทิมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android พร้อมลำโพง 6 จุด ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
ด้านขุมพลัง All New MG5 ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิด 15.3 กก.-ม. 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รตน. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 จังหวะ
ช่วงล่างเป็นแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้ทั้งประสบการณ์การขับขี่ และความมั่นใจ ด้วยระบบช่วงล่างหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลัง ทอร์ชันบีม โครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) และให้ความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วย Synchronized Protection System ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ได้แก่
• ระบบป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
• ระบบกระจายแรงเบรค EBD (Electronic Brake force Distribution)
• ระบบเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิคส์ EBA (Electronic Brake Assist)
• ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง (Auto Vehicle Hold)
• ระบบระบบควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
• ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
• ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรคฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
• ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
• ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
• ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer ระบบลอคประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) และระบบเบรคมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
All New MG5 ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–Smart ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ MG ให้สะดวกสบาย ปลอดภัย และเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในยุคดิจิทอล พร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Digital Key สามารถใช้งานรถผ่านกุญแจดิจิทอล โดยรับ/ส่งโคดจากแอพพลิเคชัน i-SMART สามารถสั่งการเปิด/ปิด และสตาร์ทรถยนต์ รวมถึงการส่งกุญแจดิจิทอลให้แก่ผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชัน i-Smart หรือระบบสั่งการอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
• กุญแจดิจิทอล
• ระบบสั่งการผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย
• ควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
• ค้นหาข้อมูลจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ และวางแผนการเดินทาง Travel Plan จากสมาร์ทโฟนส่งเข้าหน้าจอทัชสกรีนของรถได้
• โทรออก/รับสายจากจอทัชสกรีน
• สามารถติดต่อ MG Call Centre เพื่อสอบถามข้อมูล หรือขอรับจุดน่าสนใจ (Point Of Interest) ด้วยปุ่มลัดบนพวงมาลัย
Smart Connect หรือ ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
• เล่นเพลงทั้งรูปแบบออนไลน์ และสตรีมิง
• ค้นหาร้านอาหาร ที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวบนแผนที่นำทาง
• รายงานการจราจรแบบ Real Time
• เรียกดูข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์ปัจจุบัน และข้อมูลพยากรณ์สภาพอากาศ
• อัพเกรดระบบต่างๆ ผ่านออนไลน์ (FOTA)
Smart Check หรือระบบตรวจเชคอัจฉริยะ ประกอบไปด้วย
• ตรวจสอบสถานะของประตูรถ
• ตรวจสอบตำแหน่งของรถ พร้อมบอกเส้นทางไปยังรถยนต์ ผ่านฟังค์ชัน FIND MY CAR
โดยกำหนดให้รถเปิดไฟหน้า ไฟท้าย หรือใช้เสียงแตรผ่านการตั้งค่า
• ตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถ เช่น เครื่องยนต์ ลมยาง และถุงลมนิรภัย
• ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
• ระบบแจ้งเตือนเมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบการทำงาน หรืออุปกรณ์ของรถ
• กำหนดขอบเขตการใช้รถได้ตั้งแต่ 500 ม. ถึง 10 กม. โดยระบบจะแจ้งเตือนเมื่อรถเข้า/ออกในขอบเขตที่กำหนดไว้
* อุปกรณ์ที่ติดตั้งจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น
All New MG5 มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็น รุ่น C, D และ X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีเหลือง (Nuclear Yellow) สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเงิน (Silver Metallic) สีแดง (Scarlet Red) และสีเทา (Metal Ash Grey)
การมาครั้งนี้ของ All New MG5 คงสร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่ตลาดกลุ่ม B-Segment และ C-Segment เพราะมาแบบจัดเต็มทั้งด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เทคโนโลยีช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ และความปลอดภัย แต่คาดการณ์ว่าราคาจะเร้าใจแฟนๆ MG เป็นอย่างมาก วันที่ 20 กรกฎาคม นี้ เวลา 19.00 น. คงได้รู้กัน ผ่านช่องทาง Official Facebook Page : MG Thailand
ABOUT THE AUTHOR
พ
พรเทพ คงลาภอำนวย
ดูคุณพ่อจนขับรถได้ตั้งแต่ 8 ขวบ หลงใหลยานยนต์ จนได้วุฒิ Automotive Engineering ติดตัว ปัจจุบันเป็น บก.นักเขียน นักทดสอบรถ และ Instructor ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ แบบไม่มีกั๊ก !
ภาพโดย : เกรียงศักดิ์ ปันสม/ศุภณัฐ เสาวดีคอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
คำค้นหา