ธุรกิจ
Nissan นำนวัตกรรมสู่แคมเปญ Race to Zero
โยโกฮามา, ประเทศญี่ปุ่น-Nissan (นิสสัน) ประกาศเข้าร่วมแคมเปญ Race to Zero ที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ เพื่อเร่งสู่เป้าหมายการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ และลดคาร์บอนเป็น 0 (Carbon Neutrality) ซึ่ง Nissan เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกที่เข้าร่วมแคมเปญนี้
นอกจากนี้ Nissan ยังได้ลงนามในปฏิญญาความร่วมมือในโครงการ “Business Ambition for 1.5°C” ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ Nissan ที่จะช่วยควบคุมอุณหภูมิทั่วโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม (Pre-Industrial Levels) Nissan เข้าร่วมโครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์นี้ (Science Based Targets Initiative: SBTI) ตามเกณฑ์ที่กำหนดให้ลดการปล่อยคาร์บอนให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส โดย SBTI ทำการตรวจสอบ Nissan เพื่อรับรองว่าได้ลดการปล่อยคาร์บอนตามหลักภูมิอากาศวิทยา
มาโกโตะ อูชิดะ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan (Makoto Uchida, Nissan President and CEO) กล่าวว่า เรากำลังสานต่อเจตนารมณ์ของ Nissan ผ่านความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ที่มีแนวคิดเดียวกัน ตลอดจนประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างความตระหนักรู้ถึงสังคมแห่งความยั่งยืน ด้วยการเข้าร่วมกับ SBTI เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน และผลักดันแคมเปญ
“เพื่อเร่งให้สังคมโลกเข้าสู่การลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็น 0 Nissan ดำเนินการทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนร่วมส่งเสริมการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ เรายังยืนหยัดทำหน้าที่องค์กรที่อยู่เคียงข้างผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่เสมอมา
ในปี 2553 Nissan ได้เปิดตัว Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) รถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดเป็นรายแรกของโลก ท่ามกลางกระแสของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก Nissan สร้างสรรค์นวัตกรรม และความตื่นเต้นเร้าใจให้แก่การขับขี่ที่ไร้มลพิษ
ต้นปีที่ผ่านมา Nissan ให้คำมั่นว่าจะบรรลุสู่เป้าหมายลดคาร์บอนเป็น 0 ผ่านการดำเนินงาน และวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ได้ภายในปี 2593 Nissan ขับเคลื่อนเป้าหมายนี้ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการ Nissan EV36Zero ซึ่งเป็นโครงสร้างการผลิตรูปแบบใหม่ที่รวมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผลิตแบทเตอรี ไปจนถึงผลิตพลังงานหมุนเวียน เข้าไว้ด้วยกัน
อัลแบร์โต การ์ริโย ปีเนดา กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้ง SBTI (Alberto Carrillo Pineda, Managing Director and Co-Founder, SBTI) กล่าวว่า ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบที่เลวร้ายจากสภาพอากาศที่เสื่อมโทรม พร้อมเปิดประตูสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์รายแรกจากญี่ปุ่นที่เข้าร่วมในแคมเปญ Business Ambition for 1.5°C Nissan และบริษัทกว่า 700 แห่งทั่วโลกร่วมเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยมลพิษที่อิงหลักวิทยาศาสตร์และต้องอาศัยความพยายามอย่างสูงที่สุด
“เพื่อให้สอดคล้องกับหลักภูมิอากาศวิทยา Nissan ประกาศอย่างชัดเจนว่าบริษัทพร้อม และเต็มใจในการมีส่วนร่วมเพื่อบรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งบริษัทอื่นๆ ทั่วโลกก็ต้องดำเนินการทันทีเพื่อมุ่งสู่จุดหมายด้านสภาพอากาศ ตลอดจนสนับสนุนเศรษฐกิจโลกในการลดการปล่อยมลพิษจำนวนมาก และบรรลุเป้าหมายลดคาร์บอนสุทธิเป็น 0 ให้สำเร็จภายในปี 2593”
อลอก ชาร์มา ประธานชั่วคราวแห่งการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (Alok Sharma, President Designate, 26th UN Climate Change Conference of the Parties: COP26) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นนิสสันเข้าร่วมแคมเปญ Race to Zero ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นรายแรกที่สมัครเข้าร่วม และจากโครงการผลิตแบทเตอรีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ (North East England) ให้แก่รถยนต์ไฟฟ้า แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำอย่างแท้จริงในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการลดคาร์บอนสุทธิเป็น 0 ในสหราชอาณาจักร
“การเข้าร่วม Race to Zero ทำให้ Nissan เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดขององค์กรเอกชน ภาครัฐ นักลงทุน ภูมิภาค และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยลดการปล่อยแกสคาร์บอนทั่วโลกลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 และบรรลุการลดคาร์บอนสุทธิเป็น 0 ให้สำเร็จอย่างช้าที่สุดภายในปี 2593"
“COP26 เป็นการประชุมสุดยอดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์การสหประชาชาติที่สหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ ณ เมืองกลาสโกว์ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เราต้องรักษาเป้าหมายในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียสโดยต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด และก้าวไปข้างหน้าด้วยกลยุทธ์ระยะยาวในการลดคาร์บอนสุทธิเป็น 0 ให้ได้ภายในกลางศตวรรษนี้”
หัวใจสำคัญของแผนลดคาร์บอนเป็น 0 ของ Nissan ได้แก่ การนำเสนอรถยนต์ และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบันที่มีการขยายไปจนถึงเทคโนโลยี E-Power (อี-เพาเวอร์) เอกสิทธิ์เฉพาะจาก Nissan และ Nissan Ariya (นิสสัน อารียา) รถยนต์ไฟฟ้า 100 % ครอสส์โอเวอร์ ทั้งนี้ Nissan วางแผนให้รถยนต์รุ่นใหม่ที่จะออกสู่ตลาดสำคัญอย่าง ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป ภายในต้นทศวรรษ 2030 ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ทั้งหมด
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา Nissan ได้ประกาศถึงความมุ่งมั่นระยะยาวที่จะร่วมในการแข่งขัน ABB FIA Formula E World Champion ship จนถึงสิ้นสุดฤดูกาลที่ 12 ปี 2025-2026 (พศ. 2568-2569) ซึ่งจะนำความตื่นเต้นเร้าใจ และความสนุกสนานของรถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้มลพิษมาสู่ผู้ชมทั่วโลก
เพื่อเป็นการเร่งจุดประกายให้กับการเดินทางครั้งนี้ ล่าสุด Nissan ได้เปิดตัวโครงการ Nissan EV36Zero ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ ศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเรือธงแห่งใหม่ มูลค่า 1,000 ล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร แสดงให้เห็นถึงแนวทางแบบ 360 องศาสู่การลดคาร์บอนเป็น 0 ของ Nissan โดยการนำเอารถยนต์ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และการผลิตแบทเตอรีมารวมไว้ด้วยกัน เพื่อเร่งสู่การลดคาร์บอนเป็น 0
นอกเหนือไปจากการพัฒนายานยนต์ และเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้ว Nissan จะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรทั่วโลกในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และพัฒนาระบบนิเวศไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งครอบคลุมไปถึงการผลิตพลังงานหมุนเวียน กักเก็บพลังงาน นำแบทเตอรีรถยนต์ไฟฟ้ากลับมาใช้ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 และพัฒนาโมเดลธุรกิจแบบ "4R" อย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกอบไปด้วย Reuse (การใช้ซ้ำ) Refabricate (การสร้าง หรือผลิตจากวัสดุหลายชนิดรวมกันใหม่) Resell (การขายต่อ) Recycle (การแปรรูปแล้วกลับมาใช้ใหม่) เพื่อคุณประโยชน์แก่ชุมชน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/383598