บทความ
จับตารถใหม่ 2025-2026 เตรียมเปิดตัวในไทย
ปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์ไทยน่าจะคึกคักไม่น้อย เพราะหลายค่ายเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ทั้ง EV, SUV, และไฮบริด ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ บทความนี้เรารวบรวม รถใหม่ 2025 ที่คาดว่าจะเปิดตัวในไทย ใครที่เล็งซื้อรถใหม่ในปีนี้ ห้ามพลาดเด็ดขาด !
รถใหม่ 2026
Toyota Land Cruiser FJ 2026

Toyota Land Cruiser FJ 2026 ใหม่ มีมิติความยาว 4,575 มม. ความกว้าง 1,855 มม. ความสูง 1,960 มม. ระยะฐานล้อ 2,580 มม. จำนวนที่นั่ง คือ 2 แถว 5 ที่นั่ง ส่วนขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.7 ลิตร รหัส 2TR-FE ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า/120 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 246 นิวตันนเมตร ระบบถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Super ECT และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์
ห้องโดยสารเน้นความกว้างขวาง โปร่ง โล่งสบายตา ให้มีระบบในการจดจำ แผงหน้าปัดแนวนอนช่วยให้มีมุมกว้าง มองเห็นด้านหน้าตัวรถได้ง่าย จอภาพ และสวิทช์ที่รวมฟังค์ชันต่างๆ ออกแบบเพื่อลดการเคลื่อนไหวของสายตา และปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่ควบคุมได้ง่าย
Land Cruiser FJ ใหม่ ออกแบบโดยใช้พแลทฟอร์มที่พัฒนาจากรถกระบะ IMV เพื่อให้รถมีระยะห่างจากพื้นของตัวรถ และมุมในการเข้าโค้งที่ต้องการ ทำให้ตัวรถมีการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบ และทางออฟโรด ตามแบบฉบับของ Land Cruiser
สำหรับประเทศไทย มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ Toyota Land Cruiser FJ โดยรุ่นที่จะจำหน่าย เป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น คาดการณ์ว่าจะเปิดตัวในปีหน้า
Isuzu D-Max 2026
Isuzu D-Max 2026 ใหม่ 33 รุ่น กับนิยาม The One & Only ปรับเปลี่ยนหน้าตา ปรับลุค ตกแต่งภายใน ใส่พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า อัพเกรด ADAS และชอคอับใหม่
ดีไซน์ภายนอกเท่ดุดัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Multi-layer ทรงพลัง ไฟหน้า Modern Line พร้อม Daylight แบบ 3-in-1 ล้ออัลลอย 18 นิ้วสี Matte Black และไฟท้าย LED Clear Lens เสริมความสปอร์ต
ภายในมาพร้อมเบาะทูโทน Coolmax ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง แอร์อัตโนมัติ Dual Zone กรองฝุ่น PM2.5 หน้าจอ MID 7 นิ้วเชื่อมต่อจอกลางสัมผัส 9 นิ้ว รองรับ Wireless Android Auto / Apple CarPlay พร้อมระบบเสียงรอบทิศ 8 ลำโพง
พวงมาลัยไฟฟ้า EPS กล้องรอบคัน 360° พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ ระบบ Terrain Command / Rough Terrain Mode / Diff-Lock / แสดงองศาไต่เขา-ลาดเอียง ลุยน้ำลึกได้ถึง 800 มม.
ด้านขุมพลัง D-Max V-cross ใช้เครื่องยนต์ 3.0 Ddi Maxforce 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะแบบสปอร์ต พร้อม Paddle Shift ขับสนุก ดุดันในแบบฉบับ Isuzu
BMW iX3 2026 (เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เร็วๆ นี้)
BMW iX3 2026 โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์ SAV ผสมผสานกับประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ที่ช่วยลดแรงต้านลม ทำให้ขับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยังคงความกว้างขวาง และความสบายภายไว้เหมือนเดิม
ภายในติดตั้งจอแสดงผลกลางแบบ Free-cut Design ขนาด 17.9 นิ้ว จับคู่กับระบบ BMW Panoramic iDrive ใหม่ พร้อมฟังก์ชัน BMW Panoramic Vision สามารถฉายข้อมูลที่ปรับแต่งได้เต็มกระจกหน้า และจอ BMW 3D Head-Up Display แสดงข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ขับขี่อย่างแม่นยำในรูปแบบ 3 มิติ
ด้านสมรรถนะ iX3 ขับได้ไกลสูงสุดถึง 805 กม. (มาตรฐาน WLTP) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้พลังงานต่ำ และรองรับเทคโนโลยีการชาร์จอัจฉริยะ รวมถึงการชาร์จไฟแบบสองทิศทางในอนาคต
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบช่วยขับอัจฉริยะและเทคโนโลยี “Heart of Joy” ที่ยกระดับความสนุก และความปราดเปรียวในการขับขี่ ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยว ภายในกว้างขวางโปร่งสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งความหรูหราและการใช้งานจริง
Isuzu D-Max EV 2026
รถพิคอัพไฟฟ้า Isuzu D-Max EV คันแรกของค่าย ได้จัดโชว์ต่อสาธารณชนในฐานะรถต้นแบบ ในงาน Motor Show 2024 ที่ประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว Isuzu ได้เริ่มการผลิตรถรุ่นพวงมาลัยซ้าย และส่งไปยังประเทศหลักๆ ในยุโรป เพื่อจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568
การผลิตรถรุ่นพวงมาลัยขวาของรถพิคอัพไฟฟ้า Isuzu D-Max EV กำหนดจะมีขึ้นช่วงปลายปี 2568 นี้ โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในสหราชอาณาจักร ในปี 2569 และจะขยายไปยังประเทศ และเขตอื่นๆ ตามความต้องการของตลาด
Isuzu D-Max EV ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time ซึ่งมี E-Axles ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำงานร่วมกันทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ช่วยให้มั่นใจในสมรรถนะอันยอดเยี่ยมบนพื้นที่ทุรกันดาร ระบบนี้ยังให้พลังเร่งแซงสูงแบบคงที่ตามแบบฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า ในขณะเดียวกันก็ลดเสียงรบกวน และการสั่นสะเทือน นอกจากนี้ ความสามารถในการลากจูง และน้ำหนักบรรทุกที่สูง จากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลังรวมถึงโครงสร้าง และตัวถังที่แข็งแรง ทำให้รถพิคอัพไฟฟ้า Isuzu D-Max EV สามารถเทียบเคียงกับสมรรถนะของรุ่นดีเซลที่มีอยู่ปัจจุบันได้
ZEEKR 9X 2025-2026
ZEEKR 9X เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดแฟลกชิปสุดหรู ออกแบบโดยทีมดีไซน์เนอร์ระดับโลก นำโดย Stefan Sielaff, Vice President of Global Design at Geely Auto Group ความโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าที่มีขนาดใหญ่ 2.15 ตารางเมตร พร้อมกระจังหน้าโครเมียมชิ้นเดียวที่กว้างถึง 1.2 เมตร ชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน "Vast Star Diamond Matrix" ประดับด้วยเหลี่ยมเพชรมากถึง 42,242 เหลี่ยม ด้านข้างมีเส้นสายที่ตรง และคมชัดสร้างบุคลิกที่สง่างาม ดูหรูหรา ไฟท้ายทรงเพรียวบางพาดผ่านตลอดความกว้างตัวรถ จับคู่กับล้ออัลลอยขึ้นรูปขนาด 22 นิ้ว
ภายใน ZEEKR 9X ให้ความโอ่อ่ากว้างขวางด้วยห้องโดยสารแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่ง Cloud Lounge และฟีเจอร์ระดับพรีเมียมอย่างหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 17 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงพรีเมียมรอบทิศทางจาก Naim ที่มาพร้อมเสปกด้วยกำลังวัตต์สูงถึง 3,800 วัตต์
ZEEKR 9X ได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA-S รองรับสถาปัตยกรรมขับเคลื่อนไฟฟ้า 900V สุดล้ำ มาพร้อมระบบอัจฉริยะ SEA Super Hybrid ที่ให้กำลังสูงสุด 1,030 กิโลวัตต์ ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.1 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุดด้วยกำลังไฟฟ้าล้วนถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จ (มาตรฐาน CLTC) โดยวิ่งได้ระยะรวมไกลถึง 1,250 กิโลเมตร (มาตรฐาน CLTC) รองรับเทคโนโลยีการชาร์จ 6C ซึ่งทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วสุด 20-80% ในเวลาเพียง 9 นาที (ระยะเวลาการชาร์จขึ้นอยู่กับปริมาณไฟคงเหลือ กำลังไฟของตู้ชาร์จ และรูปแบบการใช้งาน)
สำหรับราคารุ่นเปิดตัวที่เซี่ยงไฮ้ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 465,900 - 599,900 หยวน (ประมาณ 2.4 - 2.9 ล้านบาท) และสามารถเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าทันที โดยวางจำหน่ายในประเทศจีน และยังไม่มีกำหนดการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
รถใหม่ 2025
MG IM5 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)

MG IM5 รถยนต์ไฟฟ้าระดับหรู และล้ำสมัยของค่าย ตัวถังมาในสไตล์สปอร์ทซีดานขนาดใหญ่ มีมิติตัวถังความยาว 4,931 มม. และระยะฐานล้อถึง 2,950 มม.จะทำตลาดในบ้านเราคู่กับครอสส์โอเวอร์พลังไฟฟ้าระดับหรูที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ นั่นคือ MG IM6 ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 1,299,900-1,699,900 บาท
สเปคเบื้องต้น IM5 ของเมืองนอก คือ ความจุแบทเตอรี 75-100 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งไกล 490-710 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุด 153 และ 396 กิโลวัตต์ ส่งกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 295 แรงม้า (ในรุ่นมอเตอร์เดี่ยว Standard Range) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.8 วินาที และ 710 แรงม้า (ในรุ่นมอเตอร์คู่ Performance) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที
Nissan X-trail e-POWER (T33) 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)

Nissan X-trail e-POWER (T33) เอสยูวีขนาดกลางสไตล์ครอบครัว มาพร้อมเส้นสายใหม่ที่ดูทันสมัยขึ้น ตัวถังยาว 4,660 มม. กว้าง 1,840 มม. และสูง 1,720 มม. พร้อมฐานล้อ 2,706 มม. ไฟหน้า Multi-Level LED และประตูหลังที่เปิดได้เกือบ 90 องศาเพิ่มความสะดวก ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ e-4ORCE รองรับโหมดการขับขี่หลายรูปแบบ ทั้ง Snow, Off-Road และ Sport ทำให้ใช้งานได้ครบหลายสภาพถนน
ภายในจัดเลย์เอาท์แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมเบาะหลังพับแบบ One-Touch และเบาะอุ่น เพิ่มความสบายในการเดินทาง อุปกรณ์มาตรฐานให้มาครบทั้งจอ Head-up Display 10.8 นิ้ว, มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว และจอกลาง 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย ระบบปรับอากาศ Tri-Zone และม่านบังแดดด้านหลังช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
ระบบ e-POWER ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบทำหน้าที่ปั่นไฟให้มอเตอร์คู่แบบ 4WD โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 203 แรงม้า และมอเตอร์หลัง 135 แรงม้า จุดเด่นของ e-4ORCE คือการควบคุมแรงบิดหน้า-หลังอย่างแม่นยำ ช่วยให้เข้าโค้งและวิ่งบนถนนลื่นได้มั่นคงขึ้น พร้อมชุดความปลอดภัย Nissan Safety Shield 360 และระบบกึ่งอัตโนมัติ ProPILOT Assist ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทุกการเดินทาง
Avatr 07 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)
Avatr 07 รถพรีเมียมเอสยูวีไฟฟ้า ที่มาพร้อมงานออกแบบตัวถังที่ให้ความบาลานซ์ระหว่างความสปอร์ทและความล้ำสมัย ด้วยขนาดความยาว 4,825 มม. กว้าง 1,980 มม. และสูง 1,620 มม. เสริมด้วยระยะฐานล้อ 2,940 มม. ที่ช่วยให้บุคลิกโดยรวมดูมั่นคงและทรงพลัง อีกทั้งยังใช้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศเพียง 0.259 ซึ่งถือว่าต่ำมากในกลุ่มรถไฟฟ้า ช่วยลดแรงต้านลมและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขับขี่ได้อย่างชัดเจน
ภายในถูกจัดสรรพื้นที่อย่างชาญฉลาด รองรับการใช้งานทั้งแบบครอบครัว และไลฟ์สไตล์คนเมือง โดยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายให้ความจุ 500 ลิตร และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 1,325 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เก็บของด้านหน้า (Frunk) ขนาด 90 ลิตร เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งหมดนี้ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งโล่ง พร้อมรองรับสัมภาระได้หลากหลายรูปแบบ
AVATR 07 มาพร้อมตัวเลือกขุมพลังทั้งแบบ Single Motor และ Dual Motors เพื่อตอบโจทย์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน โดยรุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ให้กำลังสูงสุด 343 แรงม้า แรงบิด 365 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 6.3 วินาที พร้อมแบทเตอรี LFP จาก CATL ขนาด 82.1 kWh ที่พัฒนาในระบบไฟฟ้า 800V รองรับระยะทางสูงสุด 610 กม. (มาตรฐาน NEDC)
ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่แบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) จะได้พละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 598 แรงม้า และแรงบิด 645 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที ให้ความรู้สึกเร้าใจขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมระยะทางวิ่งสูงสุด 570 กม. (มาตรฐาน NEDC) ทั้งสองรุ่นทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม.
ด้านการชาร์จไฟ รองรับการชาร์จเร็วแบบ DC สูงสุด 420 kW สามารถชาร์จจาก 30-80% ได้ในเวลาเพียง 10.2 นาที พร้อมฟังก์ชัน V2L สำหรับจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายนอกสูงสุด 3.3 kW เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างดีเยี่ยม
Wuling Starlight EV (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)

Wuling Starlight ดีไซน์ตัวถังสไตล์ MPV หน้ายาว เน้นเส้นสายที่ให้ภาพลักษณ์หรูขึ้นกว่ารถรุ่นก่อนของแบรนด์ ทั้งกันชนหน้า เส้นประตูด้านข้าง และเส้นฝากระโปรงท้ายที่ออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยว โดยรวมให้บุคลิกที่ทันสมัยและกลิ่นอายพรีเมียมมากขึ้น เหมาะกับตลาด MPV ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตในไทย
ห้องโดยสารรองรับ 7 ที่นั่ง จัดวางแบบเน้นความสบาย เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าและเอนได้สูงสุด 180 องศา เบาะแถวที่ 2 เป็น Captain Seat พร้อมฟังก์ชันปรับเอน ส่วนแถวที่ 3 ใช้ดีไซน์ Magic Folding แบ่งพับ 60/40 เอนได้สูงสุด 127 องศา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้มาครบ ทั้งจอกลางแบบลอยตัว 12.8 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย–ขวา ช่องแอร์หลัง ที่ชาร์จไร้สาย และระบบเสียง 6 ลำโพง
Starlight ใช้แพลตฟอร์มไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ จับคู่มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 310 นิวตันเมตร ใช้แบทเตอรี LFP แบบ Cell-to-Body ความจุ 69.2 kWh วิ่งไกล 540 กม. (มาตรฐาน CLTC) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและเดินทางไกล
Avatr 11 Royal Edition 2025 (ราคา 2,8XX,XXX บาท)
Avatr 11 Royal Edition รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียมรุ่นพิเศษจาก Changan เปิดตัวพร้อมดีไซน์ Dual Tone Glossy Grey-Black ตัดเส้น Platinum Silver รอบคัน ภายในหรูหราด้วยหนังแท้ Full Grain Semi-Aniline แรงบันดาลใจจาก Opera House มอบบรรยากาศเหนือระดับทั้งสัมผัสและดีไซน์
คาดการณ์ราคาอยู่ที่ ราว 2.8 ล้านบาท (รอตัวเลขอย่างเป็นทางการจาก Changan ประเทศไทย)
ลูกค้า AVATR จาก Infinite Automobile ยังได้รับสิทธิ์เข้าร่วมคลับ INFINITR - พื้นที่ไลฟ์สไตล์หรูเชื่อมโยงกับนวัตกรรม ทั้งการกิน ดื่ม ท่องเที่ยว และพบปะผู้มีวิสัยทัศน์เดียวกัน
เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์แล้ววันนี้ ที่โชว์รูม AVATR ภายใต้บริษัท อินฟินิท ออโตโมบิล ทั้ง 7 สาขาทั่วประเทศ
Honda CR-V e:HEV 2025-2026 (เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ !)
Honda CR-V e:HEV ใหม่ ปรับลุคสปอร์ทพรีเมียมยิ่งขึ้นในแต่ละรุ่นย่อย โดยเฉพาะรุ่น RS ที่มาพร้อมกันชนหน้า-หลังและมือจับประตูสีดำแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีดำ Berlina Black และชุดแต่ง HuNT แพ็กเกจรอบคันในรุ่น e:HEV HuNT เพิ่มความโดดเด่นด้วยคิ้วสี Glossy Copper และบันไดข้าง เสริมความหรูด้วยสีตัวถังใหม่ คือ เทาเออร์เบิน (มุก)
ภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสปอร์ทพรีเมียม เบาะหนังแท้เดินด้ายแดงพร้อมโลโก้ RS บนเบาะคู่หน้า (เฉพาะรุ่น RS) มาพร้อมระบบระบายอากาศที่เบาะคู่หน้า (ครั้งแรกในรถ Honda ไทย) หน้าจอมาตรวัด TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เครื่องเสียง BOSE 12 ลำโพง และจอสัมผัส 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto แบบไร้สาย พร้อมหลังคาซันรูฟพาโนรามาและระบบฟอกอากาศ
CR-V e:HEV ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่และเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร อัตราสิ้นเปลืองสูงสุด 19.6 กม./ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Honda SENSING ครบชุด เช่น CMBS, LKAS, ACC with LSF, AHB และ ADB (ในรุ่น RS) เสริมด้วยระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง, Hill Descent Control, และ Blind Spot Information
Jaecoo 6T 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)
Jaecoo 6T ใช้พื้นฐานตัวถังเดียวกับ Jaecoo 6 แต่ปรับดีไซน์ให้ดูบึกบึนยิ่งขึ้น ทั้งกันชนหน้า-หลัง เส้นสายที่ต่อเนื่องจนถึงซุ้มโป่งล้อท้ายดูดุดันกว่าเดิม ชิ้นส่วนหลายจุดออกแบบเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ รวมถึงกล่องเก็บของด้านหลังมีความโค้งมนมากกว่ารุ่น Jaecoo 6
6T ใช้ยาง Chaoyang Radial RP76 ขนาด 245/55 R19 (ใหญ่กว่ารุ่นเดิม 225/55 R19) ความสูงจากพื้นเพิ่มเป็น 225 มม. มีมุมปะทะ 27 องศา และมุมจาก 31 องศา เสริมบุคลิกสไตล์ออฟโรดมากขึ้น
Jaecoo 6T ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ กำลังรวม 205 กิโลวัตต์ (276 แรงม้า) แรงบิด 385 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อถาวร อัตราเร่งดีในช่วง 100-120 กม./ชม. ขับทางเรียบได้ลื่นไหล พลังเหลือเฟือ แบทเตอรี่ขนาด 69.8 kWh วิ่งได้สูงสุด 418 กม. (NEDC) หรือราว 370 กม. จากการใช้งานจริง รองรับชาร์จ DC สูงสุด 85 kW ซึ่งยังด้อยกว่ามาตรฐานรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่รองรับ 100 kW ขึ้นไป
จากการทดลองขับ Jaecoo 6T EV เรามีความรู้สึกว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพโดยรวมที่ไปไกลกว่าข้อจำกัดเดิมๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า กับการลุยทางสมบุกสมบันได้ดีเกินคาด การขับขี่ที่ลงตัวทั้งบนทางเรียบ และทางลุย ภายใต้โหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ตอบสนองการใช้งานได้จริง มาพร้อมการใช้งานที่ทันสมัยตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบัน โดยจะทำตลาดเพียงรุ่นย่อยเดียว แทนที่รุ่นท็อปเดิมของ Jaecoo 6 ส่วนราคายังไม่เผยออกมาในตอนนี้ แต่คาดว่าราคาไม่เกิน 1,2XX,XXX บาท (ซึ่งเป็นระดับราคาเดิมของ Jaecoo 6 รุ่นท็อป Long Range AWD ซึ่งปัจจุบันมีราคาลดลงมาอยู่ที่ 1,049,000 บาท) โดยจะเผยราคาจริงในงาน Thailand International Motor Expo 2025
OMODO 4 2025 (เตรียมโชว์ในงาน Motor Expo 2025)
Omoda 4 เอสยูวีมาดสปอร์ท เส้นสายคมเข้ม สุดล้ำสมัย ถูกเผยโฉมกับรถต้นแบบในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มาพร้อมห้องโดยสารที่ทันสมัย คาดว่าจะมีพละกำลังจากชุดแบทเตอรีในระดับหนึ่ง จากชื่อรุ่น C4 บ่งบอกว่าขนาดตัวโดยรวมอาจเล็กกว่า Omoda C5 EV ก็เป็นได้
ราคาของ Omoda 4 คาดการณ์เบื้องต้นจากความล้ำสมัยของตัวรถ ค่าตัวเบื้องต้นอาจจะอยู่ที่ประมาณ 7 แสนบาทขึ้นไป (ยากที่จะทำราคาให้ย่อมเยาเหมือนกับ Jaecoo 5 EV) ถึงอย่างนั้น C4 อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย หากถูกตั้งราคาอย่างเหมาะสม รวมถึงสเปค และออพชันที่น่าสนใจ
ทางค่าย Omoda & Jaecoo ระบุว่า Omoda 4 จะถูกเผยโฉมครั้งแรกในงาน Motor Expo 2025 ส่วนการจำหน่ายอาจจะอยู่ในช่วงปีหน้า เพราะยังไม่เริ่มจำหน่ายด้วยซ้ำไปในประเทศจีน
Honda STEP WGN e:HEV 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)
ฮอนด้าประกาศนำเข้าและจำหน่าย STEP WGN e:HEV รุ่นประกอบจากญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดจองสิทธิ์ล่วงหน้า 28 พฤศจิกายนนี้ และจัดแสดงครั้งแรกที่บูทฮอนด้า (A08) ในงาน Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. - 10 ธ.ค. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
การกลับมาของ MUV 7 ที่นั่งระดับพรีเมียม ที่ผสานความอเนกประสงค์กับสมรรถนะฟูลไฮบริด e:HEV เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ภายใต้แนวคิด Japanese Quality เน้นห้องโดยสารกว้าง โปร่ง ใช้งานยืดหยุ่น พร้อมบริการหลังการขายจากโชว์รูมฮอนด้ากว่า 222 แห่งทั่วประเทศ
- รุ่น e:HEV SPADA มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน เช่น
- ประตูสไลด์ไฟฟ้าคู่ / ฝาท้ายไฟฟ้า
- เบาะแถว 2 แยกอิสระพร้อมที่รองน่อง / แถว 3 พับราบ
- แอร์ Tri-Zone พร้อมระบบฟอกอากาศ Plasmacluster
- หน้าจอ TFT 10.2 นิ้ว / ระบบความปลอดภัย Honda SENSING
มีให้เลือก 4 สี (ภายในดำ) รวมถึงสีใหม่ ดำทไวไลต์มิสต์ (มุก)
รายละเอียดราคาและกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการ รอติดตามเร็ว ๆ นี้
Geely EX2 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)
Geely EX2 หรือชื่อเดิม “Star Wish” ยนตรกรรมไฟฟ้าแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัดที่พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดรถไฟฟ้าขนาดเล็กของประเทศไทย สร้างกระแสตอบรับอย่างล้นหลามตั้งแต่เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 46 ต้นปีที่ผ่านมา ด้วยดีไซน์โค้งมนเฉพาะตัวทั้งภายนอกและภายใน พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยครบครัน รถไฟฟ้าแฮทช์แบคขนาดกะทัดรัดรุ่นนี้เตรียมเปิดราคาจริงในงาน Motor Expo 2025 โดยธนบุรีนอยสเติร์นฯ มั่นใจว่าจะเป็นรุ่นสำคัญในการขยายตลาดของ Geely ในไทย
Chery Tiggo 8 CSH PHEV 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)
Chery Tiggo 8 CSH PHEV รถ SUV 7 ที่นั่ง ถือกำเนิดขึ้นบนพแลทฟอร์ม T1X ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ Full LED ภายในห้องโดยสารให้ความรู้สึกหรูหรา กว้างขวาง ด้วยเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง แผงหน้าปัดดิจิทอล และหน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาดใหญ่รวมกันกว่า 24.6 นิ้ว มาพร้อมชิพประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และลื่นไหล และระบบเครื่องเสียงจาก SONY
ด้านขุมพลัง Tiggo 8 CSH PHEV ใช้ระบบขับเคลื่อน Chery Super Hybrid (CSH) ผสมผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ กับมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ส่งกำลังผ่านเกียร์ Dedicated Hybrid Transmission (DHT) เครื่องยนต์ 1.5L Turbo ให้กำลังสูงสุดประมาณ 156 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวม 170 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร กำลังรวมทั้งระบบเมื่อทำงานร่วมกัน ให้กำลังสูงสุดถึง 326 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลที่ 545 นิวตันเมตร
Tiggo 8 CSH PHEV สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาประมาณ 7.2 วินาที แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (Ternary Lithium) ความจุ 19.27 kWh สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ระยะทางสูงสุดประมาณ 80-95 กม. มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 58.82 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน WLTC) รองรับการชาร์จเร็วแบบ DC (Fast Charging) โดยสามารถชาร์จจาก 30-80 % ได้ในเวลาประมาณ 25 นาที และการชาร์จแบบปกติ AC จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
GWM WEY G9 2025 (เตรียมเปิดตัวในงาน Motor Expo 2025)
GWM Wey G9 หรือ Wey 80 MPV ไฮเอนด์ที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย นำโดยระบบขับเคลื่อน Hi4 Technology ไฮบริดขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ เจ้าของรางวัล Grand Prize - China SAE 2025 สะท้อนความก้าวหน้าทั้งด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย และความฉลาดในการขับขี่
รุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์คู่หน้า-หลัง ให้กำลังรวม 458 แรงม้า 644 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.7 วินาที พร้อมความประหยัดแม้แบตหมด ด้วยอัตราสิ้นเปลือง 7.2 ลิตร/100 กม. (13.9 กม./ลิตร) ตามมาตรฐาน WLTC รองรับสภาพเส้นทางลาดชันได้ดีจากมอเตอร์หลังกำลังสูงเป็นพิเศษ
จุดขายอีกอย่างคือเบาะแถว 2 แบบ Zero Gravity ปรับองศา “Golden Angle” ตามหลักการบินของ NASA (127° ช่วงลำตัว / 132° ช่วงขา) ช่วยกระจายแรงกดอย่างสมดุล เพิ่มความหรูด้วยหนัง Nappa และระบบนวด / ระบายอากาศครบชุด
ภายในยังเน้นวัสดุรักษ์โลก ลด VOC ด้วยการเชื่อมอัลตร้าโซนิกและใช้ชิ้นส่วนพลาสติกพิเศษ จนเป็น MPV จีนรุ่นแรกที่ได้มาตรฐาน Zero Formaldehyde และ C-GCAP ระดับ 5 ดาว
ด้านเทคโนโลยีรองรับคำสั่งเสียงกว่า 21 ภาษา พร้อมแยกเสียงชาย-หญิง ระบบนำทาง Petal Maps 3D เชื่อมต่อแอพผ่าน GWM App Store เช่น Spotify ได้ทันที พร้อมระบบ Cyber Security ปกป้องข้อมูลเต็มระดับ
GWM Wey G9 จึงเป็น MPV ระดับไฮเอนด์ที่ผสานสมรรถนะ เทคโนโลยีอัจฉริยะ และวัสดุคุณภาพสูงครบทุกด้าน มุ่งยกระดับประสบการณ์เดินทางของผู้ใช้ยุคใหม่ได้อย่างเต็มรูปแบบ
Mitsubishi Destinator 2025

All-New Mitsubishi Destinator ครอสส์โอเวอร์ 7 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุด เปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่ประเทศอินโดนีเซีย สานต่อกลยุทธ์สำคัญของ Mitsubishi ในตลาดอาเซียน นี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญที่มาพร้อมกับคำถามมากมาย ทั้งในเรื่องของพแลทฟอร์ม สมรรถนะ และตำแหน่งทางการตลาดที่แท้จริง
ขุมพลังของ Destinator คือเครื่องยนต์รหัส 4B40 เบนซิน 4 สูบ DOHC 1.5 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged และ Intercooler พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT เครื่องยนต์บลอคนี้ถูกปรับจูนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ควบคู่ไปกับการใช้เทอร์โบเพื่อสร้างแรงบิดที่ทรงพลังในรอบต่ำ ตอบโจทย์การใช้งานในเมือง และเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ
สำหรับประเทศไทย มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการนำ Mitsubishi Destinator เข้ามาเปิดตัว และจัดจำหน่าย แหล่งข่าวในวงการคาดการณ์ว่าอาจจะได้เห็นกันภายในปี 2025 เพื่อเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในตลาดครอส์โอเวอร์ เอสยูวี
BYD Dolphin 2025
ด้านสมรรถนะแบทเตอรี ของ BYD Dolphin ได้รับการปรับปรุงใหม่ในรุ่นปี 2025 รุ่นจำหน่ายในประเทศจีนนั้น มีให้เลือก 3 รุ่น ตามกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า (สำหรับรุ่นจำหน่ายในไทย คาดว่าจะมี 2 รุ่น เช่นเดิม คือ 95 แรงม้า และ 204 แรงม้า) ได้แก่
- รุ่น 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร แบทเตอรีขนาด 44.928 kWh วิ่งได้ไกลสุด 420 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน CLTC)
- รุ่น 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร แบทเตอรีขนาด 44.9 kWh วิ่งได้ไกลสุด 401 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน CLTC )
- รุ่น 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร แบทเตอรี่ขนาด 60.48 kWh วิ่งได้ไกลสุด 520 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน CLTC)
โดยทุกรุ่นรองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 80 kW และมีระบบ Vehicle-to-Load (V2L) สำหรับจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก
การเปิดตัวในประเทศไทย BYD Dolphin 2025 คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ที่งาน Motor Expo 2025 โดยมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับสเปค และอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับตลาดในประเทศไทย
Kia EV3 2025
Kia EV3 รถยนต์พลังไฟฟ้าล้วน มาพร้อมขุมกำลังมอเตอร์เดี่ยวติดตั้งที่เพลาล้อคู่หน้าให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 283 นิวตันนเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที แบทเตอรีคาดว่ามีให้เลือก 2 ขนาดความจุ 58.3 kWh และ 81.4 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 600 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP)
Mazda CX-50 Hybrid 2025
Mazda CX-50 Hybrid 2025 เปิดตัว และวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ทางทีมวิศวกรของ Mazda ได้นำระบบ Toyota Hybrid System มาใช้ โดยมีการปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลังไฮบริดใหม่ให้ตอบสนองคันเร่งมากขึ้น เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ตามแบบฉบับของ Mazda CX-50 แต่ยังคงไว้ซึ่งการขับขี่ที่นุ่มนวล และความสามารถในการลากจูงได้สูงถึง 680 กก.
Mazda CX-50 Hybrid 2025 ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ ระบบส่งกำลังแบบแปรผันต่อเนื่อง ที่ควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ ให้กำลัง 219 แรงม้า แรงบิด 226 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ 16 กม./ลิตร
Hyptec HL 2025
Hyptec HL 2025 เอสยูวีแฟลกชิพสุดหรู เปิดตัวที่งาน Auto Guangzhou 2024 มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ และความหรูหราระดับเรือสำราญ พร้อมจำหน่ายในจีนต้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2025
ในด้านระบบขับเคลื่อน Hyptec HL 2025 สร้างบนแพลทฟอร์ม AEP 3.0 บนสถาปัตยกรรมแบทเตอรี 800 โวลท์ มีทั้งรุ่นไฟฟ้าล้วน BEV และรุ่นขยายระยะทาง REEV ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จกระแสตรงถึง 5C โดยมีให้เลือกสำหรับตลาดประเทศจีน
โดยรุ่น BEV ติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว และมอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD วิ่งไกล 750 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน CLTC) รองรับการชาร์จเร็วเพิ่มระยะทางได้อีก 265 กม. ด้วยการชาร์จเพียง 5 นาที ตอนนี้ทางแบรนด์ยังไม่มีการเผยข้อมูลระบบส่งกำลัง สำหรับรุ่น REEV มีระยะทางขับเคลื่อนด้วยแบทเตอรีกว่า 350 กม. และระยะทางจากเครื่องยนต์สำหรับปั่นกระแสไฟฟ้าสามารถทำระยะทางรวมเกิน 1,200 กม.
สำหรับ Hyptec HL 2025 ในตลาดประเทศจีนจะประกาศเปิดรับจองสิทธิ์ Pre-Sale ในช่วงกุมภาพันธ์ปี 2025 ซึ่งยังไม่มีแผนการทำตลาดในประเทศไทยตอนนี้ แต่เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าจับตามองว่าแบรนด์ Hyptec อาจนำรถรุ่นนี้โชว์ตัวเพื่อเรียกกระแสในอนาคตให้มาทำตลาดอย่างจริงจังก็เป็นได้
All-New Nissan Kicks 2025 (ราคาคาดการณ์ 950,000 - 1,200,000 บาท)
All-New Nissan Kicks 2025 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ที่มีรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนสี่ล้อ Intelligent All-Wheel Drive ให้เลือก
ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 23,000 ดอลลาร์ (8.4 แสนบาท) สำหรับรุ่นพื้นฐาน S FWD และประมาณ 30,000 ดอลลาร์ (1.1ล้านบาท) สำหรับรุ่น SR AWD จำหน่ายแล้วในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายฤดูร้อนที่ผ่านมา ส่วนในประเทศไทยต้องรอลุ้นช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025
MG HS 2025
MG HS 2025 เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 169 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 275 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 9.4 วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้า
MG HS PHEV 2025 ขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 142 แรงม้า ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.8 วินาที พร้อมแบทเตอรีขนาด 24.7 kWh สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนไกลสูงสุดถึง 120 กม. ระบบจ่ายกระแสไฟ Vehicle-to-Load (V2L) เฉพาะรุ่น PHEV
ราคา All-New MG HS 2025 ในสหราชอาณาจักร รุ่นเบนซิน เทอร์โบ ราคาเริ่มต้น 24,995 ปอนด์ หรือประมาณ 1.14 ล้านบาท รุ่นพลัก-อิน ไฮบริด ราคาเริ่มต้น 33,995 ปอนด์ หรือประมาณ 1.55 ล้านบาท
สำหรับประเทศไทย คาดว่า All New MG HS เจเนอเรชัน 2 จะเปิดตัวช่วงต้นปี 2025
Zeekr 7X 2025 (ราคาคาดการณ์ 1,8XX,000 บาท)
Zeekr 7X รถเอสยูวีไฟฟ้า 5 ที่นั่งสุดพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัวโดยเฉพาะ สะดวกสบายด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ กว้าง นั่งสบาย พร้อมเบาะปรับไฟฟ้าทั้งผู้โดยสารหน้า และหลังพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย ด้วยระบบขับเคลื่อน Silicon Carbide E-Motor 2 ชุด ช่วยให้ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที ระยะทางขับขี่สูงสุด 780 กิโลเมตร มาตรฐาน CLTC โดยรุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งด้านสมรรถนะและความสะดวกสบาย มอบประสบการณ์เหนือระดับทั้งการเดินทางใกล้และไกลไปกับครอบครัวอย่างไร้กังวล
Toyota Yaris Cross Nightshade 2025 (ราคา 919,000 บาท)

Toyota Yaris Cross Nightshade เปิดราคา 919,000 บาท ครอสส์โอเวอร์ยอดนิยมจาก Toyota ที่มาในโทนสปอร์ทพรีเมียมยิ่งขึ้น สัมผัสตัวจริงได้ในงาน Motor Expo 2025
Yaris Cross Nightshade มาพร้อมการตกแต่งรอบคันที่เน้นโทนดำ เช่น กระจังหน้าแบบ Metro Stylish, ล้อแมกสีดำขนาด 18 นิ้ว, กระจกมองข้างสีดำ, ชุดตกแต่งรอบด้านสีดำที่กันชนหน้า-หลังและข้าง รวมไปถึงคิ้วขอบหน้าต่างโครเมียมรมดำ ทั้งยังมีสองเฉดสีใหม่ Cement Grey Metallic และ Platinum White Pearl โดยทั้งสองสีมาพร้อมหลังคาทูโทนสีดำ
ภายในห้องโดยสารใช้โทนสีดำเน้นความสปอร์ทพรีเมียม พร้อมหลังคากระจกแบบ Panoramic Fixed Type พร้อมม่านไฟฟ้า, ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า (Kick Activated), ที่ชาร์จไร้สาย, หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, ระบบเบรกมือไฟฟ้า (EPB) และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ (ABH) รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขนาด 452 ลิตร
รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน-ไฮบริด ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน และเกียร์อัตโนมัติ e-CVT โดยมีโหมดขับขี่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Power, Normal และ Eco ด้วยระบบ Toyota Hybrid ที่ได้รับความไว้วางใจยาวนานในไทย ทำอัตราการใช้น้ำมันสูงสุดถึง 26.3 กม./ลิตร
Yaris Cross Nightshade ติดตั้งระบบความปลอดภัย - Toyota Safety Sense ที่รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ All-Speed และยังมีเทคโนโลยี T-Connect ที่ช่วยดูแลผู้ขับขี่ตลอดเวลา เช่น Find My Car ตรวจสอบตำแหน่งรถ, TheftTrack ระบบระบุตำแหน่งเมื่อรถถูกโจรกรรม, SOS บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม., Geo-Fencing กำหนดขอบเขตความปลอดภัย และบริการ Telematics อื่น ๆ เช่น Maintenance Reminder, Vehicle Information, PHYD ประกันภัย ขับดีลดได้ รวมถึงบริการ Concierge และคะแนนสะสม ALIVE-X ที่แลกเป็นส่วนลดได้
All New Toyota Hilux Travo-e 2025 (ราคา 1,491,000 บาท)
Toyota Hilux Travo-e 2025 กระบะไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นแรกจากโตโยต้าในไทย เปิดราคาอย่างเป็นทางการที่ 1,491,000 บาท สำหรับรุ่น Double Cab 4TREX กระบะขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ที่ผสานพลังกับความแกร่งแบบ Hilux ได้อย่างลงตัว
Travo-e มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า Dual Motor All-Wheel Drive ใช้มอเตอร์คู่ให้กำลังรวม 196 แรงม้า (144 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าชุดหน้า 205 นิวตันเมตร และมอเตอร์หลัง 269 นิวตันเมตร ใช้แบทเตอรี่ลิเทียม-ไอออนขนาด 59.2 kWh วิ่งได้ไกล 315 กม./ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จแบบ AC 10 kW และ DC 125 kW ชาร์จเร็วทันใจในทุกเส้นทาง
ระบบ “Diamond Guard” ช่วยปกป้องแบทเตอรี่และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้า ด้วยแผ่นปิดเสริมความปลอดภัยรอบคัน และโครงสร้างเฟรมย่อยรูป Diamond Shape ที่ยึดแบตเตอรี่ไว้แน่นหนา ป้องกันความเสียหายจากแรงบิดตัวของโครงสร้าง พร้อมโครงสร้างดูดซับแรงกระแทกรอบทิศทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เทคโนโลยี “Dynamic Cloud” ยกระดับความนุ่มนวลและความมั่นคง เพิ่มจุดเชื่อมพื้นตัวถังเพื่อเสริมความแข็งแรง ติดตั้งยางรองตัวถังแบบ Shear Type ลดแรงสั่นสะเทือน เบาะหนัง Softex นั่งสบาย พวงมาลัยขนาดใหญ่ตอบสนองแม่นยำ ระบบช่วงล่างแบบใหม่เกาะถนนมั่นใจ พร้อมช่วงล่างหลัง De-Dion ช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง และวางแบตเตอรี่บริเวณกึ่งกลางเฟรมเพื่อลดจุดศูนย์ถ่วง เพิ่มสมดุลการขับขี่
Hilux TRAVO-e Double Cab 4TREX มีให้เลือก 2 สี คือ สีเทา Ash และสีขาวมุก Platinum White Pearl Mica (เพิ่ม 10,000 บาท)
All New Toyota Hilux Travo 2025 (ราคา 774,000 - 1,366,000 บาท)
All New Toyota Hilux Travo 2025 มาพร้อมดีไซน์ภายนอกแบบ Cyber Sumo ที่ดูบึกบึนและทรงพลัง ไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light เสริมความโดดเด่นในทุกมุมมอง สปอร์ตบาร์ดีไซน์ใหม่เพิ่มความแกร่งเข้ากับไฟท้าย LED และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่ให้ความรู้สึกทั้งพรีเมียมและสปอร์ตในเวลาเดียวกัน
ภายในห้องโดยสารหรูหราล้ำสมัยด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้วแบบดิจิทัล และพวงมาลัยไฟฟ้าทันสมัย พร้อมจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger)
Hilux Travo 2025 ใช้ขุมพลัง GD Super Power 2.8 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร (AT) / 420 นิวตันเมตร (MT) หัวฉีดอัจฉริยะ 1-AT ประหยัดน้ำมัน พร้อมระบบ Stop & Start ดับเครื่องอัตโนมัติ
ระบบ Multi-Terrain Select ปรับโหมดตามสภาพถนน, Auto LSD, เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold, บันไดข้างลายรังผึ้งและบันไดท้ายเปิด-ปิดง่าย
มาพร้อม Toyota Safety Sense เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, เตือนก่อนการชน, เตือนออกนอกเลน, ไฟสูงอัตโนมัติ, ถุงลม 7 จุด, BSM, RCTA และเซนเซอร์รอบคัน (เฉพาะรุ่น Overland Plus) อ่านบทความทดลองขับ Toyota Hilux Travo Overland
ราคาจำหน่าย All New Toyota Hilux Travo 2025
- Toyota Hilux Travo Standard Cab 4TREK 2.8 6MT 4WD ราคา 774,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Standard Cab 4TREK 2.8 6AT 4WD ราคา 826,000 บาท
- Toyota Hilux Travo 4TREK 2.8 Premium 6MT 4WD ราคา 984,000 บาท
- Toyota Hilux Travo 4TREK 2.8 Premium 6AT 4WD ราคา 1,029,000 บาท
- Toyota Hilux Travo 4TREK 2.8 Premium 6MT 4WD ราคา 1,090,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 SMART 6MT ราคา 789,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 SMART 6AT ราคา 839,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 SMART 6MT ราคา 895,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 SMART 6AT ราคา 945,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 Premium 6MT ราคา 859,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 Premium 6AT ราคา 909,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 Premium 6MT ราคา 949,000 บาท
- Toyota Hilux Travo Prerunner 2.8 Premium 6AT ราคา 999,000 บาท
- Toyota Hilux Travo OVERLAND Prerunner 2.8 AT 2WD ราคา 1,102,000 บาท
- Toyota Hilux Travo OVERLAND Plus Prerunner 2.8 AT 2WD ราคา 1,176,000 บาท
- Toyota Hilux Travo OVERLAND 4TREK 2.8 AT 4WD ราคา 1,292,000 บาท
- Toyota Hilux Travo OVERLAND Plus 4TREK 2.8 AT 4WD ราคา 1,366,000 บาท
Toyota bZ4X 2025 (ราคา 1,529,000 - 1,649,000 บาท)
Toyota bZ4X 2025 ยังคงใช้ดีไซน์ “Hammerhead” แต่ปรับให้ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัยขึ้น ไฟหน้า LED ย้ายลงต่ำพร้อมไฟ Daytime Running คาดยาวตลอดแนวกว้างของตัวรถ หลังคา Panoramic Moonroof แบบชิ้นเดียวเต็มบาน ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลายใหม่ และซุ้มล้อสีดำกึ่งเงาเพิ่มความพรีเมียม
ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ถูกออกแบบมาในแนวคิด “Open & Relax” ใช้วัสดุหนังสังเคราะห์คุณภาพดี พวงมาลัยทรงสปอร์ทพร้อมแป้นปรับระดับการหน่วง 4 ระดับ ระบบไฟ Ambient Light ปรับได้ 64 สี หน้าจอกลางขนาด 14 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto และระบบ T-Connect ในรุ่น AWD มาพร้อมชุดเครื่องเสียง JBL 9 ตำแหน่ง ส่วนรุ่น FWD มีลำโพง 6 ตำแหน่ง
Toyota bZ4X ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น คือ FWD 73 kWh และ AWD 73 kWh
รุ่น FWD ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า มอเตอร์อิสระ 1 ชุด มอเตอร์หน้า 165 กิโลวัตต์ หรือ 224 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 269 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.4 วินาที
ส่วนรุ่น ชAWD ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์อิสระ 2 ชุด มอเตอร์หน้า 165 กิโลวัตต์ หรือ 224 แรงม้า และหลัง 80 กิโลวัตต์ รวมให้กำลังสูงสุด 252 กิโลวัตต์ หรือ 343 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดหน้า/หลัง 269/170 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.1 วินาที มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย และรองรับมาตรการ EV3.5 ตั้งเป้ายอดขายกว่า 6,000 คันในปีแรก
ราคาจำหน่าย Toyota bZ4X 2025
- Toyota bZ4X FWD ราคา 1,529,000 บาท
- Toyota bZ4X AWD ราคา 1,649,000 บาท
Volvo ES90 2025 (ราคา 2,990,000 บาท)
Volvo ES90 2025 รถซีดานหรูพลังงานไฟฟ้าล้วน ถูกพัฒนาบนแพลทฟอร์ม SPA2 รองรับการชาร์จไฟสูงสุด 350 กิโลวัตต์ ภายใน 10 นาที ชาร์จจาก 10%-80% เพียง 20 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย
รุ่น Single Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที ความจุแบทเตอรี 92 kWh วิ่งไกล 680 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP)
รุ่น Twin Motor ขับเคลื่อน 4 ล้อ มอเตอร์คู่ กำลังรวม 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.5 วินาที ความจุแบทเตอรีขนาด 106 kWh วิ่งไกล 700 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP)
รุ่น Twin Motor Performance ตัวทอปสุดของ ES90 มาพร้อมมอเตอร์คู่ให้กำลังรวม 680 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 870 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.9 วินาที วิ่งไกล 700 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP)
ราคาจำหน่าย Volvo ES90 2025
- Volvo ES90 Ultra Single Motor Extended Range ราคา 2,990,000 บาท
Seres 3 2025 (ราคา 599,200 บาท)
Seres 3 ได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มราคาใกล้เคียงกัน Seres 3 มีความโดดเด่นกว่าด้วยระบบชาร์จเร็ว DC Fast Charging-ชาร์จแบทเตอรี 20-80 % เพียง 40 นาทีพร้อม Independent Suspension ทั้ง 4 ล้อ Multi-Link Independent Suspension ล้อหลังที่ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ และมีระบบ Thermal Management System ขั้นสูง ช่วยยืดอายุแบทเตอรี และรักษาสมรรถนะได้ดีแม้ในสภาพอากาศร้อนของไทย
จุดเด่นทั้ง 3 นี้เป็นเทคโนโลยีที่ Seres Group นำมาใช้กับ Seres 3 เพื่อมอบประสบการณ์รถยนต์ไฟฟ้าที่แท้จริง ไม่ใช่แค่รถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาจับต้องได้ แต่เป็นรถที่คุ้มค่า และมีคุณภาพ มีราคาจำหน่ายที่ 599,200 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นราคาพิเศษพร้อมส่งมอบ เฉพาะลูกค้าที่จองในงาน Motor Expo 2025 ระหว่าง 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี
Leapmotor B10 2025 (ราคา 698,000 - 798,000 บาท)
Leapmotor B10 ครอสส์โอเวอร์สไตล์เอสยูวีที่มีขนาดตัวโดยรวมย่อมกว่ารุ่นพี่ที่ทำตลาดในบ้านเราก่อนหน้านี้อย่าง C10 แม้ทาง Leapmotor Thailand จะยังไม่เผยสเปคออกมา แต่จากข้อมูลเบื้องต้นของต่างประเทศ B10 จะมีมิติตัวถังที่ ความยาว 4,515 มม. กว้าง 1,885 มม. สูง 1,655 มม. ระยะฐานล้อ 2,735 มม. และความสูงจากพื้นถนนที่ 170 มม. ใช้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 235/50 R18 (คู่แข่งเอสยูวีรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมิติตัวถังใกล้เคียงกัน คือ MG S5 EV หรือ BYD Atto 3)
สเปคของมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีของ Leapmotor B10 คือ มอเตอร์ไฟฟ้า 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร/24.5 กก.ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. (ทุกรุ่นย่อย) แบทเตอรีมีความจุตั้งแต่ 56.2-67.1 kWh ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 470-516 กม. (NEDC) รองรับการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ และแบบ DC สูงสุด 140-168 กิโลวัตต์ (เทียบกับ Leapmotor C10 มอเตอร์ไฟฟ้า 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า แต่แรงบิดสูงสุดของ C10 จะมากกว่า คือ 320 นิวตันเมตร/32.6 กก.ม. และแบทเตอรีความจุ 69.9 kWh)
ราคาจำหน่าย Leapmotor B10 2025
- Leapmotor B10 Life (56.2 kWh) ราคาปกติ 698,000 บาท (ราคาพิเศษเฉพาะ 1,000 คันแรก 688,000 บาท)
- Leapmotor B10 Style (67.1 kWh) ราคาปกติ 758,000 บาท (ราคาพิเศษเฉพาะ 1,000 คันแรก 748,000 บาท)
- Leapmotor B10 Design (67.1 kWh) ราคาปกติ 798,000 บาท (ราคาพิเศษเฉพาะ 1,000 คันแรก 788,000 บาท)
Tesla Model 3 2025 (ราคา 1,439,000 - 2,099,000 บาท)
Tesla Model 3 รุ่นปรับโฉมล่าสุด มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่เน้นความปลอดภัย และความสะดวกสบายยิ่งขึ้น กล้องรอบคันถูกอัปเกรดใหม่ โดยเพิ่มกล้องบริเวณกันชนด้านหน้า เพื่อช่วยเพิ่มมุมมอง และความคมชัดระหว่างการขับขี่และการจอดรถ ระบบกล้องทั้งหมดมี 8 ตัว รองรับเทคโนโลยี Autopilot Vision ที่พัฒนาให้ทำงานได้แม่นยำกว่าเดิม
ภายนอกยังโดดเด่นด้วยโลโก้สีดำด้าน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เสริมภาพลักษณ์สปอร์ตหรู พร้อมล้อ Photon ขนาด 18 นิ้ว และ Nova ขนาด 19 นิ้ว ที่ให้สัมผัสความพรีเมียมลงตัวยิ่งขึ้น
ภายในเรียบหรู พร้อมฟังก์ชันใหม่เพื่อการใช้งานจริง ห้องโดยสารมีให้เลือก 2 โทนสี ได้แก่ สีดำ และ สีขาว/ดำ (เพิ่มราคา 50,000 บาท) มาพร้อมก้านไฟเลี้ยวแบบใหม่ เพิ่มความสะดวกในการขับขี่ และใช้งานในชีวิตประจำวัน บริเวณคอนโซลกลางติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย 2 จุด เบาะหลังมีจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ซึ่งสามารถควบคุมระบบปรับอากาศและฟังก์ชันความบันเทิงได้โดยตรง
ในรุ่น Model 3 Long Range (RWD) ใช้แบทเตอรีความจุ 75 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม. สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 750 กม. (ล้อ 18 นิ้ว) และ 691 กม. (ล้อ 19 นิ้ว) ตามมาตรฐาน WLTP ถือเป็นรุ่นที่มีระยะทางขับขี่ไกลที่สุดในตระกูล Tesla ปัจจุบัน
เมื่อชาร์จด้วย Supercharger กำลังสูงสุด 250 kW จะสามารถเพิ่มระยะทางได้ถึง 308 กม. ภายในเวลาเพียง 15 นาที (อ้างอิงจากการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่)
ราคาจำหน่าย Tesla Model 3 2025
- Tesla Model 3 Rear-Wheel Drive ราคา 1,439,000 บาท
- Tesla Model 3 Long Renge Rear-Wheel Drive ราคา 1,599,000 บาท
- Tesla Model 3 Long Renge All-Wheel Drive ราคา 1,799,000 บาท
- Tesla Model 3 Performance All-Wheel Drive ราคา 2,099,000 บาท
The new Kia Carnival HEV (ราคา 2,499,000 - 2,699,000 บาท)
The new Kia Carnival HEV 7-seater เอ็มพีวีรุ่นเรือธงโฉมใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Built for Every Move of Life" ดีไซน์ภายนอกโฉมใหม่ที่ผสานสไตล์ความเป็นรถ SUV และ MPV เข้าไว้ด้วยกัน มาพร้อมกระจังหน้า Tiger Nose, ไฟหน้า LED ทรงลูกบาศก์, ไฟท้าย Star Map Lighting และล้ออัลลอย 19 นิ้ว เพิ่มความอเนกประสงค์ด้วยประตูสไลด์ไฟฟ้า, ฝาท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ, แร็คหลังคารองรับน้ำหนักได้สูงสุด 100 กก., รุ่น Luxury มี Dual Sunroof เพิ่มความโปร่งสบาย
ภายในห้องโดยสารประกอบด้วย จอโค้งพาโนรามิก 12.3 นิ้วคู่, รองรับ Android Auto / Apple CarPlay ไร้สาย, ระบบปรับอากาศแยก 3 โซน, พอร์ต USB-C 6 จุด ในรุ่น Luxury เพิ่มลำโพง BOSE 12 จุด และ Ambient Light 64 สี เบาะแถวสองแบบ Relaxation Seat (Luxury) หรือ Captain Seats (Premium) ปรับเอนได้อิสระ, มี Walkthrough Access, ISOFIX 4 จุด เบาะนั่งแถวสามพับราบเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ง่าย
ด้านสมรรถนะ Carnival HEV ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.6 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 54 kW ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 367 นิวตันเมตร มาพร้อมโหมด EV Drive ที่สามารถใช้ระบบปรับอากาศได้แม้เครื่องยนต์หยุดทำงาน เสริมด้วยระบบ Regenerative Braking ปรับได้ 3 ระดับ และโหมดขับขี่ Eco, Smart, Sport ที่มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล ประหยัด และเงียบเป็นพิเศษ
ในด้านความปลอดภัย Carnival มาพร้อมเทคโนโลยี ADAS ครบชุด ทั้งกล้องมองรอบคัน และเซนเซอร์รอบทิศทางที่ช่วยให้การจอดรถสะดวกยิ่งขึ้น เสริมด้วยระบบเตือน และระบบเบรกอัตโนมัติ Smart Cruise Control, Blind Spot Assist, RCCA, Lane Assist และ Safe Exit Assist ที่เพิ่มความมั่นใจตลอดการเดินทาง นอกจากนี้ยังติดตั้งถุงลมนิรภัยมาตรฐาน 8 จุด รวมถึง Front Center Airbag เพื่อปกป้องผู้โดยสารด้านหน้าได้รอบทิศทาง
ราคาจำหน่าย The new Kia Carnival HEV 7-seater 2025
- The new Kia Carnival HEV 7-seat Premium ราคา 2,499,000 บาท
- The new Kia Carnival HEV 7-seat Luxury ราคา 2,699,000 บาท
Chery V23 2025 (ราคา 699,900 - 899,900 บาท)
Chery V23 ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่พัฒนาขึ้นภายใต้พื้นฐานเดียวกันกับ Jaecoo 6 รถไฟฟ้าสายลุย ทรงเหลี่ยม ที่จำหน่ายในประเทศไทยแล้ว
V23 4WD Peak รุ่นทอพ ติดตั้งแบทเตอรีความจุ 81.76 kWh มีกำลังสูงสุด 211 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร/29.8 กก.ม. วิ่งไกลสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 430 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 7.5 วินาที รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) สูงสุด 104 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จจาก 20-80 % ใช้เวลาประมาณ 42 นาที พร้อมระบบ Vehicle-to-load (V2L) เพื่อจ่ายไฟฟ้าจากแบทเตอรีสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วยกำลังสูงสุด 3.3 กิโลวัตต์
สำหรับระบบขับเคลื่อนของ Chery V23 รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) ติดตั้งแบทเตอรี 59.93 kWh มีกำลังสูงสุด 136 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร/18.4 กก.ม. วิ่งไกลสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 360 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จกระแสตรง (DC) สูงสุด 85 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จแบทเตอรีจาก 20-80% ในเวลาประมาณ 36 นาที
ราคาจำหน่าย Chery V23 2025
- Chery V23 2WD Play ราคา 689,900 บาท
- Chery V23 2WD Plus ราคา 759,900 บาท
- Chery V23 4WD Peak ราคา 889,900 บาท
All New Suzuki Fronx 2025 (ราคา 689,000 - 799,000 บาท)
Suzuki Fronx รถครอสส์โอเวอร์เอสยูวีขนาดเล็ก มาพร้อมกับดีไซจ์นที่โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ LED แยกส่วน และเส้นสายด้านข้างที่ดูบึกบึน ตัวถังของ Suzuki Fronx มีขนาดความยาวตลอดคัน 3,995 มม. ความกว้าง 1,765 มม. ความสูง 1,550 มม. และความยาวฐานล้อ 2,520 มม. ความสูงจากพื้นถนน 170 มม. ล้อขนาด 16 นิ้ว และยางขนาด 195/60 R16 ทุกรุ่นย่อย
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความทันสมัย และสะดวกสบาย ด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน และเบาะนั่งที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ ห้องโดยสารสามารถรองรับได้ 5 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายขยายได้มากสุด 1,009 ลิตร เมื่อพับเบาะแถว 2
ขุมพลังและสมรรถนะ Fronx มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร K15B กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ในรุ่น GL และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร K15C พร้อมระบบ Smart Hybrid (Mild Hybrid) กำลังสูงสุด 101 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รตน. ทั้ง 2 รุ่น ใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ในรุ่น GLX และ GLX Plus ทั้ง 2 รุ่นใช้ถังน้ำมันขนาด 37 ลิตร
ราคาจำหน่าย Suzuki Fronx 2025
- Suzuki Fronx 1.5 GL ราคา 689,000 บาท
- Suzuki Fronx 1.5 MHEV GLX ราคา 749,000 บาท
- Suzuki Fronx 1.5 MHEV GLX Plus 799,900 บาท
Toyota Yaris Ativ HEV 2025 (ราคา 719,000 - 769,000 บาท)
สิ้นสุดการรอคอยกับ New Toyota Yaris Ativ HEV ที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวอยู่หลายรอบ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ประกาศเปิดตัว New Toyota Yaris Ativ HEV รุ่นย่อยใหม่ 2 รุ่น โดยเพิ่มรุ่น HEV Premium และ HEV GR Sport อย่างเป็นทางการ โดยใช้เครื่องยนต์ใหม่แบบไฮบริดขนาด 1.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังรวมสูงสุด 111 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ e-CVT ที่ให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันถึง 29.4 กม./ลิตร (รุ่น HEV Premium) สูงสุดในกลุ่มรถ HEV ในไทย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 719,000-769,000 บาท (ราคาพิเศษถึงสิ้นปี 2568)
New Toyota Yaris Ativ HEV มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่รหัส 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว แบบ Dual VVT-i โดยทำงานผสานมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรีไฮบริด แบบลิเธียม-ไอออน (Li-ion) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า พร้อมอัตราการใช้เชื้อเพลิงสูงสุด 29.4 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO STICKER ในรุ่น HEV Premium) มีโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO/ Normal/Power
ราคาจำหน่าย Toyota Yaris Ativ HEV 2025
- Toyota Yaris Ativ HEV Premium ราคาพิเศษ 719,000 บาท (ราคาปกติ 729,000 บาท)
- Toyota Yaris Ativ HEV GR Sport ราคาพิเศษ 769,000 บาท (ราคาปกติ 779,000 บาท)
Jaecoo 5 EV 2025 (ราคา 549,000 - 559,000 บาท)
Jaecoo 5 EV 2025 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซจ์นพรีเมียม ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 288 นิวตันเมตร หรือ 29.0 กก.ม. ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ส่วนแบทเตอรีมีความจุ 58.9 kWh มีระยะทำการสูงสุดที่ 461 กม. (มาตรฐาน NEDC) หรือ 400 กม. (มาตรฐาน WLTP) รองรนับการชาร์จแบบ AC สูงสุดที่ 11 กิโลวัตต์ และแบบ DC ที่ 80 กิโลวัตต์ จากการทดลองขับบนทางเรียบ เราพบว่าการส่งกำลังเน้นความไหลลื่น ใช้เวลาไม่นานก็สามารถไต่ถึงช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม.
โหมดการขับขี่ได้แก่ ECO, SPORT และ NORMAL แต่เรารู้สึกว่าในแต่โหมดไม่มีความแตกต่างกันชัดเจน มีเพียงโหมด SPORT ที่มีการตอบสนองของคันเร่งไวขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับพวงมาลัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน อัตราเร่งที่ทางผู้ผลิตระบุไว้ 0-100 กม./ชม. ใน 7.7 วินาที ในการขับขี่จริงอาจไม่หวือหวาขนาดนั้น แต่เพียงสำหรับการเร่งแซง และการใช้งานบนทางหลวงได้สบาย ระยะทางที่แล่นได้จากการขับบนเส้นทาง กรุงเทพฯ-จ.ชลบุรี แบบไป/กลับ เป็นระยะทางประมาณ 200 กม. แบทเตอรีลดลงไปประมาณ 55 % ถือเป็นอัตราส่วนตามระยะทางที่ทางผู้ผลิตระบุไว้ แม้ในระหว่างการทดลองขับจะมีการขับขี่บนทางสมบุกสมบุนปานกลางในบางช่วง
ราคาจำหน่าย Jaecoo 5 EV
- Jaecoo 5 EV Long Range Dynamic ราคาพิเศษ 549,000 บาท (ราคาปกติ 629,000 บาท)
- Jaecoo 5 EV Long Range Max ราคาพิเศษ 599,000 บาท (ราคาปกติ 679,000 บาท)
BYD Seal 5 DM-I Super Hybrid 2025 (ราคา 699,900 บาท)
BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid จัดอยู่ในรถยนต์กลุ่มซีดานขนาดกลาง มาพร้อมขุมพลัง DM-i Super Hybrid แบบพลัก-อิน ไฮบริด มีแบทเตอรี BYD Blade Battery เอกสิทธิ์ของ BYD สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลสุด 120 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ภายนอกโฉบเฉี่ยวภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ภายในกว้างขวาง เมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ
มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 145 กิโลวัตต์/197 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร/30.6 กก.ม.
เครื่องยนต์เบนซิน Xiaoyun 1.5L Atkinson Cycle ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า/72 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร/12.4 กก.ม. อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 และระบบระบายความร้อนแบบแยกส่วน กำลังรวมสูงสุด 160 กิโลวัตต์/217 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร/30.6 กก.ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที
ประหยัดด้วยอัตราสิ้นเปลืองเพียง 3.8 ลิตร/100 กม. หรือ 26.3 กม./ลิตร แม้ขณะที่แบทเตอรีต่ำ (SOC ต่ำ) และยังรองรับน้ำมัน E20, Gasohol 91 และ 95
ราคาจำหน่าย BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid
- BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid Premium ราคาพิเศษ 699,900 บาท (ราคาปกติ 769,900 บาท)
GAC M8 PHEV 2025 (ราคาคาดการณ์ 2,499,000 บาท)
AION M8 PHEV มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ TGDI ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ผสานกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 182 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. แบทเตอรี Lithium-ion ความจุ 25.5 kWh พร้อมระบบ Plug-in Hybrid ชาร์จ AC รองรับสูงสุด 11 kW ชาร์จ DC จาก 30-80% ภายใน 8 นาที
Hyundai SANTA FE Hybrid 2025 (ราคา 1,599,000 - 1,749,000 บาท)
Hyundai Santa FE Hybrid 2025 รถ SUV 7 ที่นั่ง มาพร้อมขุมกำลังไฮบริด Parallel Hybrid Technology ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเบนซิน เทอร์โบ 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 27.0 กก.ม. ที่ 1,500-3,500 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 47.7 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 264 นิวตันเมตร (Nm) ให้พลังรวมสูงสุดถึง 232 แรงม้า ที่ 5,600 รตน. และแรงบิดสูงสุด 367 นิวตันเมตร ที่ 1,000-4,100 รตน. และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ขนาด 1.49 kWh ผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสีย Euro 6 โดยมีอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่
ส่วนรุ่น 1.6T PHEV ขุมกำลังพลัก-อิน ไฮบริด ที่เครื่องยนต์ 4 สูบ เบนซิน เทอร์โบ 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 160 แรงม้า แต่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 72.0 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 304 นิวตันเมตร ก็คงต้องรอไปก่อน
ราคาจำหน่าย Hyundai Santa FE Hybrid
- Hyundai Santa FE Hybrid Exclusive ราคา 1,599,000 บาท
- Hyundai Santa FE Hybrid Prestige ราคา 1,749,000 บาท
Volvo EX30 Cross Country 2025 (MY26) (ราคาเริ่มต้นที่ 1,890,000 บาท)
Volvo EX30 Cross Country 2025 รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ SUV ขนาดเล็ก ดีไซน์ภายนอกใหม่ด้วยกระจังหน้าลวดลายกราฟฟิกภูมิประเทศของเทือกเขาเค็บเนอไคเซ ล้อดีไซน์ใหม่สำหรับรุ่น Cross Country ขนาด 19 นิ้ว มาพร้อมยาง Summer tires ขนาดใหญ่ 720 มม. (235/50/19)
ในด้านสมรรถนะ Volvo EX30 Cross Country ใช้ระบบขับเคลื่อน Twin Motor Performance (พลังการขับเคลื่อนเท่ากับรุ่น EX30 Twin Motor Performance) วิ่งไกล 490 กม. ชาร์จไว 10% - 80% ในเวลาเพียง 28 นาที
BMW iX1 L 2025 (ราคา 2,499,000 บาท)
BMW iX1 LWB หรือ BMW iX1 L ยกระดับ BMW X1 สู่ระบบไฟฟ้าล้วน มีดีไซจ์นที่ได้รับการปรับแต่งต่างจาก X1 ด้วยมิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,616/1,845/1,617 มม. และฐานล้อยาว 2,800 มม. ซึ่งยาวกว่า X1 รุ่นมาตรฐาน 116 มม. และฐานล้อยาวขึ้น 110 มม. และยังเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถให้กว้างขวางยิ่งขึ้น สบายมากกว่าเดิม
พละกำลัง 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร/25.5 กก.ม. ช่วยให้ iX1 รุ่นฐานล้อยาวนี้ สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 8.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 175 กม./ชม. โดยขณะขับขี่ ฟังค์ชัน BMW IconicSounds Electric สร้างเสียงเครื่องยนต์แบบจำลองที่ตอบสนองกับทุกการควบคุม
ส่วนแบทเตอรีแรงดันสูง Lithium-ion ขนาด 66.5 kWh ระยะทางสูงสุด 402-433 กม. ตามมาตรฐาน WLTP (464 กม. มาตรฐาน NEDC) ทั้งยังรองรับการชาร์จระบบไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟสูงสุด 130 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จแบทเตอรีจาก 10 % ถึง 80 % ได้ในเวลาเพียง 32 นาที และเมื่อชาร์จไฟในระบบกระแสสลับ (AC)
iX1 รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AC Charging Plus ที่รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 กิโลวัตต์ ให้สามารถชาร์จแบทเตอรีจาก 0 % ถึง 100 % ได้ในเวลา 6 ชั่วโมง 45 นาที (BMW iX1 ใหม่ ยังสามารถเลือกชาร์จรถจากเครือข่ายสถานีชาร์จ BMW Charging Station ทั้งยังได้รับส่วนลด 20 % เมื่อเติมเงินค่าชาร์จในแอพพลิเคชัน EVolt)
BMW 2 Series Gran Coupe 2025 (ราคา 2,199,000 บาท)
BMW 2 Series Gran Coupe 2025 ในรุ่นรหัส 220 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบผสม 15.4 ลิตร/100 กม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
Lamborghini Temerario 2025 (ราคา 23,760,000 บาท)
Lamborghini Temerario มาพร้อมขุมพลังใหม่ล่าสุด ด้วยเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร ที่สามารถเร่งรอบเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 10,000 รตน. ซึ่งนับเป็นรอบเครื่องยนต์สูงสุดสำหรับรถซูเพอร์คาร์ที่ผลิตออกจำหน่ายจริง ให้กำลังสูงสุด 800 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร/74.5 กก.ม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว โดยติดตั้งที่เพลาหน้า 2 ตัว และในชุดเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ อีก 1 ตัว มอบกำลังรวมสูงสุดถึง 920 แรงม้า
สมรรถนะอันโดดเด่นนี้เกิดขึ้นจากการผสานเทคโนโลยีไฮบริดอย่างเต็มรูปแบบ โดย Temerario สามารถทำอัตราเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.7 วินาที และจาก 0–200 กม./ชม. ภายใน 7.4 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 343 กม./ชม. ขณะเดียวกัน มอเตอร์ไฟฟ้าบนเพลาหน้ายังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน และทำให้ Temerario สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมีส่วนช่วยลดการปล่อยไอเสีย ได้สูงสุดถึง 50 % เมื่อเทียบกับรุ่น Huracán (อูรากัน)
Leapmotor C10 Style 2025 (ราคา 978,000 บาท)
Leapmpotor C10 สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Leap 3.0 มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์/218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร/32.6 กก.ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม.
แบทเตอรีแบบ Lithium-Iron Phosphate (LFP) ขนาด 69.9 kWh ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 477 กม. (มาตรฐาน NEDC) หรือ 424 กม. (มาตรฐาน WLTP) รองรับการชาร์จ DC สูงสุด 84 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จจากระดับแบทเตอรี 30-80 % ภายใน 30 นาที นอกจากนี้ Leapmotor C10 Style ยังมาพร้อมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่ที่ปรับจูนโดยค่ายรถ Maserati (แบรนด์รถยนต์ร่วมเครือ Stellantis) และเทคโนโลยี Cell-To-Chassis 2.0 เพื่อความสมดุลระหว่างความหรูหราและความสะดวกสบายเข้าด้วยกัน
Deepal Hunter K50 2025 (ราคา 1,099,000 บาท)
Deepal Hunter K50 มาพร้อมเทคโนโลยี Range-Extended Electric Vehicle (REEV) โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้ระยะทางวิ่งสูงสุดด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 131 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) และเทคโนโลยี Range Extender ซึ่งผสานขุมพลังระหว่างเครื่องยนต์ 2.0T-GDI และมอเตอร์ไฟฟ้า R100G ที่จะทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นไร้รอยต่อระหว่างการเดินทางไกล มอบประสบการณ์การขับขี่อย่างไร้กังวลรวมกว่า 900 กม. จากการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และเติมน้ำมันเต็มถัง ขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะของรถให้กำลังรวมสูงสุด 200 กิโลวัตต์ (272 แรงม้า) แรงบิด 470 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7.9 วินาที ซึ่งเหนือกว่ารถกระบะดีเซลทั่วไป ทั้งยังตอบสนองอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 0.4 วินาที ให้ผู้ใช้รถพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วโดยปราศจากความหน่วงของเกียร์
Deepal Hunter K50 REEV Plus AWD ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท พร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ และจะส่งมอบตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
Aion UT 2025 (ราคา 519,900 - 669,900 บาท)
Aion UT 2025 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ (134 แรงม้า) แบทเตอรี LFP 44 kWh ซึ่งวิ่งได้ไกลถึง 420 กม. ความเร็วสูงสุดของ Aion UT อยู่ที่ 150 กม./ชม. สามารถชาร์จจาก 30 ถึง 80% ในเวลา 24 นาที
มีขนาดมิติตัวรถ 4,270x1,850x1,575 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,750 มม. Aion UT จะยาวกว่า 145 มม. กว้างกว่า 80 มม. และสูงกว่า 5 มม. เมื่อเทียบกับ BYD Dolphin อีกทั้ง GAC ยังกล่าวอีกว่า Aion UT นั้นมีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางที่สุดในคลาส
ราคาจำหน่าย Aion UT 2025
- Aion UT 420 Standard ราคา 499,900 บาท
- Aion UT 500 Premiumราคา 649,900 บาท
| เทียบกับคู่แข่ง | Aion UT 500 Premium | BYD Dolphin Extended Range |
| ขนาด (ยาวxกว้างxสูง) (มม.) | 4,270 x 1,850 x 1,575 | 4,290 x 1,770 x 1,570 |
| มอเตอร์ | PMSM | PMSM |
| ประเภทแบทเตอรี | แม็กกาซีนแบทเตอรี 2.0 | BYD Blade Battery |
| กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์) | 150 | 150 |
| แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) | 210 | 310 |
| อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (วินาที) | 8.3 | 7 |
| ระยะทางขับขี่ (NEDC) (กิโลเมตร) | 500 | 490 |
| ความจุแบทเตอรี (kWh) | 60 | 60.48 |
| ระบบขับเคลื่อน | ล้อหน้า | ล้อหน้า |
| ระยะเวลาการชาร์จแบบเร็ว (30-80%) (นาที) | 24 | 30 |
| ราคาประมาณการณ์ (บาท) | 649,900 | 709,000 |
Jaecoo 7 SHS 2025 (ราคา 899,000 - 999,000 บาท)

Jaecoo 7 SHS รถยนต์ไฮบริดขนาดกลาง พิกัด B-SUV โดดเด่นด้วยสมรรถนะจากเทคโนโลยี SHS (Super Hybrid System) ผสานกำลังเข้ากับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 105 กิโลวัตต์/143 แรงม้า แรงบิด 215 นิวตันเมตร ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และมอเตอร์ไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร บวกรวมกันได้ 255 กิโลวัตต์/347 แรงม้า แรงบิด 525 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที
ราคาจำหน่าย Jaecoo 7 SHS 2025
- Jaecoo 7 SHS Dynamic 2WD ราคา 899,000 บาท
- Jaecoo 7 SHS MAX 2WD ราคา 999,000 บาท
Nissan Serena e-Power 2025 (ราคา 1,690,000 - 1,710,000 บาท)
เทคโนโลยี e-Power ของ Nissan ที่ติดตั้งใน Nissan Serena e-Power ใหม่ ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์/163 แรงม้า ให้แรงบิด 315 นิวตันเมตร สามารถออกตัวได้เร็ว เร่งแซงได้อย่างทันใจ โดยไม่ต้องรอรอบ แบบเดียวกับรถไฟฟ้า 100% มาพร้อมแบทเตอรีลิเธียม-ไอออนขนาด 1.77 kWh ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินใหม่ รหัส HR14DDe ขนาดความจุ 1,400 ซีซี 3 สูบ แบบหัวฉีดไดเรคท์อินเจคชัน รองรับน้ำมัน E10 ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า
ราคาจำหน่าย Nissan Serena e-Power 2025
- Nissan Serena e-Power Highway Star ราคา 1,690,000 บาท
- Nissan Serena e-Power Highway Star สีขาวปริซึมไวท์ หลังคาสีดำ ราคา 1,710,000 บาท
- Nissan Serena e-Power Highway Star สีฟ้า เทอร์ควอยซ์บลู หลังคาสีดำ ราคา 1,710,000 บาท
New MG S5 EV 2025 (ราคา 739,900 - 949,900 บาท)
New MG S5 EV 2025 รถ SUV ไฟฟ้าล้วน จัดอยู่ในกลุ่ม B-SUV ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Nebula Pure Electric Platform มาพร้อมโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า 100% พัฒนาแบทเตอรีที่ติดตั้งในรถคันนี้ให้เป็นแบบ Cell-To-Pack ทำให้ระยะเวลาในการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
รุ่น X ใช้มอเตอร์ 125 กิโลวัตต์/ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร/ 25.5 กก.ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 8 วินาที แบทเตอรี Lithium Iron Phosphate Battery ขนาด 50 kWh (LFP) วิ่งไกล 416 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10%-80% ใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที
รุ่น V ใช้มอเตอร์ 180 กิโลวัตต์/ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร/ 35.7 กก.ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม. แบทเตอรี Lithium Iron Battery ขนาด 64 kWh (NMC) วิ่งไกล 550 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน NEDC)
ราคาจำหน่าย New MG S5 2025
- MG S5 D 50 kWh 416 km. ราคา 739,900 บาท
- MG S5 X 50 kWh 416 km. ราคา 829,900 บาท
- MG S5 V 64 kWh 550 km. ราคา 949,900 บาท
Deepal S05 2025 (ราคา 799,000 - 999,000 บาท)

Deepal S05 รถเอสยูวีน้องใหม่ มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น ได้แก่ BEV และ REEV
รุ่น REEV เป็นระบบเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร แบทเตอรี 27 kWh วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 170 กม. รวมระยะทางวิ่งด้วยน้ำมัน 1,180 กม. (มาตรฐาน NEDC) อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.9 วินาที
รุ่น BEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 238 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร แบทเตอรี 56 kWh
ราคาจำหน่าย Deepal S05 2025
- Deepal S05 BEV Lite ราคา 799,000 บาท
- Deepal S05 BEV Plus ราคา 849,000 บาท
- Deepal S05 BEV Max ราคา 899,000 บาท
- Deepal S05 REEV Plus ราคา 949,000 บาท
- Deepal S05 REEV Max ราคา 999,000 บาท
MG IM6 (ราคา 1,399,900 - 1,799,900 บาท)
New MG IM6 พร้อมประกาศราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มีนาคม และ MG พร้อมจะยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของผู้บริโภคชาวไทยให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ล้ำสมัยระดับโลก พร้อมตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างครบครัน
New MG IM6 Premium 2WD มอเตอร์ ไฟฟ้าเดี่ยว 217 กิโลวัตต์/295 แม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ขับ เคลื่อนล้อหลัง แบทเตอรี Ternary Lithium-lon (LFP) แรงดันไฟฟ้า 400 โวลท์ ขนาดความจุ 75 kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. วิ่งไกล 550 กม. (มาตรฐาน NEDC)
New MG IM6 Performance AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 579 กิโลวัตต์/787 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบทเตอรี Ternary Lithium-lon (NMC) แรงดันไฟฟ้า 875 โวลท์ ขนาดความจุ 100 kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.48 วินาที ควบคุมความเร็วสูงสุดไว้ที่ 240 กม./ชม. วิ่งไกล 634 กม. (มาตรฐาน NEDC)
ราคาจำหน่าย New MG IM6 2025
- MG IM6 Premium ราคา 1,399,900 บาท
- MG IM6 Performance ราคา 1,799,900 บาท
New Tesla Model Y Launch Series 2025 (ราคา 1,769,000 - 2,069,000 บาท)
เบื้องต้น Tesla Model Y 2025 มี 2 รุ่นย่อย นั่นคือ รุ่นปกติ Model Y (ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง) ราคา 1,769,000 บาท มีระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 466 กม. (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม. และอีกรุ่น คือ Long Range AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ราคา 2,069,000 บาท ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 551 กม. (มาตรฐาน WLTP) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม.
แน่นอนว่ายังคงมีรุ่นทอพที่แท้จริง คือ Tesla Model Y Performance คาดว่าจะเปิดตัวในภายหลัง (เป็นลักษณะการเปิดตัวเหมือนกัน Model 3 โฉมล่าสุด) พร้อมสมรรถนะที่ร้อนแรงกว่าเดิม ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย ยังคงต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 122,000 บาท และระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FSD) ต้องเพิ่มเงินอีก 244,000 บาท ยังไม่สามารถใช้งานเต็มระบบได้ในประเทศไทย
ราคาจำหน่าย Tesla Model Y Launch Series 2025
- Tesla Model Y Rear-Wheel Drive ราคา 1,769,000 บาท
- Tesla Model Y Longrange AWD ราคา 2,069,000 บาท
All-New Mitsubishi XFORCE HEV 2025 (ราคา 899,000 - 1,089,000 บาท)
Mitsubishi XFORCE HEV 2025 คู่แข่ง Toyota Yaris Cross จัดอยู่ในกลุ่ม B-SUV และคาดว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2025 นี้
ด้านขุมกำลัง Mitsubishi XFORCE ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ให้พละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 5,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ผสานกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 116 แรงม้า 255 นิวตันเมตร แบทเตอรี Lithium-Ion 1.1 kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 9.2 วินาที
ราคาจำหน่าย Mitsubishi XFORCE HEV 2025
- Mitsubishi XFORCE HEV Ignite ราคา 899,000 บาท
- Mitsubishi XFORCE HEV Ultimate ราคา 1,039,000 บาท
- Mitsubishi XFORCE HEV Ultimate X ราคา 1,089,000 บาท
Hyundai Ioniq 5 N Line 2025 (ราคา 1,988,000 บาท)
Hyundai Ioniq 5 N Line ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง กำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์/228 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร/35.7 กก.ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.4 วินาที แบทเตอรีความจุ 84 kWh ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 530 กม. (มาตรฐาน WLTP) ระบบไฟฟ้าแบบ 800 V รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC สูงสุดถึง 350 กิโลวัตต์ ส่วนแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์
Zeekr 009 2025 (ราคา 3,099,000 - 3,159,000 บาท)
Zeekr เปิดตัว 009 ด้วยรุ่น Flagship AWD 6 ที่นั่ง แบบ 2+2+2 โดยตั้งราคาไว้ 3,099,000 บาท เมื่อปีก่อน และในปีนี้ เพิ่มรุ่น Premium AWD 7 ที่นั่ง แบบ 2+2+3 เอาไว้รับกับครอบครัว และเพื่อนๆ ในราคาเดิม 3,099,000 บาท และจ่ายเพิ่ม 6 หมื่นบาท เป็น 3,159,000 บาท สำหรับรุ่น Flagship AWD 6 ที่นั่ง ในปี 2025
Zeekr 009 มาพร้อมมอเตอร์แม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) 2 ตัว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD พละกำลังรวมสูงสุด 450 กิโลวัตต์/603 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 693 นิวตันเมตร หรือ 70.7 กก.ม.
วิ่งไกล 582 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง มาตรฐาน WLTP (686 กม. ตามมาตรฐาน NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม.
ราคาจำหน่าย Zeekr 009 2025
- Zeekr 009 Premium AWD 7 Seat ราคา 3,099,000 บาท
- Zeekr 009 Flagship AWD 6 Seat ราคา 3,159,000 บาท
GWM Tank 700 2025 (ราคาคาดการณ์ 2 ล้านบาท)
Tank 700 เอสยูวียักษ์ใหญ่เรือธงจาก Great Wall Motor ขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3.0T Hi4-T แบบ Longitudinal Parallel Hybrid ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (NEDC)
Nissan Serena 2025 (ราคา 1,469,000 บาท)
Nissan Serena 2025 รถเอมพีวีไฮบริด มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลัง 2.6 แรงม้า แรงบิด 48 นิวตันเมตร รองรับน้ำมันสูงสุด E10 และทาง Nissan เคลมว่าประหยัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงถึง 14.2 กม./ลิตร
Volvo EX90 2025 (ราคา 4,290,000 - 4,890,000 บาท)
Volvo EX90 2025 เอสยูวีไฟฟ้า ภายนอกเน้นความเรียบง่าย โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Thors Hammer ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา พร้อมยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมใหม่อย่าง LiDAR กล้อง 8 ตัว เรดาร์ 5 ตัว และเซนเซอร์อุลทราโซนิค 12 ตัว ขุมพลังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วน มอเตอร์คู่ ด้านหน้า-หลัง รวมพละกำลังสูงสุด 517 แรงม้า แบทเตอรีขนาด 111 kWh วิ่งไกล 600 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (มาตรฐาน WLTP)
ราคาจำหน่าย Volvo EX90 2025
- Volvo EX90 รุ่น Twin Motors Plus 7 Seats ราคา 4,240,000 บาท
- Volvo EX90 รุ่น Twin Motors Performance Ultra 6 Seats ราคา 4,890,000 บาท
- Volvo EX90 รุ่น Twin Motors Performance Ultra 7 Seats ราคา 4,890,000 บาท
GWM Poer Sahar HEV 2025 (ราคา 1,129,000 - 1,389,000 บาท)
Poer Sahar HEV รถกระบะขุมพลังไฮบริด วางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทอร์โบแปรผัน ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 180 กิโลวัตต์/244 แรงม้า ที่ 5,500-6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร/39.0 กก.ม. ที่ 1,700-4,000 รตน. ส่วนกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 78 กิโลวัตต์/106 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 268 นิวตันเมตร/27.0 กก.ม. ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไดเรคท์อินเจคชัน (ราคาคาดการณ์ 1.6 ล้านบาท)
Deepal E07 2025 (ราคา 1,599,000 - 1,999,000 บาท)
Deepal E07 รุ่น EREV ใช้แบทเตอรีลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟทจาก CATL ความจุแบทเตอรีขนาดใหญ่ 39.05 kWh ที่สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ไกลได้จากการปั่นไฟจากเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนสามารถทำได้ถึง 180-200 กม. และทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 190 กม./ชม.
คาดการณ์ว่า Deepal Nevo E07 ในรุ่น EV กำลังจะเปิดตัวราวๆ เดือนตุลาคมปีนี้ ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 300,000 หยวน หรือประมาณ 1.470 ล้านบาท ไม่รวมภาษี และในรุ่น EREV ที่กำลังจะเปิดสายการผลิต และเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนถัดมานั้น อาจมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 270,000 หยวน หรือประมาณ 1.32 ล้านบาท ไม่รวมภาษี
ราคาจำหน่าย Deepal E07 2025
- Deepal E07 รุ่น Plus ราคา 1,599,000 บาท
- Deepal E07 รุ่น Performance AWD ราคา 1,999,000 บาท
Leapmotor C10 2025 (ราคา 1,098,000 บาท)
Leapmotor C10 2025 รถเอสยูวีไฟฟ้า 100% จากสตาร์ทอัพน้องใหม่สัญชาติจีน ผลิตมาเพื่อเจาะกลุ่มตลาดยุโรปโดยเฉพาะ มิติตัวรถ ความยาว 4,739 มม. ความกว้าง 1,900 มม. ความสูง 1,680 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,825 มม. ชุดไฟหน้า LED พร้อมแถบไฟ DRL พาดยาวเต็มพื้นที่ส่วนหน้า ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45 R20
ภายในห้องโดยสารมีมิติกว้างขวางรองรับ 5 ที่นั่ง แผงแดชบอร์ดจะมาในแบบมินินอล เรียบง่ายแต่ไฮเทค ซึ่งมีความแปลกใหม่ตรงที่ไม่มีปุ่มสั่งงานใดๆ บนคอนโซลแม้แต่จุดเดียว ซึ่งจะติดตั้งแผงหน้าปัดแบบลอยตัว LCD ขนาด 10.25 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบก้านคู่ท้ายตัด หน้าจอกลางขนาด 14.6 นิ้ว ความคมชัดระดับ 2.5K เพิ่มความอัจฉริยะด้วยชิพ Qualcomm Snapdragon 8295 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Leapmotor OS 4.0 รุ่นล่าสุด สามารถโต้ตอบด้วยคำสั่งเสียง
ระบบขับเคลื่อน Leapmotor C10 2025 ไฟฟ้าล้วน 100% ในบ้านเราคาดว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง โดยมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.29 วินาที พร้อมชุดแบทเตอรีแบบ LFP ที่มีความจุให้เลือก 2 ขนาด คือ 52.9 kWh และ 69.9 kWh วิ่งไกล 360-420 กม./การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน WLTP)
Geely EX5 2025 (ราคา 899,000 - 989,000 บาท)
Geely EX5 2025 มีมิติความยาว 4,615 มม. กว้าง 1,901 มม. สูง 1,670 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,750 มม. ถือเป็นรถที่มีขนาดใหญ่สุดในมาตรฐานกลุ่มเอสยูวีไฟฟ้าที่ขายในไทย
ภายในของ Geely EX5 โดดเด่นด้วยทริมการตกแต่งภายในและวัสดุที่หรูหรา พวงมาลัยแบบมัลทิฟังค์ชัน 2 ก้าน แผงคอนโซลกลางเป็นชั้น เชื่อมติดกับคอนโซลหน้า เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า เบาะแถวที่ 2 รองรับการปรับ 2 ระดับ สามารถพับได้แบบ 60:40
Geely EX5 2025 ใช้แบทเตอรีลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟท LFP (Lithium Iron Phosphate Battery) รุ่นล่าสุดจาก Geely โดยมีความจุให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ แบทเตอรีขนาด 49.52 kWh และ 60.22 kWh ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ให้กำลัง 215 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 175 กม./ชม. วิ่งไกล 415-505 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมรองรับการชาร์จ Type 2/CCS Combo กระแสสลับ AC จาก 10-100 % ภายใน 9 ชั่วโมง กระแสตรง DC จาก 10-80 % ภายใน 17 นาที
ราคาจำหน่าย Geely EX5 2025
- Geely EX5 รุ่น Pro ราคา 899,000 บาท
- Geely EX5 รุ่น Max ราคา 989,000 บาท
Mazda CX-5 2025 (1,349,000 - 1,859,000 บาท)
Mazda CX-5 2025 ยังคงเป็นครอสโอเวอร์เอสยูวี ในกลุ่ม ซี (C-SUV) ที่มีให้เลือก ทั้งแบบเครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.0 S กับรุ่น 2.0 SP และดีเซล เทอร์โบ รุ่น XDL ที่ขับสนุก และประหยัดน้ำมัน
นอกจากนี้ Mazda CX-5 2025 ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift และเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น กับประตูท้าย เปิด/ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี
ด้านเครื่องยนต์ของ Mazda CX-5 2025 รุ่น 2.0 S และ 2.0 SP ใช้ขุมกำลัง SKYACTIV-G ขนาด 2.0 ลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV-Drive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองได้ดี ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน เมตร พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ อิเลคทรอนิกไดเรคอินเจคชัน รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ประหยัด น้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กม./ ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม FEEL THE DRIVE
ส่วนในรุ่น XDL ใช้เครื่องยนต์ SKYACTIV-D 2.2 ลิตร มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ชั้น ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ทั้งแรงและ ประหยัด ให้กำลังถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูง 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 15.9 กม. /ลิตร ได้รับการรับรองมาตรฐาน การปล่อยไอเสียระดับ Euro5
ราคาจำหน่าย New Mazda CX-5 2025
- New Mazda CX-5 2.0 S ราคา 1,349,000 บาท
- New Mazda CX-5 2.0 SP ราคา 1,499,000 บาท
- New Mazda CX-5 XDL ราคา 1,799,000 บาท
- New Mazda CX-5 2.5 Turbo SP ราคา 1,859,000 บาท
Isuzu D-Max MHEV 2025 (ราคา 1,145,000 บาท)

Isuzu D-Max Hi-Lander 1.9 Ddi MHEV M A/T พิคอัพ 4 ประตู ตัวสูง น้องใหม่ สีขาวมุก เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการขับเคลื่อน พัฒนาต่อยอดจาก Hi-Lander 1.9 Ddi M A/T
เครื่องยนต์ อีซูซุดีเซล RZ4E-TC MHEV (EURO5) 150 แรงม้า ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS TURBO และอินเตอร์คูลเลอร์ (มอก. 3018-2563) พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการขับเคลื่อนรถยนต์ และระบบแปลงพลังงานที่สูญเสียในขณะถอนคันเร่งหรือเบรกเป็นพลังงานไฟฟ้า (REGENERATIVE BRAKING SYSTEM) พร้อมแบทเตอรี DC ขนาด 48 โวลต์ 8.4 แอมป์ ความจุ 370 วัตต์-ชั่วโมง กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) ที่ 3,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร (35.7 กก.ม.) ที่ 1,800 - 2,600 รตน. ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Rev Tronic
ราคาจำหน่าย Isuzu D-Max MHEV 2025
- Isuzu D-Max 4 ประตู Hi-Lander 1.9 Ddi MHEV M A/T มีตัวรถเพียงสีเดียว คือ ขาวมุก โดยมีราคาอยู่ที่ 1,145,000 บาท






























































